
ใต้ป่วน!ดักยิงกำนันตำบลกาตองสาหัส
คนร้ายดังยิงกำนันตำบลกาตอง อ.ยะหา จ.ยะลา ได้รับบาดเจ็บ ตร.เชื่อเรื่องส่วนตัว'กอ.รมน.'โว'รอมฎอน'ปี 56 บึ้มลดลง ด้านสมช.เผย'หน่วยมั่นคง'ค้านผนวก'สะเดาพท.เสี่ยง
เมื่อเวลา 11.50 น.วันที่ 19 กรกฎาคม ศูนย์รวมข่าว สภ.เมืองยะลา ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุยิงกันมีผู้ได้รับบาดเจ็บหน้าหอพักไม่มีเลขที่ ซอยข้างร้าน 7-11 สาขาตือเบาะ หมู่ 10 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา จึงได้แจ้ง พ.ต.อ.พชรพล ณ นคร ผกก.สภ.เมืองยะลา พร้อม ร.ต.อ.รุสดี กะโด ร้อยเวรฯ สภ.เมืองยะลา เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
ทั้งนี้ ที่เกิดเหตุบริเวณที่จอดรถด้านข้างหอพักดังกล่าว ทราบว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลยะลา แล้วทราบชื่อคือ นายมะซากี กาแนะ อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/1 หมู่ 2 ต.กาตอง อ.ยะหา จ.ยะลา ซึ่งเป็นกำนันตำบลกาตอง ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าที่เอวจำนวน 1 นัด แพทย์ต้องรีบนำตัวเข้าห้องผ่าตัด นอกจากนั้นในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่พบรอยเลือด ปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 3 ปลอก และหัวกระสุน 2 หัว ตกอยู่ และอาวุธปืนขนาด 9 มม. ซึ่งทราบว่าเป็นของนายมะซากี ตกอยู่อีก 1 กระบอก จึงเก็บรวบรวมเอาไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนทราบว่าในขณะที่นายมะซากี ขับรถยนต์เข้ามาจอดตรงจุดเกิดเหตุ และได้เดินลงจากรถ เพื่อไปพบแฟนสาวที่หอพักดังกล่าว คนร้ายเป็นชายวัยรุ่น ซึ่งคาดว่าดักรออยู่ ได้เดินเข้าประกบพร้อมใช้อาวุธยิงใส่ทันที จนได้รับบาดเจ็บดังกล่าว ก่อนคนร้ายจะวิ่งหลบหนีไป ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นสาเหตุจากเรื่องส่วนตัวมากกว่าสถานการณ์ ซึ่งจะเชิญตัวแฟนสาวของนายมะซากี มาให้ข้อมูลเพื่อดำเนินการจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป
กอ.รมน.โว"รอมฎอน"ปี 56 บึ้มลดลง
พล.ต.สุรชาติ จิตต์แจ้ง หัวหน้าส่วนงานโฆษกกระทรวงกลาโหม สารสนเทศ และกิจการพลเรือน สำนักรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม พร้อมผู้แทนจากส่วนราชการ ร่วมกันแถลงข่าวความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยนายสัมพันธ์ มูซอดี ผู้ช่วยเลขาศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวว่า กลุ่มงานสนับสนุนการสร้างสภาวะที่เกื้อกูลต่อการแสวงหาทางออกจากความขัดแย้ง โดยสันติวิธี ได้มีส่วนส่งเสริม และเห็นความสำคัญยิ่งในช่วงเดือนรอมฎอน ที่ถือว่าเป็นเดือนที่ประเสริฐของพี่น้องชาวมุสลิมทั่วโลก บรรยากาศในเดือนนี้ได้เอื้อต่อการที่จะเกิดความสันติสุขอย่างแท้จริง สิ่งที่บ่งบอกได้ถึงสถานการณ์ที่ส่งสัญญานดีขึ้นอีกอย่างหนึ่งคือช่วงละศีลอด ในช่วงเย็น มีประชาชนออกมาจับจ่ายซื้อของมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะตัวเมืองทั้ง 5 จังหวัดชายแดนใต้ รถจะติดเป็นระยะทางยาว นอกจากนี้ ศอ.บต.ได้ส่งเสริมในเรื่องภาษามาลายู ที่ใช้กันในพื้นที่ โดยได้ผลิตรายการโทรทัศน์เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติศาสนกิจเป็นภาษามาลายู วิทยุกระจายกรมประชาสัมพันธ์ ภาษามาลายู ตลอด 24 ชม.
