
ฮอตอิชชู : ทองร่วง...ตื่นทองกันไหม?
ฮอตอิชชู : ทองร่วง...ตื่นทองกันไหม?
"วิธีเก็บทองคำในปัจจุบันมีรูปแบบที่หลากหลายสามารถเลือกเก็บได้ตามประสงค์ของตัวเอง และเชื่อว่าไม่ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ทองคำก็ยังเป็นทรัพย์สินที่น่าเชื่อถือทั้งการลงทุน และในด้านวิถีชีวิตอยู่ดี"
ว้าวววว...เปิดทำการหลังหยุดยาวช่วงสงกรานต์ ทำเอาคนไทยตื่นตระหนกตรงดิ่งไปร้านขายทองกันอย่างไม่ได้นัดหมาย...ด้วยราคาทองร่วงลงต่ำเป็นประวัติการณ์ด้วยราคาตลาดโลกร่วงฉุดทองไทยลดลง 2,350 บาท รูปพรรณรับซื้อราคา 18,631 บาท ขายในราคา 19,400 บาท ในขณะที่ราคาทองแท่ง 18,900-19,000 บาท (ราคา ณ วันที่ 17 เม.ย.) แล้วอย่างนี้จะไม่ให้คนไทยที่ช่างตื่นในทุกเรื่อง ไปต่อคิวตื่นทองได้อย่างไร แล้วซื้ออย่างไรล่ะถึงฉลาด ซื้ออย่างไรล่ะถึงไม่ขาดทุน จะซื้อมาเก็บ ซื้อมาใส่ ไปต่อคิวซื้อทองกันดีหรือไม่ แล้ว ณ วันนี้ "มีทองนับเป็นพี่หรือเปล่า..." ฟังความคิดเห็นกันเลยดีกว่า
ถ้าราคาทองลงมากกว่านี้อีกก็สนใจช้อนซื้อเก็บไว้บ้าง เป็นเหตุผลประกอบการตัดสินใจที่ "แก๊บ" จิณัฐตา เลาหวนิชย์ เจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวสิงคโปร์ ประจำประเทศไทย กำลังครุ่นคิดอยู่ แต่เวลานี้แค่รู้สึกดีที่ราคาถูกลงกว่าเมื่อก่อน และทำให้ผู้ลงทุนระยะสั้นและระยะยาวตื่นตัวอยากเข้าคิวซื้อกันคึกคัก
"เคยทันตอนทองบาทละ 7,000 กว่า คิดว่าอีกสักพักราคาคงขึ้นอีกเหมือนเดิม เพราะของทุกอย่างที่มูลค่าจะขึ้นๆ ลงๆ เป็นเรื่องปกติ ส่วนตัวก็พอมีเก็บไว้บ้าง เป็นจำพวกรูปพรรณ เพราะอยากใส่ก็เอาออกมาใส่ได้ แต่ตอนนี้เริ่มสนใจทองแท่งอยู่บ้าง แต่ถ้าคิดจะซื้อคงไม่ซื้อจำนวนมากๆ ไม่เน้นลงทุนกับทองคำ สนใจพวกกองทุนหรือเงินฝากมากกว่า อย่างน้อยดอกเบี้ยก็เป็นตัวเงินเห็นๆ ดูมั่นคงกว่าด้วย เป็นสิทธิ์ที่เราจะบริหารเงินของเรา ถ้าอยากจะนำไปลงทุนซื้อสินทรัพย์อะไรก็ทำได้" เจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวสาว ให้มุมมอง
ทำนองเดียวกับ "ซูซี่" หทัยเทพ ธีระธาดา ไฮโซคนดังและเป็นหนึ่งในนักลงทุนคนสำคัญ เล่าให้ฟังว่า ส่วนตัวไม่ชอบการลงทุนกับทองคำ เพราะราคาขึ้นราคาลงค่อนข้างน้อย ไม่คุ้มในการลงทุน แต่ถ้ามีคนชอบลงทุนในส่วนนี้ก็เป็นสิทธิของเขา และราคาทองลงอย่างนี้เมื่อจะไปซื้อก็ควรจะซื้อทองคำแท่ง เพราะขายหรือเป็นการลงทุนที่ได้กำไร ตรงกันข้ามถ้าซื้อทองรูปพรรณเพื่อนำใส่หรือสะสมเป็นสินทรัพย์ส่วนตัวแบบนี้ก็โอเค แต่ถ้าซื้อทองรูปพรรณเพื่อการลงทุนเป็นสิ่งที่ไม่ควร เพราะขาดทุนแน่นอนเพราะต้องเสียค่ากำเหน็จในการซื้อทองรูปพรรณ
