ข่าว

ไฟไหม้รง.รีไซเคิลพลาสติก70ชีวิตหนีตาย

ไฟไหม้รง.รีไซเคิลพลาสติก70ชีวิตหนีตาย

03 ก.ค. 2556

ทะเลเพลิงโหมกระหน่ำ รง.รีไซเคิลพลาสติก คนงานกว่า 70 หนีตายกลางดึก จนท.ดับเพลิงระดมฉีดน้ำสกัดกั้นนาน 5 ชม.จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ วอดกว่า 100ล.

 
          วันที่ 3 ก.ค.56  เมื่อเวลา 00.30 น. พ.ต.ท.ณรงค์ เพชรทอง พนักงานสอบสวนสภ.สระยายโสม  ต.สระยายโสม อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ได้รับแจ้งจากนายองอาจ ศรีแสงจันทร์  อายุ 50 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 ต.สระยายโสม ว่าเกิดเพลิงไหม้โรงงานสุนทรี พลาสติกติด ถนนมาลัยแมน-สุพรรณบุรี จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น ก่อนเดินทางไปตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ชาติชาย นาคะสุวรรณ ผกก.,พ.ต.ท.พิชกิจ นิจแสวง รอง ผกก.ป,พ.ต.ท.มีชัย ศรุตานันท์  รอง ผกก.ส.ส, ร.ต.อ.บุญธรรม มีใจซื่อ รองสวป.  และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง พร้อมด้วยมูลนิธิกู้ภัยเสมอกัน, มูลนิธิกู้ภัยจักรนารายณ์ก่อนประสานไปยังงานบรรเทาสาธารณะภัยใกล้เคียง นำรถดับเพลิงกว่า 20 คันมาร่วมทำการฉีดน้ำสกัดกั้นเพลิงที่กำลังโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง
 
          ที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นโรงงานฉีดเม็ดพลาสติกและผลิตสีสำหรับอุตสาหกรรมพลาสติกชื่อ สุนทรีพลาสติก ปลูกสร้างเป็นอาคารสองชั้น มีกำแพงรั้วรอบขอบชิด บนเนื้อที่ประมาณ 3-4ไร่ เจ้าหน้าที่พบเพลิงกำลังโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง ท่ามกลางความโกลาหลของพนักงานลูกจ้างทั้งไทยและพม่า ที่ช่วยกันขนทรัพย์สินในโรงงานและบ้านพักที่พอขนออกมาได้หนีไฟกันจ้าละหวั่น เนื่องจากเป็นภายในโรงงานมีพลาสติกเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นเชื้ อเพลิงอย่างดี ทำให้ไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็วและรุนแรง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องระดมฉีดน้ำเข้าสกัดกั้นเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังโรงงานข้างเคียง ซึ่งต้องใช้เวลานานกว่า 5 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดได้
 
          นายแง อายุ  25 ปี สัญชาติพม่า คนงานคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่าก่อนเกิดเหตุ ขณะที่ตนกำลังนั่งดูทีวีอยู่กับเพื่อน ๆ ประมาณ 5-6 คน  ก็ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะๆ และเมื่อเปิดประตูออกไปดูก็ต้องตกใจเมื่อเห็นควันไฟพวยพุ่งออกจากโรงงานพลาสติกอย่างรวดเร็ว จึงได้ตะโกนให้เพื่อนคนงานที่พักอยู่ในบ้านพักคนงานด้วยกันช่วยกันดับไฟ จากนั้นก็ได้แจ้งไปยังนางสุนทรี แซ่เฮง อายุ 65 ปี  ซึ่งเป็นเจ้าของโรงงานทราบ แต่ไฟได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็วตนและเพื่อนคนงานด้วยกันไม่สามารถดับเพลิงได้ทัน
 