พ.อ.บรรพต พูลเพียร โฆษกกอ.รมน. ชี้แจงว่า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้ดำเนินการฝึกบุคลากรครูเพื่อป้องกันตนในสถานการณ์ฉุกเฉิน จำนวน 7 รุ่น รวม 360 คน โดยร้อยละ 87 มีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถป้องกันตนเองได้ ส่วนของแผนพิทักษ์ 7 เมืองใหญ่ คือ อ.เมืองยะลา อ.เมืองปัตตานี อ.เมืองนราธิวาส อ.เบตง อ.สุไหงโก-ลก อ.ตากใบ และ อ.หาดใหญ่ พบว่า การก่อเหตุรุนแรงในเขตเมืองลดลงเมื่อเทียบกับปี 54 และ 55 ขณะที่เดือนรอมฎอนปีนี้ การก่อเหตุรุนแรงลดลงจากปีที่ผ่านมา มีประชาชนออกมาละหมาดที่มัสยิดในตอนกลางคืนมากขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดย 9 วันแรกของเดือนรอมฎอน มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่รัฐเพียง 3 ครั้ง และหากเทียบกับในช่วงเดียวกันของปี 2548 มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นประมาณ 12- 18 ครั้ง
ด้านพ.อ.จรูญ อำภา ที่ปรึกษาสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงกรณีที่นายดาโต๊ะ ซัมซามีน ผู้ประสานงานของมาเลเซีย แถลงต่อสื่อฯ โดยใช้คำว่า “บันทึกความเข้าใจร่วมกัน” ในกรณีประกาศเอาพื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา รวมเข้ามาเป็นพื้นที่เกี่ยวพันกับสถานการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ (จชต.) ว่า การควบรวมหรือเสนอให้รวม อ.สะเดา เป็นพื้นที่ที่มีการก่อเหตุเพิ่มเติมจากพื้นที่ 4 อำเภอ จ.สงขลานั้น เป็นเพียงข้อเสนอของผู้แทนประเทศมาเลเซีย ซึ่งผู้บังคับบัญชาทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้ที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงได้ตระหนักและมีความเห็นที่รู้สึกไม่สบายใจที่เขาเสนอมา แต่เราเพียงแค่รับฟัง เพราะเป็นข้อเสนอจากการพูดคุย ซึ่งต้องนำมาศึกษาวิเคราะห์ร่วมกันว่า เหตุใดจึงต้องรวม เราเพียงแต่รับฟังและมองภาพกว้างว่าเป็นเรื่องของเศรษฐกิจ ซึ่งเราต้องวิเคราะห์ว่า สิ่งที่เขาเสนอมาเป็นข้อเรียกร้องจากประชาชนหรือเป็นเพียงข้อเสนอของประเทศ เรามองว่า ในเรื่องของการกำหนดพื้นที่ความมั่นคง เรากำลังเดินไปในทางที่ถูกต้อง โดยลดพื้นที่ เมื่อไม่มีเหตุรุนแรงเราก็ลดการบังคับใช้กฎหมายลง ซึ่งในพื้นที่ อ.สะเดา ไม่มีเหตุรุนแรงที่เราจะต้องนำมาวิเคราะห์ ส่วนของมิติด้านความมั่นคงนั้นยังไม่มีเหตุอันจำเป็นที่จะต้องนำมาผนวกเป็นพื้นที่ที่มีความรุนแรง ทั้งนี้กระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำเรื่องเพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยผ่านมาทางสมช. จากนั้นจะเป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศที่จะต้องตอบต่อไปว่าเราไม่เห็นด้วยที่จะหยิบยกขึ้นมา
เมื่อถามว่า ขณะนี้ยังมีการก่อเหตุในพื้นที่ แม้ตัวแทนกลุ่มบีอาร์เอ็นประกาศยุติการก่อเหตุในช่วงรอมฎอน พ.อ.จรูญ กล่าวว่า เราต้องใช้เวลาพิสูจน์ทราบจากพยานบุคคล พยานหลักฐาน และนิติวิทยาศาสตร์ก่อนว่าเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากภัยแทรกซ้อนอื่นหรือไม่ หรือเกิดจากความคิดเห็นส่วนตัว หรือความไม่พอใจต่างๆ ที่เกิดกับหน่วยในพื้นที่ ซึ่งเราไปขัดขวางเส้นทางการลำเลียงของเขาหรือไม่ ทั้งเรื่องอาวุธ สิ่งเสพติด และสินค้าเถื่อนจึงยังไม่สามารถสรุปได้ แต่เราได้หารือกันไว้ว่า เราจะเชื่อมั่น 100 % คงเป็นไปไม่ได้ เพราะอาจจะเป็นมีเปอร์เซ็นต์ที่เกิดขึ้น หากมองมิติความรุนแรงนั้นยังมีกลุ่มยังที่ไม่เห็นด้วยอยู่ ทั้งนี้ตนมองว่าการก่อเหตุที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำนอกรีตและนอกศาสนา เพราะทุกศาสนาต้องการความสงบสุข ส่วนความคืบหน้าในการดูแลคุ้มครองพยานในพื้นที่นั้น ทางสมช.พร้อมขับเคลื่อนพร้อมเป็นแม่งานในช่องทางที่ถูกต้องและรวดเร็วสามารถดำเนินการได้ทุกช่องทาง เพราะสุดท้ายจะมาจบที่สมช. ตนได้นำเรียนผู้แทนของกระทรวงยุติธรรมว่านำแผนเรื่องการคุ้มครองพยานและการจัดหาเครื่องมือด้านนิติวิทยาศาสตร์ ที่จะทำให้คดีหลุดน้อยที่สุดเสนอผ่านงานด้านความยุติธรรมนำเข้ามาประชุมร่วมกันในศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์แก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) เพื่ออนุมัติในที่ประชุมในเร็วๆนี้ เนื่องจากมีงบประมาณเพียงพอในการขับเคลื่อน