"ชอบลงทุนกับการซื้อเพชร ยิ่งเพชรเม็ดใหญ่ๆ น้ำดีๆ จะหายาก ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นไปตลอดไม่มีตก ซึ่งการซื้อเพชรต้องมีความรู้ ต้องดูเพชรว่าอยู่ในระดับไหร ที่หายากมากๆ คือต้องมี ดีไอเอฟ(DIF) ดีหมายถึงดีคัลเลอร์ คือน้ำดี ไอเอฟคือสวยเพอร์เฟกท์ไม่มีตำหนิ แพงและหายากมาก ยิ่งน้ำหนักกะรัตมากยิ่งได้ราคาที่สูง ยกตัวอย่างถ้าซื้อเพชร 1 กะรัตราคาอาจจะกะรัตละ 1 แสนบาท แต่ในคุณภาพเดียวกันถ้า 5 หรือ 10 กะรัต ราคาต่อกะรัตจะมากกว่า 1 แสนบาทแน่นอน โดยราคาของเพชรก็มีราคากลางเหมือนกัน ถ้ายิ่งหายากราคากลางที่ใช้กันทั่วโลกอาจจะเป็นเพียงฐานในการกำหนดราคา แต่เมื่อต้องการซื้อขายกันจริงๆ ราคาอาจจะบวกมากกว่าที่ราคากลางกำหนดไว้ก็ได้" นักลงทุนอัญมณีเลอค่า ให้ความรู้
"ยุ้ย" สรสิดา ชานนประภาส์ แบรนด์ ไดเรกเตอร์ แห่งบริษัท สยาม โกลด์ แกลลอรี่ จำกัด ให้มุมมองว่าปัจจุบันมีการซื้อทองคำเพื่อการเก็บสะสมเป็นทรัพย์สินเป็นส่วนใหญ่ ความสวยงามของลวดลายถือเป็นผลพลอยได้ที่เจ้าของจะได้ไป อาจเพราะการใส่ทองรูปพรรณในสังคมสมัยดูเป็นเรื่องอันตราย และสวมใส่เข้ากับแวดล้อมในปัจจุบันได้ยาก เหตุนี้รูปแบบการซื้อจึงเปลี่ยนไปเป็นการลงทุนมากขึ้น
"กระแสซื้อ-ขายทองคำมีบทบาทกับนักลงทุนและประชาชนทั่วไปมานานมากแต่พึ่งมาคึกคักให้เห็นได้ชัดก็ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา เพราะตอนนั้นทองคำราคาลงเยอะมีการซื้อเข้าขายออกทำกำไรกันจนเป็นที่ชินตาว่าการซื้อทองเป็นการลงทุนไป ซึ่งหากเก็บในรูปแบบของทองแท่งที่ไม่เสียค่ากำเหน็จก็จะคุ้มทุนกันไปโดยไม่ต้องเก็บไว้นาน ส่วนผู้ที่ซื้อเป็นทองรูปพรรณ ถ้าเก็บไว้ยิ่งนานก็ยิ่งได้กำไรเป็นเรื่องปกติ ส่วนเรื่องมีทองแล้วนับเป็นพี่ เป็นผู้มีหน้ามีตาปัจจุบันก็ยังมีความเชื่อนี้อยู่เยอะ มีหลายคนมาสั่งทำทองในรูปแบบต่างๆ เพื่อใช้ในงานมงคล ให้เป็นของขวัญ หรือเก็บสะสมงานทองคำที่เป็นศิลปะ เป็นงานฝีมือมีลวดลายสวยงามไว้เป็นคุณค่าทางจิตใจไม่ได้นึกถึงเรื่องกำไรมาก หรือซื้อทองไว้เพื่อรักษาเงินต้นของตัวเองอย่างเดียวก็มี ซึ่งเห็นได้ว่าวิธีเก็บทองคำในปัจจุบันมีรูปแบบที่หลากหลายสามารถเลือกเก็บได้ตามประสงค์ของตัวเอง และเชื่อว่าไม่ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่ทองคำก็ยังเป็นทรัพย์สินที่น่าเชื่อถือทั้งการลงทุน และในด้านวิถีชีวิตอยู่ดี" ผู้บริหารสาวให้ความเห็นเกี่ยวกับการเก็บสะสมทองคำ
