ข่าว

แฉ!2นักแบดฉาวหวิดวางมวยยก2

แฉ!2นักแบดฉาวหวิดวางมวยยก2

24 ก.ค. 2556

2 นักแบดฉาวหวิดวางมวยยก 2 แต่โค้ชเคลียร์ทัน ด้านสหพันธ์แบดมินตันโลก สั่งตั้งคณะกรรมการสอบด่วน ชี้ที่ผ่านมายังไม่เคยแบนตลอดชีวิต

 

                             ความคืบหน้ากรณีเหตุการณ์ช็อกในวงการแบดมินตันโลก เมื่อ 2 นักหวดลูกขนไก่ไทย นายมณีพงศ์ จงจิตร หรือ “เอ” กับ นายบดินทร์ อิสระ หรือ “อาร์ต” นักแบดมินตันที่เคยเป็นคู่หูสร้างผลงานในนามทีมชาติ และการเล่นอาชีพ ก่อเหตุทะเลาะวิวาทชกต่อยกันอย่างรุนแรงถึงขั้นเลือดอาบระหว่างการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศแบดมินตัน ประเภทชายคู่ “แคนาดา โอเพ่น” ที่เมืองริชมอนด์ ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม โดยเหตุฉาวครั้งนี้ถูกประจานไปทั่วโลก ทั้งภาพนิ่งและเคลื่อนไหวผ่านทางโซเชียลเน็ตเวิร์ก

                             ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม นางรุ่งนภา พินทุวัฒน์ ผู้จัดการทีมแบดมินตันไทยที่ได้รับมอบหมายให้เดินทางไปดูแลนักกีฬาที่ประเทศแคนาดา เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันได้แยกนักกีฬาทั้งสองออกจากกันแล้ว โดยให้นายมณีพงศ์ไปวอร์มดาวน์อยู่ที่สนามข้างๆ แต่ปรากฏว่า นายบดินทร์ยังคงสงบสติอารมณ์ไม่อยู่ได้วิ่งเข้าไปอีกครั้ง แต่นายมณีพงศ์วิ่งหนีได้ทัน โดยวิ่งจากสนามวอร์มทะลุไปยังสนามแข่งขันที่กำลังเตรียมสำหรับการแข่งขันชิงชนะเลิศหญิงเดี่ยว ทำให้ไม่มีเรื่องรุนแรงเกิดขึ้นซ้ำสอง และในคืนนั้นนายบดินทร์ได้ถูกย้ายไปพักอีกโรงแรมหนึ่ง เพื่อตัดปัญหาความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นอีก

                             "ดิฉันได้ประสานไปยังนายเจน ปิยะทัต ผู้ฝึกสอนสโมสรแกรนด์นูลาร์ ต้นสังกัดของบดินทร์ถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งนายเจนยอมรับว่า บดินทร์เป็นฝ่ายผิด เบื้องต้นได้ถูกปรับให้เป็นฝ่ายแพ้ในการแข่งขันแล้ว แต่เรื่องทั้งหมดนั้น เกิดจากทั้ง 2 ฝ่ายยั่วยุซึ่งกันและกัน โดยบดินทร์ได้ส่งข้อความขอโทษมาหาดิฉันในฐานะผู้จัดการทีมแล้ว ส่วนปัญหาความแตกหักส่วนตัวมองว่า ยากที่จะประสานให้กลับคืนมาดังเดิม เพราะไม่มีใครทราบสาเหตุลึกๆ ที่แท้จริงว่า ทั้งคู่โกรธเกลียดกันเรื่องอะไรจึงได้ก่อเหตุร้ายแรงขนาดนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนที่ยังเล่นคู่กัน และสนิทกันมากไปแข่งขันตามสถานที่ต่างๆ เข้าพักในห้องเดียวกันยังลากเตียงมานอนติดกัน” นางรุ่งนภา กล่าว

                             สำหรับกำหนดการเดินทางกลับนั้น นางรุ่งนภากล่าวว่า นายมณีพงศ์จะเดินทางกลับ ด้วยสายการบินไทยไปที่ลอสแองเจลิส ก่อนมุ่งหน้ามายังประเทศไทย ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ในวันที่ 24 กรกฎาคม เวลา 23.40 น. ขณะที่นายบดินทร์จะเดินทางกลับด้วยสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ บินตรงถึงไทยในวันและเวลาที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งหลายฝ่ายไม่ว่าจะเป็นสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย สโมสรต้นสังกัดนักกีฬา และตัวนักกีฬาเองได้มีความพยายามประสานกันว่า จะดำเนินการเรื่องนี้อย่างไรเมื่อถึงประเทศไทย โดยจะให้ทั้งคู่จับมือกันต่อหน้าสื่อมวลชน และกล่าวขอโทษคนไทยทั้งประเทศ แต่ยังไม่มีใครแน่ใจว่าจะสามารถทำได้หรือไม่

                             นายสุรศักดิ์ ส่งวรกุลพันธุ์ เลขาธิการสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 27 กรกฎาคม นี้ สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย จะนัดกรรมการบริหารประชุม เพื่อพิจารณาเหตุการณ์ในครั้งนี้ โดยจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อสอบสวนเรื่องราวที่มาที่ไป และปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด เบื้องต้นทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายบดินทร์ ที่ถูกปรับแพ้ในการแข่งขันเรียกว่าถูก “ใบดำ” และปรับเงินอีก 500 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนโทษอื่นๆ นั้น ไม่สามารถคาดเดาได้ว่า สหพันธ์แบดมินตันโลก (บีดับเบิลยูเอฟ) จะพิจารณาและตัดสินเรื่องนี้อย่างไร แต่ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาสหพันธ์แบดมินตันโลก ไม่เคยลงโทษนักกีฬาถึงขั้นแบนตลอดชีวิตมาก่อน

