ข่าว

เซเลบภารต กับหนวดปลอม

เซเลบภารต กับหนวดปลอม

05 พ.ค. 2556

เซเลบภารต กับหนวดปลอม ลูกผู้ชายตัวจริงไม่ทำร้ายสตรี : คอลัมน์เวิลด์วาไรตี้

               ฟาร์ข่าน อัคห์ตาร์ เป็นทั้งดารา ผู้กำกับ และนักร้องที่มีงานรัดตัวมากที่สุดคนหนึ่งแห่งวงการบอลลีวู้ด และล่าสุด ยังเป็นรู้จักและชื่นชมในฐานะนักเคลื่อนไหวเพื่อสังคม จากการเป็นผู้นำรณรงค์อย่างแข็งขันผ่านสื่อสังคมออนไลน์ทั้งทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก ภายใต้ชื่อ "มาร์ด" ผู้ชายต่อต้านการข่มขืนและเลือกปฏิบัติ (MARD-Men Against Rape and Discrimination) เพื่อปลุกจิตสำนึกและปลูกฝังความเป็นผู้ชายที่แท้จริงว่าจะต้องเคารพเพศตรงข้าม ไม่ทำร้ายหรือข่มขืน ในห้วงเวลาที่ประเทศตกเป็นเป้าสายตาชาวโลก เพราะข่าวข่มขืนผู้หญิงและเด็กหญิงไม่เคยขาดหาย แม้มีการลุกฮือประท้วงครั้งใหญ่หลังแก๊งรุมโทรมนักศึกษาแพทย์หญิงบนรถเมล์เมื่อปลายปีที่แล้ว แต่ดูเหมือนยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี

              หนวดพลาสติกปลอม ถูกนำมาใช้เป็นสื่อรณรงค์ เนื่องจากหนวดคือสัญลักษณ์ศักดิ์ศรีความเป็นชายในอินเดีย

              จากการรณรงค์ในโลกออนไลน์สู่โลกจริงเมื่อ 26 เมษายนที่ผ่านมา อัคห์ตาร์อาศัยการแข่งขันคริกเก็ตยอดนิยม ที่นครโกลกาตา หรือกัลกัตตา แจกจ่ายหนวดปลอมประมาณ 7 หมื่นชิ้นแก่ผู้ชมในสนาม และประชาสัมพันธ์การรณรงค์ไปในตัว โดยมีนักคริกเก็ตและเพื่อนร่วมวงการร่วมสนับสนุนอย่างคับคั่ง รวมถึงดาราดัง ชารุก ข่าน เพรตี ซินตา และ อัคเชย์ กุมาร

              เหตุผลผลักดันให้อัคห์ตาร์มุ่งมั่นอยากสร้างความเปลี่ยนแปลง เพราะรู้สึกโกรธเวลาดูหรืออ่านข่าวการปฏิบัติต่อผู้หญิงทั่วอินเดีย เหตุการณ์ใกล้ตัวคือ ทนายความสาววัย 25 ปีในมุมไบที่ทำงานให้แก่ เอ็กเซล เอนเทอร์เทนเมนต์ บริษัทของเขา เธอมีอนาคตสดใสรออยู่ข้างหน้าแต่ต้องจบชีวิตก่อนวัยอันควรเพราะถูกข่มขืนและฆ่าตายที่ห้องพักเมื่อสิงหาคมปีที่แล้ว นอกจากนี้ ตัวของอัคห์ตาร์เอง มีลูกสาวสองคน และมีความหวังไม่ต่างจากพ่อแม่คนอื่นๆ คืออยากให้พวกเขาใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ สามารถไปไหนมาไหนกับเพื่อนๆ ได้อย่างปลอดภัย

