ข่าว

'The Chosen One' เดวิด มอยส์

'The Chosen One' เดวิด มอยส์

18 พ.ค. 2556

สปอร์ต คม วีกเอนด์ : 'The Chosen One' เดวิด มอยส์

 

                         นับตั้งแต่วันที่ 1 กรฎาคมเป็นต้นไป "ปีศาจแดง" แมนฯ ยูไนเต็ด จะมีผู้จัดการทีมที่ชื่อ เดวิด มอยส์ เข้ามาคุมทีม เป็นการเปลี่ยนหน้าตาผู้จัดการทีมปีศาจแดงเป็นครั้งแรกในรอบ 26 ปีครึ่ง การเสนอสัญญา 6 ปีให้ มอยส์ เป็นการแสดงความมั่นใจของปีศาจแดงว่ากุนซือรายนี้เหมาะสมกับการแทนที่ เซอร์อเลกซ์ เฟอร์กูสัน มาดูกันว่า เดวิด มอยส์ คนนี้เป็นคนมาจากไหนที่ทำงานกับ "ทอฟฟีสีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน มาเกือบ 12 ปีเต็ม

                         หลังจากที่ เดวิด กิลล์ ประธานบริหารของแมนฯ ยูไนเต็ด ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการว่า เดวิด มอยส์ คือคนที่จะแทนที่เซอร์อเลกซ์ เฟอร์กูสัน ไม่ใช่ ชูเซ มูรินโญ อย่างที่แฟนบอลหลายๆ คนอยากให้เป็น ตัวของ มอยส์ ประกาศชัดเจนว่าข้อเสนอนี้คงเป็นข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้ และก็ยอมรับว่างานนี้คืองานหนัก เป็นคำพูดที่ไม่แตกต่างจากยุคที่ เฟอร์กี เดินเข้าสู่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เท่าไรนัก

                         "ผมรู้ว่ามันลำบากที่จะรับงานต่อจากผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่โอกาสที่จะได้ทำทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ใช่สิ่งที่จะเข้ามาบ่อยๆ ผมกำลังรอคอยอย่างจริงจังเพื่อรับงานในฤดูกาลหน้า" มอยส์กล่าว

                         ขณะที่ เฟอร์กี พูดไว้เมื่อปีเดือนมกราคมปี 1987 ว่า "ตอนที่ผมถูกเรียกให้ทำทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมเพียงแค่ต้องรับความท้าทาย"

                         ว่ากันว่า เดวิด มอยส์ เป็นผู้จัดการทีมที่มีหลายสิ่งหลายอย่างคล้ายๆ กับ เฟอร์กี นอกเหนือจากการเป็นคนสกอตเหมือนกัน เป็นกุนซือที่ทำงานในระยะยาวเหมือนกัน แต่อีกเหตุผลที่แมนฯ ยูไนเต็ด และเฟอร์กี เลือก มอยส์ แทนที่จะเป็น มูรินโญ ก็เพราะเรื่องของเงินทุนที่กุนซือรายนี้หมดสัญญากับเอฟเวอร์ตัน พอดี และค่าเหนื่อยก็ไม่ได้มากมายนัก แต่หากไปดึงเอามูรินโญ ก็ต้องจ่ายค่ายกเลิกสัญญากับ "ราชันชุดขาว" รีล มาดริด ถึง 17 ล้านปอนด์ ไหนจะค่าเหนื่อยอีกปีละ 10 ล้านปอนด์

                         สำหรับ มอยส์ แล้ว แม้จะได้ขึ้นค่าเหนื่อยจากที่เอฟเวอร์ตัน พอสมควร แต่ก็น่าจะราวๆ ปีละ 4 ล้านปอนด์เท่านั้น

                         กุนซือวัย 50 ปี เกิดที่กลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ เมื่อวันที่ 26 เมษายนปี 1963 จากนั้นมีโอกาสได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพกับ "ม้าลายเขียวขาว" กลาสโกว์ เซลติก ในปี 1980 ผิดกับ เฟอร์กี ที่เคยเป็นนักเตะของ "ไลท์บลูส์" กลาสโกว์ เรนเจอร์ส มาก่อน หลังจากเป็นนักเตะอาชีพแล้วมีโอกาสได้เล่นเกมใหญ่กับ "ม้าลาย" ยูเวนตุส ในศึกยูโรเปี้ยนคัพ เดิม หรือว่า ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปัจจุบัน รวมทั้งยังติดทีมชาติสกอตแลนด์ชุดเยาวชน

