อ้างตร.บุกรุกขังปล่อยล็อตไวเลอร์งับ | คมชัดลึก

เหตุปิดประตูขังตำรวจ ให้หมากัดครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 10 มิ.ย. ศูนย์วิทยุพลาญชัย รับแจ้งทางวิทยุขอความช่วยเหลือจาก ด.ต.มานพ อังกระโทก ผบ.หมู่ งานจราจร สภ.เมืองร้อยเอ็ด ว่า ถูกเจ้าของร้านทำป้ายโฆษณาแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ริมถนนบ้านรอบเมือง หมู่ 5 ต.รอบเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ใกล้กับปั้ม ปตท. ถนนเลี่ยงเมืองทางออกไป อ.เมืองสรวง ปิดประตูขังไว้ พร้อมปล่อยสุนัขพันธุ์ล็อตไวเลอร์ ตัวใหญ่ 2 ตัว ออกมาไล่งับ โดยมีเจ้าของร้านออกมาพูดจาหาว่าบุกรุก

 หลังรับแจ้ง พ.ต.ท.วุฒิชัย แช่มช้อย รอง ผกก.(จร) สภ.เมืองร้อยเอ็ด พร้อมด้วย พ.ต.ต.อำนาจ แก้วน่าน สว.จร. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่จราจร และผู้สื่อข่าวหลายแขนง เดินทางไปที่เกิดเหตุ พบประตูไม้ชนิดเลื่อนบานใหญ่ถูกล็อคกุญแจไว้ โดยมี ด.ต.มานพ ยืนขาสั่นอยู่ภายใน เนื่องจากสุนัข 2 ตัวขนาดใหญ่ พยายามตะกุยที่ขากางเกง และเห่าขู่อยู่ข้างๆ เจ้าหน้าที่ได้ขอร้องให้เจ้าของร้านเปิดประตูและนำสุนัขออกไป

 สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ ด.ต.มานพ ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจจราจร อยู่บริเวณ สี่แยกถนนเลี่ยงเมืองใกล้ที่เกิดเหตุ พบ นายวิทยา นิลพันธุ์ อายุ 23 ปี บ้านเลขที่ 74 หมู่ 4 ต.หมูม้น อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นพนักงานในร้านทำป้ายดังกล่าวขี่รถ จยย.ยามาฮ่า นูโว MX (แบบหญิง) สีดำ ทะเบียน ขจพ 850 ร้อยเอ็ด ไม่สวมหมวกกันน๊อค และ ดัดแปลงสภาพรถผ่านมา จึงเรียกให้หยุดเพื่อตรวจสอบ แต่ปรากฏว่านายวิทยาได้ขับรถซิ่งหนี จึงขับรถ จยย.ไล่ติดตาม

 พอเข้าไปถึงโรงงาน นายวิทยาก็จอดรถทิ้งไว้ หลบหนีเข้าไปหลังโรงงาน ด.ต.มานพ จึงจะเข้าไปตรวจสอบ ทันใดนั้นได้มีเจ้าของร้าน คือ นายสาธิต วิทย์เวชตระกูล อายุ 42 ปี บ้านเลขที่ 33 / 37 ถ.กองพลสิบ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด ออกมาปิดประตูขังไว้ก่อน ที่จะปล่อยสุนัขพันธุ์ล็อตไวเลอร์ 2 ตัวใหญ่ ออกมาเพื่อให้กัด ด.ต.มานพ แต่โชคดีที่ ด.ต.มานพ ไม่ขยับเขยื้อน ทำให้สุนัขได้แต่กระโดดตะกุยขากางเกงและเห่าขู่ จน ด.ต.มานพ ถึงกับเหงื่อท่วม ต้องยืนนิ่ง

 จากนั้นตำรวจผู้ใหญ่ทั้งสองคนที่ไปถึง ก็ได้เข้าไปเจรจาให้ เนื่องจากเจ้าของร้านกล่าวหาว่า ด.ต.มานพบุกรุก แต่ข้อเท็จจริงแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิบัติหน้าที่ เพราะเป็นเหตุซึ่งหน้า จึงได้ออกใบสั่งทำการตรวจยึดรถ จยย.คันดังกล่าวมาตรวจสอบ และแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของร้านป้ายเบื้องต้น ในข้อหาขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ และ กักขังหน่วงเหนี่ยวเจ้าพนักงานต่อไป