ข่าว

ตามดู "บักสีโสตาย-นายใหญ่"ถูกมนต์เขมร

ตามดู "บักสีโสตาย-นายใหญ่"ถูกมนต์เขมร

10 มิ.ย. 2552

สนามเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 3 สกลนคร แทนนายพงษ์ศักดิ์ บุญศล อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่โดนใบแดง และส่ง “อนุรักษ์ บุญศล” ภรรยานายพงษ์ศักดิ์ ลงสมัคร และต้องสู้แบบตัวต่อตัวกับ “พิทักษ์ จันทศรี” ผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย ทำให้สนามเลือกตั้งนี้มีความหมายยิ่งต่อทั้ง “เ

 จึงเป็นเกมเลือกตั้งที่ต่างฝ่ายต่างแพ้ไม่ได้ ขณะเดียวกัน หากผลเลือกตั้งที่ ”เพื่อไทย” พ่ายแพ้ นั่นย่อมส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อ ส.ส.ของพรรคที่จำนวนไม่น้อยอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกับคนยืนหน้าประตู จะอยู่หรือไปพอๆ กัน

 ซึ่งหากชัดเจนว่า “กระแส” ช่วยไม่ได้คาดว่า ส.ส.จำนวนไม่น้อยต้องทยอยตามก้น “จุมพฏ บุญใหญ่” ส.ส.เพื่อไทย เขต 2 สกลนคร ที่เข้าภูมิใจไทยคนล่าสุด ทั้งที่ยังมีสถานภาพการเป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย

 “เป็นศึกตีเมืองและรักษาเมือง โดยเพื่อไทยรักษาเมือง ภูมิใจไทยเข้าตีเมือง แต่ถ้าเพื่อไทยแพ้ถือว่าเพื่อไทยจะแพ้ในการเลือกตั้งทั่วไปในภาคอีสานในการเลือกตั้งครั้งหน้า ส่วนภูมิใจไทยแพ้ถือว่ายังไม่แพ้ในการเลือกตั้งทั่วไป” จุมพฏให้มุมมองเลือกตั้งครั้งนี้

 การเลือกพื้นที่ จ.สกลนครเพื่อเปิดสงครามเต็มรูปของภูมิใจไทย อีกนัยหนึ่งถือเป็น "สงครามสั่งสอน" ไปในตัว เพราะหลังจากที่กลุ่มเพื่อเนวินแยกตัวออกมาสนับสนุนประชาธิปัตย์ ส.ส.เขตสกลนคร 7 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน ได้แยกตัวตามกลุ่มเพื่อนเนวินมา 3 คน คือ เฉลิมชาติ การุณ ทวีวัฒน์ ฤทธิ์ลือชา และ วีระ รักความสุข ตามด้วย จุมพฏ บุญใหญ่

 ทั้งหมดถูกตามล้างตามล่าในข้อหาทรยศนายใหญ่ !

 หากการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ พิทักษ์ จันทศรี ชนะ ก็ถือว่าภูมิใจไทยทะลุทะลวงสกลนคร ย่อมส่งผลต่อการตัดสินใจต่อ ส.ส.นกแลทั้งหลาย

 เพื่อไทย ที่เลือดไหลไม่หยุดก็ยังพุ่งเป้าทำคะแนนจากกระแสความนิยม พ.ต.ท.ทักษิณ ที่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ทำให้ผู้สมัครนอกสายตาหลายคนกลายเป็นม้ามืดชนะยกจังหวัด โดยผู้สมัคร คือ นางอนุรักษ์ บุญศล อดีต ผอ.โรงเรียนเอกชน แม้จะเป็นหน้าใหม่ แต่ช่วยสามีลงพื้นที่มากว่า 20 ปี ได้ ไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม เป็น ผอ.เลือกตั้ง มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย จตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน เป็นทัพหนุน โดยให้ ส.ส.ที่เหลือ เช่น นิยม เวชกามา เสรี สาระนันท์ และเกษม อุประ ช่วยคุมเสียงในพื้นที่

 แต่เมื่อเทียบกับกองทัพของภูมิใจไทย ที่ "เนวิน ชิดชอบ" ดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งสรรพกำลังและอำนาจในมือที่เพียบพร้อม ระบบการจัดการ และการเดินเกมแบบกล้าได้กล้าเสีย ทำให้ตั้งแต่วันประกาศตัวลงสมัครทำเอาเพื่อไทยยังตั้งตัวไม่ติด