                         ในปี 1982 มอยส์ ประสบความสำเร็จครั้งแรกในฐานะผู้เล่นด้วยการรับเหรียญชนะเลิศสกอตติช พรีเมียร์ลีก แต่ปีต่อมาเมื่อไม่มีโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงมากนัก จึงย้ายออกจากถิ่นปาร์ค เฮด เข้าสู่อังกฤษมาอยู่กับเคมบริดจ์ ยูไนเต็ด ในปีต่อมา ต่อด้วยการย้ายไปบริสตอล ซิตี ในปี 1985 และชรูว์สบิวรี ในปี 1987 ก่อนที่อีก 3 ปีต่อมา ย้ายกลับมาเล่นในสกอตแลนด์อีกครั้งกับดันเฟิร์มลีน

                         จนกระทั่งปี 1993 ถึงคราวย้ายทีมอีกครั้งด้วยการกลับมาเล่นในอังกฤษกับ เปรสตัน ในดิวิชั่น 3 เดิม และปีต่อมาเป็นกัปตันทีมนำทัพเล่นเกมเพลย์ออฟนัดชิงชนะเลิศกับวีคอมบ์ ที่เวมบลีย์ แต่ประสบความพ่ายแพ้ไม่ได้เลื่อนชั้น และในปี 1995 เปรสตัน และมอยส์ ได้อันดับ 5 มีลุ้นเพลย์ออฟอีกครั้งแต่ก็อกหักแพ้ บิวรี ตกแค่รอบรองชนะเลิศ แต่ในปี 1996 มอยส์ ช่วยให้ทีมเลื่อนชั้นได้สำเร็จด้วยการคว้าแชมป์ดิวิชั่น 3 ซึ่งเจ้าตัวเริ่มงานเป็นสตาฟฟ์โค้ช ก่อนได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมของ แกรี ปีเตอร์ส

                         เดือนมกราคมปี 1998 ได้รับเลือกแบบเซอร์ไพรส์ให้แทนที่ ปีเตอร์ส ในตำแหน่งผู้จัดการทีม และเมื่อจบเดือนพฤษภาคมนำทีมเป็นอันดับ 15 ของดิวิชั่น 2 แต่ปีต่อมาพาทีมได้อันดับ 5 มีลุ้นเพลย์ออฟเลื่อนชั้นแต่แพ้ จิลลิงแฮม แต่ในปี 2000 ปรับทีมจนกลายเป็นแชมป์ดิวิชั่น 2 ด้วยการคว้าถึง 95 แต้ม

                         ปี 2001 ผลงานในฐานะผู้จัดการทีมยังดีอย่างต่อเนื่องพาทีม "ลิลีไวท์" ได้อันดับ 4 ของดิวิชั่น 1 และห่างจากการนำทีมสู่พรีเมียร์ลีกเพียงแค่ 90 นาที เนื่องจากแพ้ โบลตัน ในเกมเพลย์ออฟนัดชิงชนะเลิศ แต่ปีต่อมา "ทอฟฟีสีน้ำเงิน" เอฟเวอร์ตัน แต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมคนใหม่เมื่อวันที่ 14 มีนาคม และนำทีมชนะ 3 นัดจาก 4 นัดแรกที่ทำทีม และสุดท้ายช่วยทีมรอดการตกชั้นด้วยการมี 7 แต้มเหนือโซนอันตราย

                         วันที่ 5 ธันวาคมปี 2002 นำทีมขึ้นอันดับ 5 ของพรีเมียร์ลีกด้วยการชนะ 1-0 4 นัดติดต่อกันในเดือนพฤศจิกายน และได้รับเลือกเป็นผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือน เป็นผู้จัดการทีมคนแรกที่ได้รางวัลนี้ในรอบกว่า 3 ปี และฤดูกาลดังกล่าวแม้ทีมจะไม่ได้ไปเล่นยูฟ่า คัพ จากการแพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล แต่ยังได้รับเลือกจากสมาคมผู้จัดการทีมให้เป็นผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาล

                         ปี 2004 เป็นปีที่ทีมต้องลุ้นหนีตกชั้นอย่างจริงจัง และสุดท้ายทำได้สำเร็จด้วยอันดับ 17 และเมื่อจบฤดูกาลต้องขาย เวย์น รูนีย์ ให้แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 27 ล้านปอนด์ แต่ในฤดูกาลใหม่นำเอฟเวอร์ตัน อยู่อันดับ 3 หลังจากลีกผ่านไป 12 นัดในเดือนพฤศจิกายน ทำให้ได้ต่อสัญญาใหม่ไปอีก 5 ปี และนำทีมจบฤดูกาล 2004-05 ด้วยการคว้าอันดับ 4 เหนือคู่แข่งอย่าง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ทำให้ทีมได้ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และได้ตำแหน่งผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปี

                         อย่างไรก็ตาม มอยส์ ไม่ประสบความสำเร็จในเกมยุโรป ตกรอบคัดเลือกแชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยฝีเท้าของบียาร์รีล และตกรอบยูฟ่าคัพ แพ้ ดินาโม บูคาเรสต์ 1-5 รวมทั้งตกต่ำถึงขั้นเป็นทีมบ๊วยพรีเมียร์ลีกในเดือนตุลาคม ก่อนจะปรับปรุงทีมจนมาถึงอันดับ 11 เมื่อจบฤดูกาล และในฤดูกาล 2006-07 นำทีมจบอันดับ 6 ได้โควตาไปเล่นยูฟ่าคัพ แต่ฤดูกาลต่อมาไปสิ้นสุดเส้นทางในรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยการแพ้ "ม่วงมหากาฬ" ฟิออเรนตินา ในการดวลจุดโทษ

                         เมื่อจบฤดูกาลยังนำทีมจบที่อันดับ 5 และได้เล่นยูฟ่าคัพ อีกครั้งในฤดูกาล 2008-09 แต่ตกรอบแรกแพ้ สตองดาร์ด ลีแอช ก่อนจะได้รับสัญญาใหม่อีก 5 ปีในเดือนตุลาคม ซึ่งในช่วงเดือนเมษายนปี 2009 นำทีมชนะ แมนฯ ยูไนเต็ด ในรอบรองชนะเลิศเอฟเอ คัพ แต่ไปแพ้เชลซี ในนัดชิงชนะเลิศ

                         ความสำเร็จของมอยส์ กลับมาอีกครั้งในปี 2012 เมื่อนำทีมจบฤดูกาล 2011-12 เหนือ ลิเวอร์พูล เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี และเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา เอฟเวอร์ตัน ประกาศว่า เดวิด มอยส์ จะลาจากสโมสรหลังจบฤดูกาล จากนั้น แมนฯ ยูไนเต็ด ออกมายืนยันว่ากุนซือรายนี้จะทำหน้าที่ผู้จัดการทีมตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ด้วยสัญญา 6 ปี

                         เรื่องราวของ เดวิด มอยส์ อาจจะมีลุ่มๆ ดอนๆ บ้างในการทำทีมเอฟเวอร์ตัน แต่หากมองกันถึงข้อจำกัดในการทำทีมแล้ว ต้องยอมรับว่ามาตรฐานการทำทีมที่เอาชนะทีมยักษ์ใหญ่ขึ้นมาเป็นทีมระดับหัวแถวของพรีเมียร์ลีกในบางฤดูกาลได้นั้น ไม่ธรรมดา จากนี้ไปก็ลุ้นกันว่าเมื่ออยู่กับสโมสรที่มีความพร้อม เดวิด มอยส์ พร้อมหรือยังกับการคว้าแชมป์ถ้วยใหญ่ๆ ด้วยมือตัวเองบ้าง

 

--------------------

นานาทัศนะกับ เดวิด มอยส์

 

ริโอ เฟอร์ดินานด์ (แมนฯ ยูไนเต็ด)

                         มันเป็นสิ่งสำคัญของสโมสรที่ตัดสินใจอย่างรวดเร็ว ก่อนผู้คนตะเริ่มมีข่าวลือ มันยอดเยี่ยมที่ได้เห็นผู้จัดการทีมคนใหม่กำลังจะมา ผมไม่มีปัญหาในการร่วมงานกับเขาที่นี่ ที่ยูไนเต็ด เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์จากการพูดคุยของผู้เล่น และเขาทำงานได้อย่างมหัศจรรย์ที่เอฟเวอร์ตัน ผมมั่นใจว่าเขาจะทำงานตามแนวทางของสโมสรต่อไปได้"

 

ไมเคิล คาร์ริค (แมนฯ ยูไนเต็ด)

                         เขาทำงานอย่างเหลือเชื่อที่เอฟเวอร์ตัน เขาอยู่ที่นั่นมานานและประสบความสำเร็จได้จากวัตถุดิบที่เขามี ผมกำลังรอคอยที่จะพบเขา และซ้อมในช่วงปรีซีซั่น รวมทั้งยังรอคอยอนาคตที่ดี เขาซื่อสัตย์มีความยุติธรรมกับผม เขาตั้งมาตรฐานไว้สูง และเขาก็คาดหวังมาตรฐานที่สูงจากพวกเรา"

 

ราฟาเอล เบนิเตซ (เชลซี)

                         เขาเป็นผู้จัดการทีมที่ดี ผมคิดว่าเขาจะได้มีทีมที่ดีมาก ดังนั้นผมจึงมั่นใจว่าเขาจะผ่านงานชั้นยอดได้ และเขาสามารถเป็นแชมป์กับสโมสรใหญ่ได้ มันไม่ง่ายที่จะหาใครสักคนที่เป็นอย่างเฟอร์กูสัน แต่เขาก็เป็นผู้จัดการทีมที่มีประสบการณ์ในพรีเมียร์ลีก เขารู้จักผู้เล่น เขารู้จักสโมสร และพรีเมียร์ลีก มันเป็นการแต่งตั้งที่ดี"

