
รอยพระพุทธบาทบนโขดหินโผล่กลางแม่น้ำโขง
รอยพระพุทธบาทบนโขดหินโผล่กลางแม่น้ำโขงช่วงหน้าแล้ง : รายงาน โดย... ชาญยุทธ โคตรธรรม
ช่วงหน้าแล้งปีนี้น้ำโขงแห้งเร็วโดยเฉพาะบริเวณวัดบ้านเวินพระบาท ตำบลเวินพระบาท อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ริมฝั่งแม่โขง เมื่อระดับน้ำโขงลดก็จะมีโขดหินขนาดใหญ่ห่างจากฝั่งประมาณ 40 เมตร โผล่ขึ้นกลางแม่น้ำโขง ซึ่งโขดหินนี้นักปราชญ์โบราณบันทึกในใบลานตำนานพระอุรังธาตุก่อสร้างพระธาตุพนม เมื่อปี พ.ศ.8 ว่า (รอยพระพุทธบาทเวินปลา) ซึ่งชาวไทยและชาวลาวเคารพนับถือมาตั้งแต่โบราณนับ 2,000 ปี
ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ประทับรอยพระบาทบนโขดหินตามคำร้องขอของพญานาคและพญาปลาตะเพียนทองในลำน้ำโขงไว้กราบไหว้ โดยช่วงหน้าฝนโขดหินจะจมอยู่ใต้น้ำให้พญานาคปลาและสิ่งลี้ลับในใต้น้ำโขงกราบไหว้และช่วงหน้าแล้งรอยพระพุทธบาเวินปลาก็จะโผล่ขึ้นพ้นน้ำให้โลกมนุษย์กราบไว้และบางครั้งก็เกิดเหตุประหลาดคือมีรอยพญานาคเกิดขึ้นในบันไดท่าน้ำของวัดจนชาวบ้านตั้งศาลให้และปั้นพญานาคสีทองขนาดใหญ่ขึ้นริมตลิ่งโขง ซึ่งช่วงสงกรานต์ชาวบ้านและองค์การบริหารส่วนตำบลเวินพระบาท จะทำสะพานไม้ให้ประชาชนลงไปทำพิธีสรงน้ำรอยพระพุทธบาท ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวจากหลายจังหวัดตลอดจนชาวลาวเดินทางมาร่วมพิธีสรงน้ำรอยพระพุทธบาทจนแน่นขนัดทำให้การท่องเที่ยวคึกคัก
ดร.อร่ามจิต ชินช่าง เลขานุการศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดนครพนม เล่าว่า ศูนย์วัฒนธรรมเคยมอบให้ตนทำหนังสือ "อาณาจักรศรีโคตรบูรณ์" โดยสืบค้นศิลปวัฒนธรรมตลอดจนแหล่งวัตถุโบราณทั้งฝั่งไทย-ลาว ตั้งแต่ยุคอาณาจักรศรีโคตรหลังการก่อสร้าง "พระธาตุพนม" รุ่นแรกราวปี พ.ศ.8 ของพญา 5 หัวเมือง เพื่อเก็บพระอุรังคธาตุ หรือกระดูกส่วนหน้าอกของพระพุทธเจ้า บันทึกไว้หนังสือนี้เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังสองฝั่งแม่น้ำโขงได้ศึกษาเรียนรู้รากเหง้าของตัวเองมีที่มาอย่างไร
โขดหินนี้หรือ "รอยพระพุทธบาทเวินปลา" มีความสำคัญมากเกี่ยวพันถึงยุคพระพุทธเจ้ายังไม่เสด็จปรินิพานหลังตรัสรู้และเดินทางมาเผยแพร่พระธรรมในลุ่มน้ำโขง ซึ่งสมัยนั้นเป็นเมืองมีพญาเมืองต่างๆ ปกครอง อาทิ เมืองหนองหารหลวงปกครองด้วยพญาสุวรรณภิงคาร สกลนครปัจจุบัน ฯลฯ หลังสืบค้นเรื่องนี้นักปราชญ์โบราณได้บันทึกในใบลานเป็นภาษาธรรมค้นพบในหลวงพระบาง ชุดผูก ตำนานพระอุรังธาตุก่อสร้างพระธาตุพนมเมื่อปี พ.ศ.8 ว่า "รอยพระพุทธบาทเวินปลา" ก็ถูกบันทึกไว้ในตำนานพระอุรังธาตุนั้นด้วย
สรุปใจความว่าหลังพระพุทธเจ้าเดินทางเผยแผ่พระธรรมผ่านตรงนี้เหล่าพญานาคและพญาปลาตะเพียนทองได้อัญเชิญพระพุทธองค์ลงใต้บาดาลใต้น้ำโขงเผยแผ่พระธรรมและก่อนเสด็จขึ้นมาบนโลกพญานาค พญาปลาตะเพียนทองได้ขอให้พระองค์ประทับรอยพระบาทบนโขดหินให้พญานาคและพญาปลาตะเพียนทองในลำน้ำโขงไว้กราบไหว้ โดยช่วงหน้าฝนโขดหินจมอยู่ใต้น้ำให้เหล่าพญานาคปลาและสิ่งลี้ลับในใต้น้ำโขงกราบไหว้
ในช่วงหน้าแล้งรอยพระพุทธบาทเวินปลาก็โผล่ขึ้นพ้นน้ำให้โลกมนุษย์กราบไหว้และบางครั้งก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดทุกปี เช่น พบงูใหญ่เลื้อยบนโขดหินและประมาณ 3-4 เดือนที่ผ่านมามีรอยพญานาคเกิดขึ้นในบันไดท่าน้ำของวัด จนชาวบ้านตั้งศาลให้และปั้นพญานาคสีทองขนาดใหญ่ขึ้นริมตลิ่งโขง
นายวิชุกร กุหลาบศรี อดีต ผอ.ททท.เขต 4 นครพนม กล่าวว่า สมัยที่ตนปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานการท่องเที่ยวให้ความสำคัญ "รอยพระพุทธบาทเวินปลา" แห่งนี้มาก ถือเป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยวเพราะเป็นรอยพระบาทแห่งเดียวที่พระองค์ได้ประทับรอยบนโขดหินกลางลำน้ำโขง ซึ่งททท.บรรจุไว้ในแผนที่ท่องเที่ยวและมีการจัดสรรงบประมาณหลายล้านบาท สร้างอาคารเก็บของเก่าแก่ตลอดจนเอกสารประวัติต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวได้อ่านด้วย
ขณะที่นายชาญชัย โชติวุฒิมนตรี นายก อบต.เวินพระบาท อ.ท่าอุเทน เปิดเผยว่า ช่วงสงกรานต์ชาวบ้านและองค์การบริหารส่วนตำบลเวินพระบาทจะทำสะพานไม้ให้ประชาชนลงไปทำพิธีสรงน้ำรอยพระพุทธบาทซึ่งเป็นพิธีใหญ่มาก มีนักท่องเที่ยวจากหลายจังหวัดตลอดจนชาวลาวเดินทางมาร่วมพิธีสรงน้ำรอยพระพุทธบาทจนแน่นขนัดทำให้การท่องเที่ยวคึกคัก นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังชมทิวทัศน์สะพานข้ามโขงได้อีกด้วยเพราะอยู่ใกล้กัน