              เมื่อถูกถามว่าเหตุใดผู้ชายอินเดียจึงเคารพผู้หญิงน้อยมาก อัคห์ตาร์ กล่าวว่า เรามาจากสังคมชายเป็นใหญ่ และกรอบวิธีคิดถูกบิดเบือนสู่เรื่องอันตราย และยอมรับว่า การเปลี่ยนทัศนคติเรื่องความเท่าเทียมของหญิงและชาย ในประเทศที่ที่ยังแบ่งแยกระหว่างคนจนกับคนรวย และมีประชากรมากถึง 1,300 ล้านคน จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ...แต่เราขอเอาใจช่วย

              คนหนึ่งมองเป็นขยะ สำหรับอีกคนคือสมบัติมีค่า เป็นจริงแบบไม่ต้องสงสัยสำหรับกรุงออสโล ที่ขยะได้กลายเป็นสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญอย่างหนึ่งไปโดยปริยาย เพราะที่เมืองหลวงนอร์เวย์แห่งนี้ เผาขยะเพื่อผลิตพลังงานเป็นล่ำเป็นสัน แต่ชาวนอร์เวย์ผู้เป็นมิตรกับการรีไซเคิล ก่อขยะน้อยลงทุกทีจนต้องนำเข้า ! 

              เว็บไซต์นิวยอร์กไทม์ส รายงานเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ออสโล ซึ่งเผาขยะผลิตพลังงานเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ประชากรครึ่งหนึ่งของเมืองและโรงเรียนเกือบทั้งหมดมายาวนาน กำลังขาดแคลนวัสดุที่จำเป็นสำหรับเชื้อเพลิง อันได้แก่ ขยะครัวเรือน ขยะอุตสาหกรรมและพาณิชย์ กระทั่งขยะมีพิษจากโรงพยาบาล เพราะในยุคที่ผลิตภัณฑ์จากการรีไซเคิล หรือ รียูส ได้รับความนิยม ประชากรผู้ใส่ใจสภาพแวดล้อมจึงก่อขยะได้เพียง 150 ล้านตันต่อปี ไม่พอป้อนเตาเผาขยะเพื่อผลิตไฟฟ้าในนอร์เวย์ที่ต้องการขยะราว 700 ล้านตัน บ่อยครั้ง กรุงออสโลที่มีประชากร 1.4 ล้านคน จึงต้องนำเข้าขยะจากประเทศอื่นๆ ในยุโรป

 

 

เซเลบภารต กับหนวดปลอม

 

                

เมื่อคนอิตาลีไม่ทำพิซซ่าแล้วใครทำ

 

             หากคิดเล่นๆ ว่ามีอะไรบ้างที่เมื่อมองเห็นแล้วนึกถึงความเป็นอิตาเลียน หนึ่งในนั้นน่าจะมีพิซซ่า อาหารฮิตถูกปากของคนทั่วโลกรวมอยู่ด้วย และในประเทศอิตาลีนั้น มีสถิติหม่ำพิซซ่าปีละประมาณ 3,000 ล้านชิ้น แต่ทราบหรือไม่ว่าขณะนี้อิตาลีกำลังขาดแคลนคนทำพิซซ่าขนาดหนัก ทั้งที่เศรษฐกิจก็ฝืดเคือง อัตราว่างงานหรือก็สูง แต่ชาวอิตาลีไม่ปลื้มกับงานทำพิซซ่า

             ในยุคเศรษฐกิจตกสะเก็ด พิซซ่าชิ้นเดียวก็มากพอแล้วสำหรับมื้อกลางวัน กิจการร้านพิซซ่าจึงเจริญรุ่งเรือง จนมีความต้องการคนทำพิซซ่าเพิ่มราว 6,000 คน

             เมื่อชาวอิตาลีไม่ชอบงานเลอะเทอะเปรอะเปื้อนอย่างการนวดแป้งหรือทำงานหน้าเตาอบ ผู้อพยพชาวต่างชาติซึ่งไม่มีข้อเกี่ยงงอนหนักเอาเบาสู้จึงเข้าไปเติมเต็มในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยชาวอียิปต์ดูจะเชี่ยวชาญเป็นพิเศษด้านศิลปะการทำพิซซ่า จนปัจจุบันกลายเป็นผู้จัดการหรือเจ้าของร้านพิซซ่านั่งรับประทาน และร้านแบบซื้อกลับบ้านในเมืองใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรม มิลาน หรือ ตูริน