 

สตีฟ แม็คคลาเลน (อดีตมือขวาเฟอร์กี)

                         "ผมคิดว่ามันเป็นการแต่งตั้งที่ยอดเยี่ยม เขาทำงานมาเหมือนอย่างเซอร์อเลกซ์ เขาอยู่กับเอฟเวอร์ตันมานาน สร้างสโมสร และประสบความสำเร็จในระดับของพวกเขา ประสบการณ์ของเซอร์อเลกซ์ประมาณค่าไม่ได้ มันไม่ใช่ความสำเร็จในระยะสั้น มันไม่ใช่แค่ปีนี้หรือสองปีข้างหน้า และเดวิด คงเป็นผู้จัดการทีมคนต่อไปในรูปแบบนั้น"

 

ฟิล จากิลกา (เอฟเวอร์ตัน)

                         เหมือนกับคนอื่นๆ ในทีม ผมไม่มีอะไร แต่ขอให้ เดวิด มอยส์ ไปให้ถึงจุดสูงสุด เขาคือผู้ปฏิบัติการระดับชั้น 1 ทั้งในและนอกสนาม รวมทั้งดูแลความประพฤติของผู้เล่น ผมชอบสิ่งที่เขาทำให้ทีมพัฒนาขึ้น มันเป็นเรื่องช็อกมากในห้องแต่งตัว ผมมั่นใจว่าเอฟเวอร์ตัน และแฟนบอลของพวกเราก็เช่นกัน ทุกคนหวังให้เขาเจอกับอนาคตที่ดีที่ที่สุด"

 

เปาโล ดิ คานิโอ (ซันเดอร์แลนด์)

                         หลังจาก 12 ปีที่เอฟเวอร์ตัน เขาพิสูจน์ให้เห็นถึงคุณภาพและสไตล์ของเขาเพราะเราทุกคนต่างก็รู้ว่าคุณต้องมีสไตล์ของตัวเอง แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ใช่แค่ชนะด้วยความมุ่งมั่น สไตล์ก็สำคัญ และผมคิดว่า มอยส์ ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาสมควรก้าวไปรับงานระดับนั้น ในความเห็นของผม เขาคือคนที่เหมาะสม เวลาเท่านั้นที่บอกได้ว่าเขาเหมาะสมหรือไม่ เขามีจิตวิทยาแง่บวกกับผู้เล่นที่เขามีอยู่ เขาไม่ได้ใช้เงินมาก ขอให้เขาโชคดีเพราะมันคงเป็นงานที่ลำบาก แต่ที่เราใช้ชีวิตกันอยู่ก็เพราะเราอยากได้งานที่ยากที่สุดในโลก"

 

พอล แลมเบิร์ต (แอสตัน วิลลา)

                         "หากใครสักคนที่จะมาสานต่องานนี้แล้ว เดวิด คือคนที่สามารถทำได้ เดวิด มอยส์ คือคนสหราชอาณาจักร และมีพื้นเพเป็นสกอต ไม่มีใครทำได้อย่างเขาที่เอฟเวอร์ตัน เขาคือคนที่ยิ่งใหญ่ ผมไม่คิดว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่"

 

แกรี พัลลิสเตอร์ (อดีตกองหลังแมนฯ ยูไนเต็ด)

                         เขาไม่ต้องขายผู้เล่น เดวิด มอยส์ ก็เหมือนเด็กๆ ที่ได้ขนมหวาน เขาคือคนที่ผมคิดว่าจะทำงานได้ดีที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลายสิ่งหลายอย่างกับบุคลิกที่คุณเห็นในตัวเซอร์อเลกซ์ เฟอร์กูสัน คือสิ่งที่คุณได้เห็นในตัว เดวิด มอยส์"

 

เฮนนิง เบิร์ก (อดีตกองหลังแมนฯ ยูไนเต็ด)

                         เดวิด มอยส์ คือตัวเลือกที่ดีมาก เขาคล้ายกับเฟอร์กูสันมาก ในฐานะผู้จัดการทีม เขาแสดงให้เห็นแล้วที่เอฟเวอร์ตัน ว่าเขาสามารถทำงานได้ในข้อจำกัดของเรื่องวัตถุดิบ และเขาจะหาทางนำสโมสรในทางเดียวกัน แน่นอนเขาอาจอยากได้นักเตะเอฟเวอร์ตัน 1 หรือ 2 คนมากับเขา แต่เขาไม่ได้คิดถึงการเปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย สิ่งสำคัญที่สุดในการทำงานที่ยูไนเต็ดตอนนี้คือการเปลี่ยนผ่านให้ได้อย่างราบรื่น"

 

---------------------

(สปอร์ต คม วีกเอนด์ : 'The Chosen One' เดวิด มอยส์)