ข่าว

'อวดอุตริมนุสธรรม'โทษถึงปาราชิก

'อวดอุตริมนุสธรรม'โทษถึงปาราชิก

21 มิ.ย. 2556

'อวดอุตริมนุสธรรม'โทษถึงปาราชิก : ต่อปากต่อคำ โดยดร.อมร วาณิชวิวัฒน์

            
              ผมเคยเขียนให้พวกเราฟังเป็นอุทาหรณ์ก่อนหน้านี้ว่า มีสองสามเรื่องที่ใครก็ตามจับเส้นถูกจะสามารถทำเงินทำทองร่ำรวยมหาศาล เพราะสิ่งที่กำลังจะบอกกล่าวนี้เป็น “จุดอ่อน” อย่างยิ่งของมนุษย์ปุถุชนทั่วๆ ไป ได้แก่ หนึ่ง ความงมงาย ถ้าใครเอาเรื่องความเชื่อ ความศรัทธา ไสยศาสตร์ ความไม่รู้ของมนุษย์มาเป็นเครื่องมือในการทำมาหากินได้ รับรองว่ารวยไม่รู้เรื่อง คงเคยเห็นกรณีเจ้าสำนักต่างๆ ในอดีตหลายต่อหลายราย อาศัยความ “งมงาย” หรือจะบอกว่าเป็น “ความเขลา (ignorance)” ของคน ทำเอานายพล แม่ยายนายพล ต้องหอบเงินมาบริจาคทำโน่นนี่เท่าที่รู้มาแรงสุดเป็นหลัก “ร้อยล้านบาท”

              ประการที่สอง คือ เรื่องของความโลภ คงเคยได้ยินแก๊งหลอกลวงชาวบ้านด้วยการ “ล่อเหยื่อมาติดกับ” อย่างเห็นคนไหนใส่ทองรูปพรรณเส้นโตๆ พวกนี้จะเดินตามประกบ พอได้จังหวะจะโยนสายสร้อยทองหรืออาจมีพระเลี่ยมทองเส้นโตกว่าเส้นจริงของเหยื่อแล้วทำทีเป็นเก็บทองได้ แสร้งเป็นคนดีอ้างว่า “เหยื่อกับตนเองเห็นพร้อมกันจะขอแบ่งคนละครึ่ง” เหยื่อคนไหนที่โลภมากอยากได้อยากมีของคนอื่น ก็อาจหลงเชื่อยอมแลกสร้อยคอทองคำของจริงกับของเก๊ที่มิจฉาชีพเอามาล่อเหยื่อนั้น

              ประการที่สาม เรื่องของความไม่รู้จัก “ปลง” ในสังขารของคนเรา ผมเองเพิ่งกลับจากลาวได้หนึ่งวันหนึ่งคืน ยอมรับว่าคนลาวกับคนไทยมีความละม้ายคล้ายคลึงกันในเชิงวัฒนธรรม รักสวยรักงามเหมือนกัน ที่ไปเห็นมาก็พบว่าธุรกิจเสริมความงามของคนไทยสามารถบุกตลาดลาวได้อย่างน่ายินดีปรีดา ผมไปเวียงจันทน์ก็เห็น ผ่านไปหลวงพระบางก็เห็น เรียกว่าถ้าเราเป็นคนไทยก็คงภูมิใจอย่างแน่นอน แต่เรื่องนี้สะท้อนบางสิ่งบางอย่างให้พวกเราได้คิดกันว่า ความอยากมีชีวิตเป็นอมตะ ความไม่รู้จักเข้าใจในวัฏฏะสังสารของมนุษย์ คือ ช่องทางในการทำให้คนเราสามารถทำเงินทำทองได้มากมายเช่นกัน ดังเราจะเห็นเด็กวัยรุ่นสมัยนี้เป็นคุณหนูหน้าใส ไร้สิวฝ้าราคี เหตุผลสำคัญนอกจากความสวยงามเฉพาะตัววัยรุ่นสมัยนี้ยังมองเป็นช่องทางในการก้าวกระโดดไม่ต้องทำงานหนัก จับพลัดจับผลูไปเป็นดารานักร้องนักแสดง ได้ค่าตัวโฆษณาครั้งละสองสามแสนบาทก็มี บางทีเป็นล้านก็เคยได้ยินมา

              เหล่านี้คือสิ่งที่ก่อให้เกิด “อวิชชา” ซึ่งบางคนบอกว่าเหมือนกับคำว่า ignorance ในภาษาอังกฤษ เพราะเป็นลักษณะของการเข้าครอบงำโดยกิเลสโดยสิ่งต่างๆ ที่คนเราอยากได้อยากมี ทำให้บางครั้งคงเคยได้เห็นข่าว สีกาบางคน หรือโยมบางคนเมื่อเจอกับใครก็ตามที่รู้จุดอ่อนเหล่านี้ดี ก็อ้างโน่นอ้างนี่ ทำเสน่ห์ยาแฝด ใช้กลเม็ดยุทธวิธีต่างๆ บางรายเสียเงินไม่พอยังเสียตัวเสียความสาวสังเวยกิเลสบนความมีอวิชชาดังนี้อยู่หลายราย

              สิ่งที่เราเคยทราบในทางสงฆ์ว่าเป็นการ “อวดอุตริมนุสธรรม” นั้น ในทางพระธรรมวินัยทราบจากผู้รู้ว่า เป็นอาบัติปาราชิก ซึ่งถือเป็นโทษสถานหนัก คือ ขาดจากความเป็นพระภิกษุสงฆ์ ผมเองได้พบเห็นพระดี พระแท้ และพระเก๊ อยู่มากในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องดังกล่าว ทาง พศ. หรือ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ คงไม่อาจนิ่งดูดาย หรือจะมองเป็นเรื่องของพระจัดการกันเองได้ เพราะในสังคมพระกับสังคมฆราวาสบางกรณีก็ดูจะคล้ายๆ กัน มีข่าวลือเรื่องการวิ่งเต้นสมณศักดิ์ มีเรื่องการคอร์รัปชั่น ที่บางคดีพิจารณากันเพิ่งจะลงตัวเกี่ยวกับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ที่ญาติโยมบางรายอยากได้เครื่องราชย์เอาไว้เชิดชูวงศ์ตระกูล ถึงกับยอมบริจาคด้วยความเชื่อถือ ศรัทธาและบนความไม่รู้ไม่เข้าใจ ทำให้บางครั้งกลุ่มคนที่รู้ช่องทางและโอกาสเหล่านี้จะอาศัยเป็นช่องทางแสวงประโยชน์ได้อย่างแยบยล

...........

(หมายเหตุ : 'อวดอุตริมนุสธรรม'โทษถึงปาราชิก  : ต่อปากต่อคำ โดยดร.อมร วาณิชวิวัฒน์ [email protected]/ twitter@DoctorAmorn)