             "ผมบอกได้เลย ชาวอียิปต์ที่เข้าไปหางานทำในอิตาลี 80% ลงเอยที่ทำพิซซ่า" อามาเดโอ อัล วิเคล ที่อพยพจากกรุงไคโรไปตั้งรกรากในกรุงโรมเมื่อ 12 ปีก่อน และขณะนี้มีร้านพิซซ่าเป็นของตนเอง ตั้งอยู่หัวมุมถนนใกล้กับน้ำพุเทรวี แหล่งท่องเที่ยวลือชื่อของกรุงโรม

             ส่วนอเลสซานโดร รอสซี เจ้าของร้านพิซซ่าอีกแห่งในโรม กล่าวว่า ชาวอียิปต์อพยพพร้อมทำงานหนัก ตรงกันข้าม คนท้องถิ่นอยากได้งานสบาย นั่งทำงานในห้องแอร์ ทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ และวันละ 6 ชั่วโมง ไม่พร้อมจะทำงานวันละ 10 หรือ 12 ชั่วโมงอย่างพวกเขา กระนั้นก็อดประหลาดใจไม่ได้ ที่ชาวอิตาลีไม่ยอมประกอบอาชีพที่เรียกได้ว่าน่าจะฝังอยู่ในดีเอ็นเอทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่อัตราว่างงานคนหนุ่มสาวสูงถึง 35%

             "ชาวอิตาลีมองว่าการทำงานในร้านพิซซ่า เป็นเรื่องเสียหน้า เป็นงานใช้แรง หนุ่มสาวอิตาลีอยากมีรถราคา 4 หมื่นยูโรขับ ใส่เสื้อผ้าดีๆ แต่กลับไม่พร้อมทำงานเพื่อสิ่งเหล่านั้น จึงเป็นช่องว่างให้ชาวอียิปต์ ฟิลิปปินส์และอาหรับเข้าไปแทนที่ ปัจจุบัน ผู้อพยพคือกำลังสำคัญในร้านพิซซ่า 25,000 แห่งของอิตาลี และมีชาวอียิปต์ฝึกฝนเป็นคนทำพิซซ่าปีละประมาณ 100 คน

 

 

 

เซเลบภารต กับหนวดปลอม

 

ออสโลขาดแคลนขยะ ต้องการด่วน

 

              ออสโลไม่ใช่เมืองเดียวที่มีปัญหา หลายเมืองในยุโรปเหนือที่เผาขยะผลิตไฟฟ้าและให้ความร้อนมานานนับทศวรรษ มีปัญหาเช่นเดียวกัน

              อีกทั้งสวีเดนยังมีแผนจะสร้างโรงไฟฟ้าจากขยะเพิ่มอีก เช่นเดียวกับในออสเตรียและเยอรมนี  

              ขณะนี้ กรุงสตอกโฮล์มของสวีเดน ได้กลายเป็นคู่แข่งของออสโล ชิงกันคว้าขยะจากอังกฤษและประเทศอื่นๆ ที่ก่อนหน้านี้เต็มใจยกขยะให้กับนอร์เวย์เจ้าเดียว  

              เฮจ รูท โอลเบิร์กสวีน ที่ปรึกษาอาวุโสโครงการจัดการขยะของกรุงออสโล กล่าวว่า ตลาดขยะยุโรปกำลังเติบโต 

