
รถตู้พุ่งชนพ่วงท้าย18ล้อคนขับติดคารถ
รถตู้โดยสารพุ่งชนพ่วงท้ายรถ18ล้อ คนขับติดภายในหน่วยกู้ภัยต้องนำเครื่องตัดถ่างมาช่วยตัดคอนโซลที่ยุบลงมาทับขาคนขับ
วันที่ 18 เม.ย.56 เมื่อเวลา 01.00น. ร.ต.ต.พันธ์เทพ ศรีพันธุ์นาคร้อยเวร สภ.ศรีราชา ได้รับแจ้งจากหน่วยกู้ภัยสว่างประทีปศรีราชาว่า มีรถตู้โดยสารพุ่งชนพ่วงท้ายรถ18ล้อ ที่ถนนสุขุมวิทขาเข้าชลบุรีบริเวณสามแยกท่าเรือฮาเบอร์หมู่4 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา คนขับรถตู้ติดอยู่ภายในรถทางเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างประทีปศรีราชากำลังใช้เครื่องตัดถ่างตัดบริเวณคอนโซลรถเพื่อช่วยเหลือคนขับรถออกมา
ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อยี่ห้อโฮโจไซโนทัค หัวสีน้ำเงินฟ้าหมายเลขทะเบียนส่วนหัว 51-9115 ปราจีนบุรี ส่วนพ่วงท้าย 817741 ปราจีนบุรีจอดขวางถนนสุขุมวิทเลนขาเข้าชลบุรีอยู่และพบรถตู้โดยสารยี่ห้อโตโตต้าหัวสีขาวหมายเลขทะเบียน14-9639 กทม.ด้านหน้าชนอยู่กับท้ายพ่วงรถ18ล้อสภาพด้านหน้ายุบย่นจนคอนโซลรถบี้ยุบลงมาทับขาของคนขับรถตู้โดยสาร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างประทีปศรีราชาต้องใช้เครื่องตัดถ่างงัดช่วงคอนโซลออกใช้เวลา15 นาทีจึงนำร่างของนายทองคำ มีกระโทก อายุ 54 ปี คนขับรถตู้โดยสารออกมาได้ และรีบนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณศรีราชา ให้แพทย์รักษาอาการบาดเจ็บบริเวณขาและลำตัว
นายประมวล รักถาวร อายุ 34 ปี คนขับรถพ่วง 18 ล้อซึ่งยืนรอมอบตัวกับตำรวจได้ให้การว่า ได้บรรทุกถ่านหินออกมาจากท่าเรือศรีราชาฮาเบอร์มุ่งหน้าไปส่งที่จ.ปราจีนบุรีโดยมองแล้วว่าไม่มีรถจึงกำลังวิ่งข้ามถนนเพื่อเลี้ยวขวาไปทางแหลมฉบังไม่รู้ว่ารถตู้โดยสารวิ่งพุ่งออกมาจากไหนพุ่งชนช่วงพ่วงท้ายดังกล่าวจนติดภายในทางตำรวจจึงได้ควบตุมตัวไปสอบสวนหาสาเหตุต่อที่สภ.ศรีราชาเพื่อดำเนินการตามกฏหมายต่อไป
ทับสยองหนุ่มรถไถสังเวยวันสุดท้ายช่วง 7 วันอันตรายเทศกาลสงกรานต์
เมื่อเวลา 21.00 น. ของวันที่ 17 เมษายน ร.ต.ท. พสิฎฐพงศ์ สมบูรณ์ดี ร้อยเวร สภ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถทับคนเสียชีวิต เหตุเกิดบนถนนโพธิ์ทอง-รำมะสัก หมู่ที่ 2 ต.คำหยาด อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมด้วยนายวิศว ศะศิสมิต ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง แพทย์โรงพยาบาลโพธิ์ทอง และเจ้าหน้าที่สมาคมวีอาร์กู้ภัยจังหวัดอ่างทอง เมื่อไปถึงพบที่เกิดเหตุเป็นถนนลาดยาง เลาะคันคลองชลประทาน บนถนนพบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า คลิก สีครีม หมายเลขทะเบียน กธบ-520 อ่างทอง พลิกคว่ำอยู่ในสภาพมีรอยถลอก ห่างไปประมาณ 3 เมตร พบศพชายนอนเสียชีวิตอยู่ในสภาพใบหน้าเละ ตามร่างกายแขตขาบิดงอ ทราบชื่อต่อมาคือนายสุทัศน์ สาระภก อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24 หมู่ 4 ต.ศรีพราน อ.แสวงหา จ.อ่างทอง
