ข่าว

ศุกร์กับเซ็กส์ : ตุ่มถุงมูกที่ปากมดลูก

ศุกร์กับเซ็กส์ : ตุ่มถุงมูกที่ปากมดลูก

31 พ.ค. 2556

ศุกร์กับเซ็กส์ : ตุ่มถุงมูกที่ปากมดลูก : พญ.ชัญวลี ศรีสุโข [email protected]

 

                      “อยากทราบว่า ตุ่มถุงมูก ที่เกิดจากการอักเสบบริเวณปากมดลูกอันตรายไหมคะ แล้วมีการรักษาอย่างไรบ้างคะ กังวลมากเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ”

                      ตอบ ตุ่มถุงมูกที่ปากมดลูกหรือนาโบเธียน ซีสต์ (Nabothian cyst) ได้ชื่อมาจาก นักกายภาพวิทยา (Anatomist) ชาวเยอรมันที่ชื่อ มาร์ติน นาโบธ (Martin Naboth) ซึ่งมีชีวิตอยู่ ในปี พ.ศ. 2218- 2264 เป็นผู้ที่บันทึกถึงตุ่มถุงมูกของปากมดลูกไว้เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์

                      ตุ่มถุงมูกที่ปากมดลูก เป็นตุ่มที่เกิดจากการอุดตันของต่อมมูกของปากมดลูกเช่นเดียวกับการเกิดสิวซึ่งเป็นการอุดตันของต่อมน้ำมันที่ใบหน้าหรือผิวหนัง พบได้มากถึงร้อยละ 12 ในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์  เมื่อคลำปากมดลูกจะพบว่าเป็นตุ่มนูนค่อนข้างแข็ง ผิวเรียบ อยู่ที่ผิวของปากมดลูก บางคนมีตุ่มเดียว บางคนมีหลายตุ่ม มีขนาดต่างๆ กัน ส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็กกว่า 0.5 เซนติเมตร แต่โตสุดที่มีรายงานในการแพทย์ พบมีเส้นผ่าศูนย์กลางถึง 4 เซนติเมตร เป็นตุ่มที่นำผู้หญิงมาให้แพทย์ตรวจภายในจำนวนไม่น้อย เมื่อคลำปากมดลูกแล้วเจอตุ่ม แต่ละคนมักจะตกใจคิดว่าตนเองเป็นมะเร็งปากมดลูก อันที่จริงตุ่มถุงมูกนี้เมื่อเป็นมักไม่มีอาการใดๆ ไม่ทำให้เกิดตกขาว ไม่มีอันตรายใดๆ ไม่ต้องรักษาใดๆ ไม่กลายเป็นมะเร็งในภายหลัง แม้โดยทั่วไปไม่ต้องรักษาแต่ในประสบการณ์ของหมอเคยรักษาคนไข้ที่เป็นตุ่มถุงมูกครั้งหนึ่ง เพราะเป็นตุ่มถุงมูกขนาดใหญ่และมีหลายตุ่ม จนมีปัญหามีเลือดออกเวลามีเพศสัมพันธ์การรักษาคือใช้ไฟฟ้าจี้เจาะตุ่ม พบว่าภายในตุ่มเป็นมูกจำนวนมาก จึ้ทำลายหมดก็หาย แต่ก็เป็นขึ้นมาใหม่อีก

                      สาเหตุของการอุดตันจนเกิดตุ่มถุงมูก ไม่มีใครทราบสาเหตุที่แท้จริง มีความเชื่อว่าบางส่วนอาจจะเกิดจากการอักเสบเรื้อรังของปากมดลูก การป้องกันการเกิดตุ่มถุงมูกที่ปากมดลูกจึงไม่มีวิธีอื่น นอกจากดูแลไม่ให้เกิดการอักเสบติดเชื้อของอวัยวะสืบพันธุ์สตรี

                      ตุ่มถุงมูกที่ปากมดลูกนี้ แม้ตรวจด้วยตนเองได้ แต่ไม่สามารถให้การวินิจฉัยด้วยตนเองได้ ต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจภายใน แพทย์สามารถินิจฉัยได้ด้วยการตรวจดูลักษณะของถุงมูก ก้อนที่ปากมดลูก นอกจากถุงมูกแล้ว ยังอาจเกิดจากภาวะต่างๆ ได้ดังต่อไปนี้

                      1.หูดหงอนไก่ที่ปากมดลูก เกิดจากการติดเชื้อเอชพีวีชนิดที่ 6 หรือ 11 หากเป็นที่ปากมดลูกส่วนใหญ่จะมีหูดหงอนไก่ที่อวัยวะเพศด้านนอกด้วย การรักษา ใช้สารเคมี ไฟฟ้า ความเย็น จี้ทำลาย หรือใช้ยาทา

                      2.ปากมดลูกปลิ้น เป็นภาวะของปากมดลูกที่เกิดช่วงหลังคลอดหรือหลังแท้ง ไม่ต้องรักษา ไม่มีอันตรายใดๆ

                      3.ปากมดลูกอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อโรค ทำให้ปากมดลุกขรุขระไม่เรียบ มีเลือดออก มีตกขาวเป็นมูกปนเลือดปนหนอง รักษาโดยการให้ยาปฏิชีวนะ

                      4.มะเร็งปากมดลูก มีได้ 3 ลักษณะ คืองอกออกมาเป็นก้อน, เป็นแผลกินลึก, และแทรกซึมทำให้ปากมดลูกเปลี่ยนรูปร่าง การรักษามีทั้งการผ่าตัด ฉายแสง และให้สารเคมีบำบัด