ลูกขอชีวิตพ่อ!โจรเหี้ยมเมินยิงดับคาที่ | คมชัดลึก

               เมื่อเวลา05.30 น. วันที่ 17 พ.ค.56 พ.ต.ท. จรัล พรหมคีรี พนักงานสอบสวน สภ.สวี จ.ชุมพร รับแจ้งเหตุยิงกันตายที่บ้านเลขที่ 9/2 หมู่ 1 ต.ครน อ.สวี จ.ชุมพร จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกับ พ.ต.อ.ชาติชาย นิโครธานนท์ ผกก. สภ.สวี พ.ต.ท.สราวุธ เชิงหอม รอง.ผกก.ป. พ.ต.ท.นิวัฒน์ ชื่นวิเศษ รอง.ผกก.สส. แพทย์เวร.รพ.สวี และเจ้าหน้าที่กู้ภัยสายชลชุมพร

               ทั้งนี้ ที่เกิดเหตุพบว่า เป็นบ้านปูนชั้นเดียว ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนยางพาราจำนวนกว่า 50 ไร่ ห่างจากถนนเอเชีย 41 ประมาณ 10 ก.ม. บริเวณพื้นปูนหลังบ้านติดกับห้องครัว พบศพนายพยับ เดชวิเศษ อายุ 58 ปี เจ้าของบ้าน สภาพศพนอนหงายเสียชีวิต ในสภาพนุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีฟ้าแถบขาว ไม่สวมเสื้อ

               จากการตรวจสอบพบบาดแผลถูกยิงด้วยกระสุนปืนลูกซองเข้าที่ท้ายทอย จำนวน 2 นัด จนกะโหลกศีรษะเปิดมันสมองปนเลือดกระจายเกลื่อน ข้างศพพบมีดกรีดยางพาราตกอยู่ 1 เล่ม จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

               จากการสอบสวน น.ส.วราภรณ์ เดชวิเศษ อายุ 33 ปี บุตรสาวคนโตทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะผู้เป็นพ่อกำลังนั่งลับมีดกรีดยาง เพื่อเตรียมตัวจะไปช่วยคนงานกรีดยางพาราในสวนยางหลังบ้าน จู่ๆก็มีคนร้าย 1 คนคลุมหน้าด้วยหมวกไหมพรม เดินถือปืนลูกซองมายิงทางด้านหลัง 1 นัด เมื่อเห็นดังนั้นจึงร้องตะโกนห้ามว่า “อย่ายิงพ่อ” คนร้ายจึงหันปากกระบอกปืนมาทางตน พร้อมทั้งไล่ให้กลับเข้าไปอยู่ในบ้าน ก่อนจะเดินเข้าไปจ่อยิงพ่อซ้ำอีก 1 นัด จนเสียชีวิตคาที่ แล้วคนร้ายก็เดินกลับไปขึ้นรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า วีโก้ ตอนครึ่ง สีบรอนซ์เงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนที่จอดติดเครื่องรออยู่หน้าบ้านแล้วขับรถหลบหนีไปอย่างใจเย็น

               พ.ต.อ.ชาติชาย กล่าวว่า จากการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและพยานหลักฐานต่างๆ เบื้องต้นสันนิษฐานสาเหตุปมสังหารน่าจะมาจากการเมืองท้องถิ่น และปมขัดแย้งที่ผู้ตายเพิ่งเข้าไปเป็นคณะกรรมการวัดแห่งหนึ่ง โดยประเด็นแรกผู้ตายเป็นอดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลครน อ.สวี แต่ต่อมาเลิกเล่นการเมืองหันมาประกอบอาชีพเกษตรกรรมทำสวนยางพารา เลี้ยงไก่ชน ฐานะขั้นเศรษฐี แต่ด้วยผู้ตายเป็นคนตรงไปตรงมาชอบช่วยเหลือสังคม ชาวบ้านและนักการเมืองรุ่นน้องจึงยังรักเคารพศรัทธา ทั้งนี้ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาผู้ตายได้ไปช่วยผู้สมัครสมาชิก อบต.หมู่ 12 ต.ครน รายหนึ่งที่เลือกตั้งซ่อม จนได้รับชัยชนะ จึงเป็นไปได้ว่าอาจทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดความเจ็บแค้นตามไปลงมือสังหารดังกล่าว ส่วนประเด็นที่สอง ก่อนหน้านี้ไม่นานผู้ตายได้รับการคัดเลือกให้เป็นเหรัญญิก หนึ่งในคณะกรรมการวัดหนองบัว แทนคณะกรรมการชุดเก่า ซึ่งเป็นไปได้ว่าผู้ตายอาจไปตรวจสอบล่วงรู้การทุจริต จนทำให้ฝ่ายตรงข้ามกลัวว่าจะนำเรื่องไปเปิดโปง จึงลงมือสังหารปิดปาก ซึ่งจะได้สืบสวนในเชิงลึกอีกครั้ง เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานติดตามคนรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป