ข่าว

'บ.ส่งออกผลไม้'ร้องถูกรีดค่าตรวจสินค้า

'บ.ส่งออกผลไม้'ร้องถูกรีดค่าตรวจสินค้า

25 เม.ย. 2556

'บ.ส่งออกผลไม้' ร้อง 'ปู' สุดทนถูกขูดรีดค่าตรวจสินค้าส่งไป 'สหรัฐ' เปิดทาง 'ไต้หวัน' ฮุบตลาด ขณะที่ 'เกษตรกรไร้ที่ดินทำกินภาคใต้' วอนเร่งจัดสรรที่ทำกินให้


              25เม.ย.2556 ผู้สื่อข่าวรายว่า ตัวแทนผู้ประกอบการส่งออกผลไม้ฉายรังสีไปสหรัฐอเมริกา 5 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท เบสท์ฟรุ๊ต จำกัด , บริษัท พี.โอ.เค อิมปอร์ต แอนด์ เอ็กซ์ปอร์ต (ประเทศไทย) จำกัด , บริษัท วัลวีร์ จำกัด , บริษัท ไชน์โฟร์ท จำกัดและบริษัท บีเคเค สยาม อินเตอร์เทรดจำกัด นำโดยนายสมโภชน์ วัลยะเสวี ( Sompote Valyasevi ) ตัวแทนศูนย์ประสานงานความร่วมมือไทย - สหรัฐอเมริกาเพื่อการส่งออกผลไม้ จำกัด (TUCC) เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีได้รับความเดือดร้อนจากการเปลี่ยนแปลงผู้ประสานงาน ในโครงการการตรวจรับรองผลไม้ล่วงหน้า ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2554 ที่ผ่านมา

              โดยมีนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง รับเรื่องไว้ ทั้งนี้หนังสือดังกล่าวระบุว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เปลี่ยนแปลงระบบการส่งออก โดยการกำหนดเงื่อนไขการชำระค่าตรวจผลไม้และการคิดราคาค่าตรวจผลไม้ จากเดิมเก็บอยู่ในอัตรากิโลกรัมละ 8 บาท เป็นกิโลกรัมละ 25 บาท อีกทั้งยังมีการเรียกเก็บชำระค่าตรวจล่วงหน้า 50 เปอร์เซ็นต์ ของมูลค่าการตรวจทั้งฤดูกาล ซึ่งกฎระเบียบใหม่นี้ส่งผลให้ผู้ประกอบการไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากส่งผลกระทบต่อการส่งออกผลไม้ไทยไปยังสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้ประกอบการต่างชาติเข้ามาดำเนินการส่งออกแทนผู้ประกอบการไทย

              นายสมโภชน์ ให้สัมภาษณ์ว่า มกอช.ได้ประกาศให้บริษัทเอกชนเป็นผู้จัดจ้างเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา การตรวจผลไม้ก่อนการส่งออกแทน TUCC นั้น ตนตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทดังกล่าว เป็นบริษัทที่ไม่มีที่มาที่ไป เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีเจ้าของเพียงคนเดียว และเป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ ซึ่งบริษัทนี้ตั้งขึ้นก่อนที่ มกอช. จะประกาศให้ทำหน้าที่แทน TUCC เพียง 11 วัน โดยไม่เคยมีการพูดคุยกับตนในฐานะผู้ประสานงาน TUCC และผู้ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยว่าเงินส่วนต่าง 17 บาท ที่เพิ่มจากอัตราเดิมหายไปไหน และเหตุใดจึงต้องเรียกเก็บค่าตรวจผลไม้ล่วงหน้า ซึ่งในส่วนนี้ถือเป็นปัญหาสำคัญ เพราะบริษัทดังกล่าวระบุว่าถ้าการส่งออกไม่ตรงตามยอดที่แจ้งไว้ จะถูกยึดเงินมัดจำทั้งหมด จึงเป็นปัญหาเนื่องจากผลผลิตทางการเกษตรไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ เพราะขึ้นอยูกับสภาพภูมิอากาศ

              นายสมโภชน์ กล่าวว่า ตนเคยนำเรื่องดังกล่าวร้องต่อกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แล้ว ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ได้ถามเรื่องไปยัง มกอช. ซึ่งรายงานที่ มกอช.เสนอกลับไปนั้นไม่ตรงกับข้อเท็จจริงและ มกอช.พยายามชี้แจงให้กระทรวงเกษตรฯ เห็นว่าการส่งออกยังดำเนินต่อได้ แม้จะมีการเพิ่มอัตราค่าตรวจผลไม้ก็ตาม ซึ่งเป็นภาระหนักที่ผู้ประกอบการต้องแบกรับ และไม่สามารถส่งออกผลไม่อยู่ช่วงหนึ่ง และขณะนั้นบริษัทดังกล่าว และ มกอช. ยังได้ประสานบริษัทส่งออกผลไม้จากประเทศไต้หวัน ที่สามารถรับเงื่อนไขที่ มกอช.กำหนด มาส่งออกแทน จึงถือเป็นการแทรกแซงและแย่งส่วนแบ่งการตลาดของผู้ส่งออกไทย