 ฐานบัญชาการของเพื่อไทยในพื้นที่เลี่ยงไปตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 1 ในเขต อ.พรรณานิคม เขตฐานเสียงของ ทวีวัฒน์ ฤทธิ์ลือชา และ วีระ รักความสุข ซึ่งเป็นเรื่องเทคนิคลดความเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย การสัมมนา การประชุม การจัดกิจกรรมถี่ยิบเพื่อสร้างกระแส สร้างข่าวได้โดยถนัด

 ขณะที่ทั้ง 5 อำเภอ มีการวางระบบจัดการแบบหวังผล โดยแบ่งความรับผิดชอบรายอำเภอคือ บรรจง วงศ์ไตรรัตน์ รมช.มหาดไทย รับผิดชอบ อ.สว่างแดนดิน ธีระชัย แสนแก้ว อดีต รมช.เกษตรฯ รับผิดชอบ อ.ส่องดาว ประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รับผิดชอบ อ.เจริญศิลป์ ศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรฯ รับผิดชอบ อ.คำตากล้า และ ทรงศักดิ์ ทองศรี อดีต รมช.คมนาคม รับผิดชอบ อ.บ้านม่วง

 ขณะที่ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในเขตจังหวัดใกล้เคียงถูกสั่งให้เข้าร่วมรับผิดชอบระดับตำบล โดยให้กิน-นอน ที่บ้านกำนัน ห้ามออกจากพื้นที่ โดยมีระบบการตรวจเช็กพร้อมมีมาตรการ "ลงโทษ" เสร็จสรรพ เพื่อบล็อก 450 หมู่บ้าน ให้อยู่ในสายตาคนระดับรัฐมนตรีตลอด

 นั่นเท่ากับว่าจากวันสมัครเลือกตั้งเป็นต้นมา ในระดับแกนนำ ทั้งข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และหัวคะแนนใหญ่ในพื้นที่ ถูกตรวจสอบความเคลื่อนไหวว่าใครอยู่ฝ่ายไหนชัดเจนแล้ว

 ในระดับชาวบ้านผู้มีสิทธิ์ 2.5 แสนคน ก็ถูกตรวจสอบความโน้มเอียงอย่างละเอียด เช่น หากทีมใหญ่ที่นำโดย ร.ต.อ.เฉลิม ที่ประกาศเป็น "บักสีโสตาย" ลงพื้นที่ปราศรัย ในวันเดียวกัน ภูมิใจไทย จะจัดเวทีย่อย 50 เวที กระจายลงพื้นที่ตรึงชาวบ้านให้อยู่กับที่ และสามารถเช็กได้ว่าในหมู่บ้านมีใครบ้างที่ไปฟังการปราศรัยที่เวทีใหญ่ของเพื่อไทย

 นี่เป็นกลยุทธ์ชั้นเซียนเพื่อแยกฝ่าย แยกขั้ว เป็นฐานข้อมูลไว้รอเผด็จศึกในวันสุกดิบ !
 จากการประเมินทั้งสองฝ่าย ให้ความต่างของคะแนนแพ้-ชนะในสนามนี้ประมาณ 5,000 แต้ม จึงทำให้การเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 13-14 มิถุนายน ถูกจับตามองว่าจะเป็นการขนคนมาลงคะแนนมากเป็นประวัติการณ์ อาจจะมีถึง 2.4 หมื่นคนเลยทีเดียว

 ขณะที่เพื่อไทย ที่ต้องรักษาที่นั่งไว้ให้ได้ก็สู้ยิบตา มี พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอาวุธหนัก พร้อมวางคิว คนในตระกูลชินวัตรลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง นั่นก็เท่ากับว่า ในช่วงโค้งสุดท้ายที่ต่างคนต่างรู้เชิงกันย่อมรู้ว่าหมากสุดท้ายจะมีอะไรตามมา

 จำนวนคนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าเป็นดัชนีตัวแรก ที่หากเป็นบวกกับ "ภูมิใจไทย" ฝั่ง "เพื่อไทย" ก็จะเหลือโอกาสเพียง "กระแส" เท่านั้นที่จะฉุดให้ "อนุรักษ์" มีแต้มเหนือกว่า "พิทักษ์"

 นาเชื่อว่า ชัยชนะในสนามนี้บางคนอาจไม่เกี่ยงวิธีการ เพราะเพียงได้ชูมือวันนับคะแนนก็ส่งผลทางจิตวิทยาแก่ทั้งเพื่อไทย และภูมิใจไทย

 “ชัยชนะที่สกปรก อาจมีความหมายกว่าความพ่ายแพ้อย่างขาวสะอาด” ในสนามนี้

ศูนย์ข่าวภาคอีสาน