
มวยทะเลคู่ใหม่มะนิลา-ไทเป
มวยทะเลคู่ใหม่มะนิลา-ไทเป : มองมุมยุทธศาสตร์ โดยเรือรบ เมืองมั่น Facebook : ruarob.muangman
พื้นที่ทับซ้อนในทะเลจีนใต้ยังคงเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งในหมู่เพื่อนบ้านอย่างไม่หยุดหย่อน ไฮไลท์ของความขัดแย้งในปีนี้ก็คือ จีนกับฟิลิปปินส์ ที่ถึงขั้นฟ้องอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศไปแล้ว รองลงมาก็คือจีนกับเวียดนาม ที่ปีกลายก็มีการไล่จับประมงกัน ล่าสุด ที่ถือว่าเป็นคู่ร้อนแรงในห้วงนี้ก็คือไต้หวันกับฟิลิปปินส์ ที่ความตายของชาวประมงจีนแผ่นดินเล็กนำไปสู่การตอบโต้หลายมิติระหว่างสองประเทศฟากฝั่งทะเล ซึ่งไต้หวันเป็นฝ่ายเล่นแรงมาก ตั้งแต่ระดับชาวบ้านประท้วง แฮ็กเกอร์ไล่ทำลายเว็บ คว่ำบาตรการค้า เลยเถิดไปถึงขั้นซ้อมรบ คำถามคือ ทำไมต้องเล่นงานกันถึงขนาดนี้
คำตอบคือ ประธานาธิบดีหม่า อิงจิ่ว จำเป็นต้องโชว์พาว และต้องโชว์กับประเทศที่โชว์ได้ ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่เงื่อนไขเหมาะสมที่สุด เดิมที ความสัมพันธ์ระหว่างฟิลิปปินส์กับไต้หวัน มีลักษณะพึ่งพากัน แรงงานปินอยไปค้าเหงื่อที่โรงงานในไทเปร่วมแสนคน ส่งเงินกลับประเทศมหาศาล ไต้หวันก็เอ็นจอยกับแรงงานราคาถูกนี้พัฒนาเศรษฐกิจในประเทศ หลังเหตุยิงกันแค่สองวันสำนักเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของไต้หวันยังประกาศอย่างเริงร่าถึงการท่องเที่ยวไปมาระหว่างสองประเทศที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่จากนี้คงไม่เห็นเรื่องอย่างนี้อีกนาน เพราะกระแสที่ปลุกเร้าให้เกลียดฟิลิปปินส์ในไต้หวันกำลังแรง กว่าจะสงบก็คงสร้างความสูญเสียให้แก่ทั้งคู่ไม่ใช่น้อย
ว่าไปแล้ว จุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ของทั้งคู่ก็จริง แต่อยู่ใกล้ฝั่งฟิลิปปินส์กว่าเยอะ ปกติประมงจีน-ไต้หวัน ชอบไปหาปลาแถวนั้น เพราะปลามันชุมกว่า คราวนี้ดันเจอเรือยามฝั่งฟิลิปปินส์เข้า ใครถูกหรือผิดไม่ทราบ แต่งานนี้ฟิลิปปินส์ที่เครียดกับการบุกรุกบ่อยครั้งยิงเรือประมงจนมีคนตายขึ้น รัฐบาลเบนิโต อาคีโน ก็ขอโทษแล้ว แต่ก็ไม่สามารถขอโทษแบบสมบูรณ์ได้ เพราะเกรงจะกลายเป็นว่ายอมรับสิทธิ์ของไต้หวันบริเวณนั้น ถ้าหากไต้หวันจะจบกรณีนี้ตรงนี้ก็ได้ แต่ก็ไม่ยอม ออกอาการดราม่า ไม่ว่าจะเป็นการที่ประธานาธิบดีหม่าไปกอดแม่ม่ายชาวประมงโชว์สื่อ รัฐบาลปฏิเสธไม่รับคำขอโทษทุกท่า กองทัพจัดซ้อมรบทางทะเลถึงด้วยเรือพิฆาตชั้นคิดด์ เรียกทูตกลับ ไม่รับแรงงานปินอยให้ขึ้นฝั่งไต้หวันอีก ในระดับประชาชนก็เล่นกันแรง แฮ็กเกอร์ไต้หวันโชว์ศักยภาพรุกทำร้ายระบบต่างๆ ของฟิลิปปินส์จนยุ่งไปหมด ประชาชนก็เดินขบวนประท้วง
ที่ไต้หวันไม่เห็นฟิลิปปินส์อยู่ในสายตานั้น เพราะฟิลิปปินส์โชว์ความอ่อนแอในเวทีระหว่างประเทศและความมั่นคงให้เห็นอยู่เนืองๆ ทั้งที่เป็นประเทศอาเซียนแท้ๆ ฟิลิปปินส์ยังไม่ได้แรงหนุนอย่างเป็นปึกแผ่นจากอาเซียนในการอ้างสิทธิในทะเลจีนใต้กรณีที่ทะเลาะกับจีนเลย เมื่อถูกรัฐบาลปักกิ่งตบหลังคุกคาม รัฐบาลมะนิลาก็ต้องสู้อย่างโดดเดี่ยว การป้องกันประเทศก็มีปัญหา เพราะไม่ใช่ประเทศมีเงินถุงเงินถัง ศักย์สงครามที่ต่ำทำให้ไม่มีใครเกรงกลัว ไต้หวันนั้นมีถึงเรือพิฆาต แต่ฟิลิปปินส์ยังไม่มีแม้แต่เรือฟริเกตด้วยซ้ำ ไต้หวันอาจคิดว่าขู่ประเทศนี้ยังไงก็ได้ ไม่มีผลเสียย้อนกลับ เลยทำเหมือนปี 54 ที่ฟิลิปปินส์จับตัวนักค่ายาไต้หวันส่งไปให้จีนดำเนินคดี ไต้หวันโมโหมาก ประธานาธิบดีอาคีโนต้องส่งทูตมาขอโทษถึง 2 หน ไต้หวันก็ยังไม่ยอม ความสัมพันธ์ทางการทูตจึงย่ำแย่นับแต่บัดนั้น
คะแนนนิยมอิงจิ่วกำลังตกเพราะไปอิงจีน มากเกินไป ไม่ยอมแสดงว่าแข่งขันกับจีนให้เห็นเลย การที่จีนมีความแข็งแกร่งขึ้นทุกด้าน รวมทั้งด้านการทหาร ทำให้คนไต้หวันย้อนมาตั้งข้อสงสัยในขีดความสามารถผู้นำตน ประธานาธิบดีหม่าจึงต้องแสดงอะไรให้เห็นบ้าง แต่กรณีนี้เมื่อแสดงไปแล้ว อาจเสียท่าให้กับจีนที่ถือโอกาสสอดเข้ามาอัดฟิลิปปินส์เป็นดาบสอง อ้างว่าฟิลิปปินส์ละเมิดไต้หวันที่เป็นดินแดนของตน งานนี้รัฐบาลไทเปจะกล้าตวาดจีนให้อยู่เฉยๆ เชียวหรือ ส่วนรัฐบาลมะนิลาก็ยิ่งต้องตีหน้าแข็ง ยอมมากไปกว่านี้ไม่ได้ เพราะเท่ากับยอมรัฐบาลปักกิ่งไปด้วย
เรื่องคงไม่บานปลายถึงขั้นสงครามร้อน แต่ความกินแหนงคงปรากฏอยู่อีกนาน และอาจเป็นการบ่อนทำลายอิทธิพลสหรัฐในภูมิภาคด้วย เพราะเรื่องนี้แสดงถึงความไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของพันธมิตรสหรัฐในภูมิภาค แล้วจะร่วมมือเพื่อคานอิทธิพลจีนตามความหวังของรัฐบาลวอชิงตันได้อย่างไร