              นายสมโภชน์ กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้มีการจ้างผู้ตรวจผลไม้ฉายรังสีคู้ขนานไปกับบริษัทดังกล่าวโดยจะเรียกเก็บอัตราค่าตรวจผลไม้เท่าเดิม โดยในส่วนนี้ TUCC ได้มีการเสนอแนวคิดนี้ไปยังกระทรวงเกษตรฯของสหรัฐอเมริกาแล้ว และก็ได้รับความยินดี เนื่องจากสหรัฐอเมริการู้ปัญหาที่เกิดขึ้นและไม่ต้องการให้ราคาผลไม้ในตลาดเพิ่มขึ้น

              นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นปัญหามา 2 ปีแล้ว และยังส่งผลกระทบต่อภาพร่วมเกษตรกร การส่งออก และรายได้ของประเทศ โดยตนจะรีบสรุปประเด็นเรื่องร้องเรียน รวมถึงข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการที่ต้องการให้ จ้าง 2 บริษัท TUCC และบริษัทดังกล่าว ต่อ นายกฯ และตนจะเขียนแนบท้ายรายงานด้วยว่าเห็นควรให้เรียก นพ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นายศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ ผอ.มกอช.พร้อมกับผู้ประกอบการส่งออกผลไม้ มาร่วมกันชี้แจง ซึ่งตนจะเป็นผู้นั่งหัวโต๊ะทำการประชุมเอง คาดว่าน่าจะประมาณต้นเดือน พ.ค.นี้

 

'เกษตรกรภาคใต้'ร้องเร่งช่วยจัดสรรที่ทำกิน


              ขณะเดียวกันกลุ่มเกษตรกรสิทธิชุมชนไร้ที่ทำกิน14 จ.ภาคใต้ ประมาณ 400 คน นำโดย นายสุมลตรี สุกดำ ได้เดินทางมาเรียกร้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ช่วยเหลือจัดสรรที่ดินให้กับเกษตรกรที่ยากจน โดยมี พ.ต.ต.เสงี่ยม สำราญรัตน์  ที่ปรึกษาประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นตัวแทนรับหนังสือดังกล่าว สำหรับข้อเรียกร้องคือ 1.ขอให้นายกฯตรวจสอบข้อเท็จจริง เกี่ยวกับการเข้ากดดันทำลายบ้านเรือนที่อยู่อาศัย และทรัพย์สินของชาวบ้าน กลุ่มเกษตรกร นอกจากนี้ขอให้ตรวจสอบการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2555 และวันที่ 18 ธ.ค.2555 พร้อมให้มีการตรวจสอบความเสียหายของทรัพย์สิน เพื่อจัดการช่วยเหลือเยียวยา และให้ความเป็นธรรมประชาชนกลุ่มเกษตรกร

              2.ขอให้นายกฯและครม.ร่วมพิจารณาจัดสรรที่ดินทำกิน สวนปาล์ม ที่หมดสัมปทาน ในพื้นที่ อ.เหนือคลอง ต.คลองขนาน จ.กระบี่ ให้แก่ประชาชนเกษตรกรสิทธิชุมชนไร้ที่ทำกิน จำนวน 2355 ราย 3. ให้พิจารณาจัดสรรที่ดินทำให้แก่เกษตรกรและประชาชนที่ยากจนในพื้นที่ ที่หมดอายุสัมปทาน และป่าเสื่อมโทรม จำนวน 10,645 ราย รวมที่เดือดร้อน จำนวน 13,000ราย ได้มีที่ดินทำกินตามความเหมาะสม 4.ขอให้รัฐบาลตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้อง บุกเผา ทำลายและรวมถึงกลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่

              ด้านพ.ต.ต.เสงี่ยม กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ยืนยันที่จะช่วยความเดือดร้อนให้กับประชาชน ทั้งนี้ในวันที่ 2 พ.ค.2556 ตนจะลงพื้นที่ใน อ.คลองลึก จ.กระบี่  ดังนั้นขอให้เกษตรกรส่งตัวแทนไปพบเพื่อติดตามความคืบหน้า พร้อมทั้งจะหาช่องทางการช่วยเหลือเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น