พนักงานบริษัทเอกชนชื่อดังอย่าง "ขวัญ" ศศกร จิระเกียรติ ยอมรับว่าหลังจากได้ยินข่าวราคาทองตกลงมาก ทำให้ตกใจไม่น้อยทีเดียว เพราะที่ผ่านมาหากพอมีเงินเก็บบ้าง ก็จะซื้อนำไปซื้อทองเก็บไว้ ทั้งในรูปของทองคำแท่งและทองรูปพรรณ แต่ทั้งนี้เชื่อว่าราคาทองจะไม่มีทางตกลงถึง 15,000 บาทอย่างแน่นอน และคิดว่าราคาจะไม่ลดลงนานด้วย เพราะที่ผ่านมาราคาทองคำก็มีแน้วโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาช่วงนั้นพอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง เลยนำไปซื้อทองคำแท่งเก็บไว้ ตอนนั้นจำได้แม่นว่าบาทละ 19,950 บาท พอเมื่อปีที่ผ่านมาราคาขยับขึ้นมาอยู่ที่ 23,850 ก็เก็บรวบรวมเงินซื้อได้เพิ่มอีกนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้มากมายนัก คือเราไม่ได้ตั้งใจซื้อมาเพื่อลงทุนหรือเก็งกำไรด้านนี้โดยตรง เพราะเราก็ไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้น แค่คิดว่าถ้าพอจะมีเงินก็ซื้อเก็บๆ ไว้สะสมไปเรื่อยๆ ทีละเล็กละน้อย หากแก่ตัวไม่มีรายได้ก็พอขายได้ราคาบ้าง หรือจะส่งต่อให้ลูกหลานมูลค่าก็คงไม่น้อย ที่ผ่านมาเราจะเห็นว่าราคาทองมีแต่จะเพิ่มสูงขึ้นเช่นเดียวกับอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งตรงข้ามกับค่าเงินบาทที่นับวันมีแต่จะอ่อนตัวลง" สาวออฟฟิศให้ความเห็น
ไม่ตกใจเพราะมองว่าเป็นเรื่องของวัฏจักรมีขึ้นย่อมมีลง สำหรับผู้บริหารหนุ่มค่ายเดอะมอลล์ กรุ๊ป "คริส" กฤษณยศ บรูณะสัมฤทธิ์ เผยว่า โดยส่วนตัวเป็นคนซื้อทองเก็บบ้างแต่ไม่ถึงกับลงทุนซื้อเก็งกำไร เมื่อราคาทองตกจึงไม่รู้สึกตื่นตกใจอะไร อีกทั้งยังเชื่อว่าราคาทองไม่มีทางขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ถึงจะราคาตกก็ไม่ตกเหมือนราคาสินค้าทั่วไปๆ ตราบใดที่เราไม่ขายเราก็ไม่ได้ขาดทุน
"ทองก็คือแร่ ที่ทั่วโลกย่อมรับ เป็นค่าวัดความมั่งคั่งของประเทศนั้นๆ ดูง่ายๆ อย่างการพิมพ์ธนบัตร(เงิน)แต่ละครั้งประเทศนั้นๆ จะต้องใช้ทองเป็นหลักทรัพย์หนุน แต่เมื่อเปรียบเทียบกันทุกวันนี้ค่าเงินตกลงทุกวัน ถึงวันนี้ราคาทองจะตกลงก็ยังตกน้อยกว่าค่าของเงิน สำหรับผมมองว่าทองก็เหมือนกับหุ้น หรือเหมือนกับรถทั่วๆ ไป ถ้ายังไม่ขาย ก็ไม่ขาดทุน ตราบใดที่เรายังแฮปปี้ ฉะนั้นผมไม่เชื่อว่าจะลงไปมากๆ เท่ากับราคาเมื่อสมัยเราเด็กๆ ดังนั้นตอนนี้หากใครใครซื้อทองก็ซื้อไปเถอะครับ ถ้าเรายังมีปัจจัย" คริส ให้ความเห็น
ใครมีเงินเก็บเหลือเฟือจะซื้อทองมาเก็บไว้ก็เป็นสิทธิ แต่อย่าถึงกับกู้หนี้ยืนสินมาซื้อเด็ดขาด...ไม่คุ้มมมม....
---------------------
(ฮอตอิชชู : ทองร่วง...ตื่นทองกันไหม?)