          นายเฉลา เล้าสมรุ่ง อายุ 62 ปี เจ้าของโรงงานทรัพย์ทวีพลาสติด ซึ่งมีกำแพงรั้วติดกัน บอกว่า ขณะนอนหลับพักผ่อนอยู่ก็ต้องตกใจตื่นเมื่อได้ยินเสียงคนงานตะโกนว่าไฟไหม้ๆ รู้สึกตกใจมากจึงได้เรียกลูกๆ ให้ตื่น และช่วยกันเก็บของเท่าที่จำเป็นทยอยนำไปเก็บไว้ที่ที่ปลอดภัย เพื่อว่าไฟอาจลุกลามมาถึงที่โรงงานของตนที่ตั้งอยู่ติดกัน เพราะไฟได้ลุกไหม้อย่างรันแรงจนน่ากลัว
 
          ด้านนายประเสริฐศักดิ์ เนตรประพิศ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสระยายโสม กล่าวว่า โรงงานดังกล่าวเป็นโรงงานรีไซเคิลพลาสติก โดยการรับซื้อถุงพลาสติกจากชาวบ้านและสถานประกอบการทั่วไป แล้วนำมาล้าง ก่อนหลอมแล้วนำมาฉีดเป็นเม็ดพลาสติกส่งลูกค้าที่ประกอบการด้านผลิตสินค้าพลาสติก มีคนงานทั้งแรงงานไทยและแรงงานต่างด้าวรวมกว่า 60 คน ซึ่งส่วนใหญ่จะพักอาศัยอยู่ภายในบ้านพักคนงานที่ปลูกสร้างอยู่ในบริเวณพื้นที่ของโรงงาน และขณะเกิดเหตุต่างก็ตื่นตกใจช่วยกันนำน้ำไปดับไฟ แต่ด้วยบริเวณที่เกิดไฟลุกไหม้นั้น เป็นบริเวณที่เก็บถุงพลาสติก และเม็ดพลาสติก ทำให้มีการลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ไม่สามารถดับได้ทัน บางส่วนก็ช่วยกันขนย้ายทรัพย์สินของตัวเองภายในห้องพักออกกันอย่างจ้าละหวั่นทันท่วงที ก่อนที่เพลิงจะลุกไหม้จนวอดไปทั้งโรงงานและบ้านพัก แต่ก็โชคดีที่สามารถควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัด ไม่ลุกลามไปยังโรงงานใกล้เคียงที่อยู่ติดกัน ไม่เช่นนี้คงเกิดความเสียหายอย่างมาก
 
          นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลสระยายโสม กล่าวต่ออีกว่า เบื้องต้นทางเทศบาลได้ทำการช่วยเหลือคนงานผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน โดยการนำน้ำและอาหารไปแจกจ่าย ก่อนที่จะทำการปรึกษาหารือกับเจ้าของโรงงาน ถึงการช่วยเหลือด้านที่พักอาศัยชั่วคราว ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร ด้านความช่วยเหลือส่วนตัวได้ประสานพูดคุยกับเพื่อนๆ ว่าจะมีการระดมเงินช่วยเหลือครอบครัวของคนงานที่ได้รับความเดือดร้อนที่ไม่สามารถขนย้ายทรัพย์สินออกมาได้ทันบ้างเป็นบางส่วน ก่อนที่จะดำเนินการต่อไป                     
 
          พ.ต.ท.ณรงค์ เพชรทอง พนักงานสอบสวน สภ.สระยายโสม กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ไฟได้ลุกไหม้โรงงานทั้งหลังพร้อมทั้งบ้านพักคนงานและบ้านพักอาศัยของเจ้าของโรงงานไปหมด รวมทั้งทรัพย์สินที่อยู่ภายในโรงงานประกอบด้วย เครื่องฉีดเม็ดพลาสติก จำนวน 6 เครื่อง ,รถจักรยานยนต์ จำนวน 15 คัน ,เม็ดพลาสติกที่เตรียมส่งลูกค้าจำนวน กว่า 50 ตัน และอื่นๆ อีกจำนวนมาก รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท ส่วนสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้นั้น สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร และจากการตรวจสอบพบว่าต้นเพลิงมาจากกองพลาสติกด้านหลังโรงงาน ซึ่งมีสายไฟเป็นจำนวนมาก ส่วนสาเหตุที่แท้จริงนั้นคงต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสถานที่เกิดเหตุ มาทำการตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุในการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริงต่อไป






