
'รมว.ท่องเที่ยวฯ'รับบึ้มรามฯกระทบนทท.
'รมว.ท่องเที่ยวฯ' รับเหตุระเบิดที่รามฯกระทบความรู้สึกนักท่องเที่ยว มั่นใจตร.จับกุมคนร้ายได้ ฟุ้งโกยรายได้ท่องเที่ยว 2 ล้านล้าน
28 พ.ค.56 นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงผลกระทบเรื่องการท่องเที่ยวกรณีเหตุการณ์ระเบิดแผงขายสินค้า บริเวณปากซอยรามคำแหง 43/1 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 ราย เหตุเกิดเมื่อค่ำวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา ว่า เนื่องจากบริเวณที่เกิดเหตุเป็นเส้นทางการจราจรและสัญจรของประชาชน ดังนั้นย่อมทำให้เกิดผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวบ้าง และความรู้สึกของนักท่องเที่ยวก็มีความอ่อนไหวในเรื่องนี้เช่นกัน แต่ขณะนี้พื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศไทยส่วนมากอยู่ต่างจังหวัด สำหรับกรุงเทพมหานครนั้นก็มีแหล่งท่องเที่ยวบ้างซึ่งส่วนใหญ่เป็นโบราณสถาน หรือแหล่งท่องเที่ยวอื่นที่ไม่ใช่จุดเกิดเหตุ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ในช่วงที่กรุงเทพฯเป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยวจะมีการปรับปรุงหรือประชาสัมพันธ์อย่างไร นายสัมศักดิ์ กล่าวว่า เมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นย่อมมีผลกระทบ รวมทั้งความรู้สึกของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการให้บริการกับนักท่องเที่ยวคือ ผู้ประกอบการ แต่ก็เชื่อมั่นในเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะสามารถจับกุมผู้ที่ก่อเหตุได้
ต่อข้อถามที่ว่า จะประชาสัมพันธ์เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับมาอย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารณรงค์อยู่แล้ว ในเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน หรือกรณีเกิดอุบัติเหตุกับนักท่องเที่ยวโทยตรง ซึ่งเป็นข้อเสนอของภาคเอกชนที่ให้บูรณาการเพื่อเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งตนได้รับข้อเสนอมาแล้วและจะการวางแผนเป็นแนวทางเดียวกัน โดยเฉพาะ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ ทั้งนี้จะดำเนินการเร่งรัดศาลท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด คาดว่าคงอีกไม่นานเพราะหน่วยที่เกี่ยวข้อง 4 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานศาลยุติธรรม สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เห็นด้วยทั้งหมดแล้ว
“เป้าหมายรายได้การท่องเที่ยว 2 ล้านล้านน่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้แต่เรื่องที่สำคัญที่สุด คือ เรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของนักท่องเที่ยว เพราะหากนักท่องเที่ยวมามากก็จะเกิดปัญหาเป็นเงาตามตัว”นายสมศักดิ์ กล่าว
"ผบช.น."เรียกถกบึ้มหน้าราม บ่ายนี้
รายงานข่าวแจ้งว่าเวลา 14.00น.วันนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เรียกประชุมคณะทำงานสืบสวนสอบสวนติดตามความคืบหน้าการลงพื้นรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเชื่อมโยงคดีวางบึ้มหน้าราม พร้อมเร่งรัดการสืบสวนสอบสวนโดยมีนายชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องตบเท้าเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
ผบช.น.กล่าวว่า ต้องรอผลการตรวจสอบ อาจเป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างร้านค้า หรือมีกลุ่มมาเฟียเข้ามาเกี่ยวข้องหรืออาจจะเป็นพวกป่วนบ้านป่วนเมือง แต่เบื้องต้นยืนยันว่า อุปกรณ์ต่างๆ ที่ประกอบเป็นระเบิดไม่ได้เชื่อมโยงกับสถานการณ์ทางภาคใต้ เป็นคนละเรื่องกัน อย่าไปมองว่าเป็นตะปูเรือใบ เพราะเป็นเพียงแค่ตะปูที่ถูกช่างก่อสร้างทิ้งแล้วนำมาชั่งกิโลขาย
ขณะที่ชุดสืบสวนนครบาล ระบุว่า จุดวางระเบิดอยู่ระหว่างตู้โทรศัพท์กับเสาไฟฟ้า ทำให้แรงระเบิดกระจายออกมาได้เพียงสองด้านเท่านั้น ซึ่งชี้ให้เห็นว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุไม่ต้องการจะให้เกิดความสูญเสียร้ายแรง หรือไม่ต้องการที่จะให้มีผู้เสียชีวิต เพียงแต่ต้องการให้เกิดความวุ่นวายเท่านั้น
จากการสอบสวนเจ้าของร้านทำผม "ออกัส" และพนักงานในร้าน ระบุว่า ช่วงเกิดเหตุลูกค้าอยู่ในร้านหน้าร้านมีการตั้งแผงขายของปกติและเริ่มฝนตกได้ยินเสียงดังมาจากทางหลังหม้อแปลงใกล้กองขยะเห็นคนวิ่งหนีกันจนตำรวจมาสั่งให้อยู่ในร้านก่อนอย่าเพิ่งออกมาคิดว่าเหตุ ระเบิดไม่น่าจะเกิดจากความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ของผู้ค้าแผงลอย เพราะอาศัยอยู่ที่นี่มา 15 ปี ไม่เห็นมีการทะเลาะแย้งใดๆ ของร้านค้าแผงลอยบริเวณนี้ ทุกคนใช้ชีวิตปกติและมีความสุขดี แค่เรื่องทะเลาะกันไม่น่าต้องวางระเบิดน่าจะเป็นเหมือนในภาคใต้มากกว่า