                             เลขาธิการสมาคมแบดมินตันกล่าวอีกว่า เหตุการณ์อื้อฉาวที่สุดในวงการแบดมินตันโลกคือ การเล่นแบบสมยอมในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งสมาคมแบดมินตันของนักกีฬาแต่ละชาติที่ “ล้มแบดมินตัน” ใน “ลอนดอนเกมส์” นั้น ได้ลงโทษนักกีฬาของตนเอง และเป็นที่พอใจของสหพันธ์แบดมินตันโลก จึงไม่ได้ลงโทษใดๆ เพิ่มเติม ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสมาคมแบดมินตันฯ วันที่ 24 กรกฎาคม นี้ ว่าจะเป็นอย่างไร หากนักกีฬาไทยถูกลงโทษถึงขั้นแบนตลอดชีวิต ก็จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการแบดมินตันโลก

                             ด้าน ศ.เจริญ วรรธนะสิน นายกสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ถึงเวลานี้สมาคมยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆ จากสหพันธ์แบดมินตันโลก มีเพียงสหพันธ์แถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ว่ารับทราบเรื่องนี้ และคณะกรรมาธิการด้านวินัย กำลังพิจารณาลงโทษ โดยหลักๆ แล้วการได้รับโทษในเรื่องนี้ จะมีอยู่ 2 ทาง คือ จากทางสหพันธ์ที่กำลังพิจารณาอยู่ เบื้องต้นการที่คู่ของบดินทร์ถูกปรับแพ้ และโดนใบดำ จะโดนปรับอย่างน้อย 500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือมากที่สุด 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนโทษทางวินัย ซึ่งทำให้กีฬานี้เสื่อมเสียภาพลักษณ์ ด้วยการทะเลาะวิวาท ต้องรอผลต่อไป เมื่อทราบ สมาคมก็จะแจ้งไปยังนักกีฬาต่อไป 

                             "ขณะที่การพิจารณาลงโทษอีกทาง ทางสมาคมจะเป็นผู้ดำเนินการ โทษฐานที่ทำให้ชื่อเสียงของประเทศเสียหาย ซึ่งสมาคมมีระเบียบอยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม การพิจารณาโทษ สมาคมจะพิจารณารอบด้าน เป็นไปตาม พ.ร.บ.กกท.ปี 2528 ซึ่งเป็นกฎหมายกีฬา ไม่ใช่กฎหมายทางอาญา ซึ่งจะไม่ทำด้วยความเคียดแค้น จะทำด้วยความรัก ให้รู้จัก และสำนึกว่าสิ่งที่กระทำลงไปเป็นสิ่งที่ไม่สมควร ทั้งนี้จากผลงานชายคู่ในโอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่บดินทร์ กับ มณีพงศ์ สร้างความสุขให้คนไทย ก็เป็นอีกด้านที่สมาคมจะนำมาพิจารณาประกอบกัน"

                             ส่วนความไปเป็นได้หรือไม่ ที่สมาคมจะประสานให้ทั้งคู่กลับมาคืนดีกัน ศ.เจริญ ยอมรับว่า รอยร้าวที่เกิดขึ้นยากที่จะประสานได้อีกต่อไป เพราะก่อนหน้านี้สมาคมเคยเป็นกาวใจให้ทั้ง 2 คนได้กลับมาคืนดีกันแล้ว แต่สุดท้ายทำไม่สำเร็จ

                             ขณะที่นายเจน ปิยะทัต ประธานสโมสรแกรนนูลาร์ ต้นสังกัดของนายบดินทร์ กล่าวว่า นายบดินทร์รู้สึกผิดหวังกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและได้ส่งไลน์ไปขอโทษนายมณีพงศ์ว่า "กูขอโทษ" แล้ว แต่นายมณีพงศ์ยังไม่มีคำตอบใดๆ กลับมา ซึ่งได้สอบถามทีมงานของสมาคมแบดมินตันถึงความเป็นไปได้ที่จะให้ทั้งคู่แถลงข่าวร่วมกัน แต่เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่กับทีมไม่สามารถตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้

                             "ส่วนบทลงโทษที่สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย และสหพันธ์แบดมินตันโลก (บีดับเบิลยูเอฟ) ซึ่งมีการพูดถึงกันถึงขั้นการลงโทษห้ามแข่งตลอดชีวิต ถ้าจะแบนบดินทร์ ก็ขอให้แบนสโมสรแกรนนูลาร์ด้วย โดยบดินทร์มีคิวไปแข่งขันที่ไต้หวัน ญี่ปุ่น และ จีน 3 รายการติดต่อกัน หากมีบทลงโทษออกมาคงไม่สามารถไปแข่งได้"

                             ประธานสโมสรแกรนนูลาร์กล่าวอีกว่า เบื้องต้นอาจจะให้นายบดินทร์โอนสัญชาติไปเล่นในลีกอาชีพของประเทศอื่น โดยเป็นรายการที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสหพันธ์ ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมการไว้บ้างแล้ว แต่ถ้าเจ้าตัวตัดสินใจแขวนแร็กเก็ตเลิกเล่นไปก็จะให้มาเป็นผู้ฝึกสอนในสโมสร และพนักงานของบริษัท ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าตัวยังไม่ได้เอ่ยปาก เพียงแต่มีการคาดการณ์กันไปต่างๆ นานา แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทางสโมสรแกรนนูลาร์จะดูแลบดินทร์ และครอบครัวจนถึงที่สุด เพราะนายบดินทร์ไม่ได้มีอาชีพอื่น เป็นนักแบดมินตันเต็มตัว