ไฟไหม้รง.พลาสติกอัดเม็ดวอดกลางดึก

          เหตุเกิดเมื่อเวลา 01.30 น. พ.ต.ท.ณรงค์ เพชรทอง  พนักงานสอบสวน  สภ.สระยายโสม อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ที่โรงงานพลาสติก ริมถนนมาลัยแมนสายนครปฐม-สุพรรณบุรี หมู่ 3 ต.สระยายโสม จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ไปตรวจสอบพร้อม นายไพฑูรย์ รักษ์ประเทศ นายอำเภออู่ทอง พ.ต.อ.ชาติชาย นาคะสุวรรณ ผกก.นำรถดับเพลิงจากเทศบาล และอบต. ต่างๆ ในพื้นที่ และขอสนับสนุนจากพื้นใกล้เคียงและรถโฟมกรุงเทพ เกือบ 30 คันไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
 
          เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่าไฟกำลังโหมลุกไหม้โรงงานรับซื้อและจำหน่ายพลาสติกอัดเม็ดชื่อโรงงานเฮงพลาสติก เลขที่ 489 หมู่ 3 ตำบลสระยายโสม อย่างรุนแรง คนงานของโรงงานต่างพากันขนย้ายข้าวของกันจ้าละหวั่น และเพลิงกำลังลุกลามเข้าไปโรงงานพลาสติก ทรัพย์ทวีพลาสติก เลขที่ 16/2 ซึ่งอยู่ติดกัน เจ้าหน้าที่จึงระดมฉีดน้ำสกัดใช้เวลา กว่า 2 ชั่วโมงยังไม่สามารถดับเพลิงได้แต่ควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดขณะเจ้าหน้าที่กำลังฉีดน้ำดับอยู่ได้มีเสียงระเบิดของถังแก๊สขึ้นเป็นระยะ และโรงงานเฮงพลาสติกถูกไฟเผาวอดเสียหายทั้งหมดแต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับอันตราย และบาดเจ็บ
 
          จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า โรงงานดังกล่าวมีนางนางสุนทรี แซ่เฮง เป็นเจ้าของเป็นโรงงานขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในพื้นที่ 3 ไร่กว่า รับซื้อเศษถุงพลาสติกเก่าทุกชนิด จำหน่ายเม็ดพลาสติก PE HD PP และถุงใส่ขยะทุกไซด์ ขณะเกิดเหตุเจ้าของโรงงานได้นอนพักอยู่ที่บ้านพักในโรงงานและคนงานกว่า 10 คนกำลังทำงานกันอยู่แล้วเกิดไฟลุกไหม้ ที่กองพลาสติกอย่างรวดเร็วคนงานที่กำลังทำงานวิ่งหนีตายกันจ้าละหวั่นบางคนที่พอมีสติก็ช่วยกันเก็บข้าวของออกมาไว้ที่ริมถนน อย่างทุลักทุเล พร้อมกับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาช่วยดับแต่ไม่สามารถดับได้  ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างควบคุมเพลิงให้อยู่ในวงจำกัดเนื่องโรงงานแห่งนี้มีถุงพลาสติก และพลาสติกอัดเม็ดจำนวนมากซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีพร้อมทั้งรถยนต์ เครื่องจักรต่างๆ อีกจำนวนมากได้ถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด  ส่วนสาเหตุและความเสียหายนั้นยังไม่สามารถประเมินได้ต้องรอให้เพลิงสงบจะได้ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปร่วมตรวจสอบและประเมินความเสียหายได้