              ส้มหล่นใส่หลายเมืองทางเหนือของประเทศอังกฤษ อาทิ เมืองลีดส์ ปัจจุบันส่งขยะมากถึง 1,000 ตันต่อเดือนไปให้ประเทศที่มีความต้องการ รวมถึงนอร์เวย์ ซึ่งไม่เพียงช่วยระบายขยะออกไปเท่านั้น ยังช่วยลดรายจ่ายที่เมืองต้องใช้ค่าภาษีที่ทิ้งขยะอีกด้วย

              ออกจะแปลกสำหรับนอร์เวย์ที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าขยะเพื่อผลิตพลังงาน เพราะเป็นประเทศส่งออกน้ำมันและก๊าซรายใหญ่อันดับ 10 ทั้งยังมีแหล่งถ่านหินอีกมหาศาล กับเครือข่ายโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำกว่า 1,100 แห่ง เนื่องจากมีภูมิประเทศเป็นภูเขา แต่ผู้เชี่ยวชาญของนอร์เวย์ กล่าวว่าการเผาขยะ เป็นเกมแห่งพลังงานหมุนเวียนสู่การลดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

 

 

เซเลบภารต กับหนวดปลอม

 

 

ถุงมือแพทย์กลายร่างเป็นลูกโป่ง ช่วยให้หนูๆ ในห้องไอซียูลืมเจ็บ     

 

              คุณหมอที่โรงพยาบาล ทาลลาฟท์ ในกรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ พบวิธีการเบี่ยงเบนความสนใจของเด็กๆ ในห้องไอซียูได้แบบแทบไม่ต้องลงทุนแต่ได้ผล นั่นก็คือ ถุงมือยางที่เป่าให้พองออกกลายเป็นรูปนิ้วมือป่องๆ คล้ายหน้าคนมีผมชี้ตั้ง และวาดรอยยิ้มบนนั้น

              คุณหมอที่โรงพยาบาลเขียนบทความเรื่องนี้ ไว้ในวารสารการแพทย์ฉุกเฉินในอังกฤษ ว่า การใช้หุ่นถุงมือยางหลอกล่อได้รับความนิยมนำไปใช้กับคนไข้รุ่นเยาว์ต่อๆ กันไปเรื่อยๆ จนพวกเขาตัดสินใจที่จะทำการทดสอบทางวิทยาศาสตร์เพื่อยืนยันผล 

               โดยถุงมือแบบหนึ่ง ตั้งชื่อ "เจ็ดเวิร์ด" ตามชื่อของนักร้องเพลงป๊อปคู่แฝดชาวไอริช จอห์น แอนด์ เอดเวิร์ด กริมส์  ใช้นิ้วทั้งห้าเป็นผม และวาดหน้าตรงบริเวณฝ่ามือ ส่วนอีกแบบตั้งชื่อว่า "โมฮอล์ค" ที่ใช้นิ้วมือ 4 นิ้วแทนผม นิ้วโป้งเป็นจมูก วาดส่วนตาไว้ที่อีกข้างของจมูก และปากอยู่ข้างใต้ 

              ผลการทดลองกับผู้ป่วยวัย 2-8 ขวบจำนวน 149 คน พบว่า คนไข้รุ่นเยาว์ถูกใจเจ็ดเวิร์ด 75 ครั้ง  ส่วนโมฮอล์ค ถูกเลือก 61 ครั้ง มีเพียง 13 ครั้งเท่านั้นที่เด็กๆ ไม่เลือกหุ่นสักตัว

              แพทย์จึงสรุปว่า ถุงมือแพทย์แบบที่ใช้ในโรงพยาบาล เป่าให้พองเป็นลูกโป่งวาดให้เป็นหน้าตา สามารถนำไปใช้ประโยชน์เบนความสนใจของเด็กจากอาการบาดเจ็บรุนแรงได้ แต่ควรวาดแบบ เจ็ดเวิร์ด สไตล์ จะได้ผลกว่า 

               
.......................................................

(เซเลบภารต กับหนวดปลอม ลูกผู้ชายตัวจริงไม่ทำร้ายสตรี : คอลัมน์เวิลด์วาไรตี้)