จากการสอบถามนางฐนันพร ดาวเรือง อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 หมู่ 5 ต.ศรีพราน อ.แสวงหา จ.อ่างทอง ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ตนพร้อมด้วยสามีได้เดินทางออกจากบ้านพักเพื่อจะไปทำธุระที่วัดแถวบ้าน ระหว่างที่ขี่รถจักรยานยนต์มาตามทาง ก็ได้เห็นว่ามีจักรยานยนต์ล้ม และมีคนนอนฟุบอยู่ตรงกลางถนน แต่ยังไม่เสียชีวิต ตนจึงตัดสินใจให้สามีขี่รถจักรยานยนต์ไปตามให้คนมาช่วย ส่วนตนยืนเฝ้านายสุทัศน์ ที่บาดเจ็บอยู่อตรงจุดที่เกิดเหตุ ช่วงที่สามีขี่รถจักรยานยนต์ไปได้แค่พักเดียว ตนก็ได้เห็นไกล ๆ ว่าเหมือนมีรถกำลังขับมา ตนจึงตัดสินใจไปยืนโบกรถเพื่อให้หยุดช่วยเหลือ แต่ปรากฏว่ารถคันดังกล่าวซึ่งเป็นรถกระบะ ไม่ทราบยี่ห้อและสี แต่จำได้ว่าเป็นรถกระบะตอนเดียว ขับพุ่งตรงมาด้วยความเร็วสูง ตนตกใจจึงกระโดดหลบไปริมถนน ส่วนรถคันดังกล่าวก็พุ่งทับเข้ากับร่างของนายสุทัศน์อย่างจัง จนนายสุทัศน์นั้นเสียชีวิตคาที่ ส่วนรถคันดังกล่าวก็ได้ขับเลยไปโดยไม่ได้จอดลงมาดูแต่อย่างใด ตนเสียใจมากที่ไม่สามารถช่วยนายสุทัศน์ไว้ได้
ด้านนายสมหมาย สาระภก อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 9 ต.ยางซ้าย อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง พี่ชายนายสุทัศน์ กล่าวว่า ปกตินายสุทัศน์อยู่ที่แสวงหา แต่ตอนนี้ได้มาอาศัยอยู่กับตนที่บ้าน โดยยึดอาชีพขับรถเกรดดิน รถไถนา ซึ่งเมื่อช่วงเช้าก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านไปทำงานตามปกติ แล้วก่อนเกิดเหตุก็กำลังจะขี่รถกลับบ้าน แต่ไม่ทันถึงบ้านก็มาเกิดเหตุเสียชีวิต
ส่วน ร.ต.ท. พสิฎพงษ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ทราบว่าผู้ตายได้ขี่รถจักรยานยนต์กำลังจะกลับบ้านที่ ต.ยางซ้าย คาดว่าระหว่างที่ขี่รถมาตามทางรถน่าจะเสียหลักพลิกคว่ำ เนื่องจากบริเวณถนนดังกล่าวเป็นหลุมเป็นบ่อ และใกล้กับจุดที่เกิดเหตุก็เป็นหลุมขนาดใหญ่ และมืดไม่มีไฟทาง ส่วนรถกระบะคันดังกล่าวนั้นมาด้วยความเร็วสูง เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุคงไม่ทันสังเกตว่ามีอุบัติเหตุและมีผู้บาดเจ็บนอนอยู่บนถนน ประกอบกับถนนมืด จึงพุ่งทับร่างผู้ตาย อย่างไรก็ดีจะได้ติดตามหารถกระบะคันดังกล่าวมาเพื่อทำการสอบสวนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับอุบัติเหตุผู้เสียชีวิตครั้งนี้ ถือว่าเป็นศพที่สองในวันสุดท้ายของช่วง 7 วันอันตรายในเทศกาลสงกรานต์ของจังหวัดอ่างทอง