
เกลียดคนแก่ -เกลียดอะไรได้อย่างนั้น
เกลียดคนแก่ -คนต่างชาติ...เกลียดอะไรได้อย่างนั้น : คอลัมน์เขยฝรั่ง สะใภ้อินเตอร์ : โดย...เสาวลักษ์ คงภัคพูน / ชมพิศ ปิ่นเมือง
ชีวิตในวัยเลยเบญจเพสของ"สุรดา สุวรรณเรือง"เลือกครองตัวเป็นโสดเพราะเข็ดขยาดกับปัญหาครอบครัว ที่เห็นแม่ต้องอดทนเลี้ยงลูกมาเพียงลำพัง ไม่เคยคิดว่าจะใช้ชีวิตร่วมกับใคร แต่พรหมลิขิตได้ขีดเส้นไว้แล้ว ทำให้ที่สุดก็ได้ใช้ชีวิตคู่กับหนุ่มญี่ปุ่นที่อายุมากกว่า ทั้งที่ไม่ชอบคนมีอายุ ไม่ชอบคนต่างชาติ เธอบอกว่า "เกลียดอะไรได้อย่างนั้น"
"สุรดา" ปัจจุบันวัย 38 ปี แต่งงานกับ "วาตารุ เซกิกุชิ" วัย 53 ปี ตั้งแต่ปี 2544 โดยมีพยานรักเป็นสาวน้อยวัย 7 ขวบ ชื่อ "น้องยูริ" ยูริ เซกิกุชิ ชีวิตคู่ที่ผ่านมายาวนานกว่า 10 ปี ใช้ชีวิตอยู่คนละประเทศ ฝ่ายชายเป็นเจ้าของบริษัทในประเทศญี่ปุ่น ต้องเดินทางติดต่อธุรกิจต่างประเทศเป็นว่าเล่น ส่วนอีกฝ่ายต้องรับภาระในการดูแลลูกสาวคนเดียวในเมืองไทย
ย้อนไปราวปี 2544 ตอนนั้นยังเป็นสาวรุ่น "สุรดา" รับงานพิเศษช่วยพี่สะใภ้ที่ทำทัวร์นำเที่ยว เป็นไกด์ให้นักท่องเที่ยวชาวไทย จนอยู่วันหนึ่งต้องรับหน้าที่พานักท่องเที่ยวจากบริษัทญี่ปุ่นเที่ยวที่ภูเก็ต ทั้งที่ไม่ชอบดูแลคนต่างชาติเพราะไม่เก่งเรื่องภาษา แต่เมื่อจำเป็นก็ต้องช่วยทำอย่างเต็มที่
"วาตารุ" เป็นเจ้าของบริษัทมาก่อนล่วงหน้าเพื่อเตรียมความพร้อม จากนั้นตลอดระยะเวลา 3 วันกับการนำนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นกว่า 40 ชีวิต กิน เที่ยว และพักผ่อนในภูเก็ต เป็นเรื่องสนุกสนานมากๆ "สุรดา" สัมผัสได้ว่ามีคนจ้องมองเธออยู่ แต่ไม่รู้ว่าใคร
กระทั่ง 1 สัปดาห์ต่อมา "วาตารุ" ติดต่อขออีเมลเธอผ่านพี่สะใภ้ แต่ก็ถูกปฏิเสธ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น เขาเพียรพยายามขออีเมลของไกด์สาวอยู่นานนับเดือน ที่สุดพี่สะใภ้ก็ใจอ่อนให้ไป แต่จดหมายก็เป็นหมัน เมื่อเธอไม่สนใจเปิดอ่านเลย
เขาไม่ละความพยายาม เริ่มรุกที่จะขอเบอร์โทรหญิงสาวผ่านพี่สะใภ้ ซึ่งกว่าจะได้มาต้องใช้ความพยายามอย่างหนัก และเมื่อได้เบอร์โทรมาการโทรหาแต่ละครั้งก็แสนลำบากเพราะโทรไปก็ไม่รับ เดือดร้อนแม่สื่ออย่างพี่สะใภ้ต้องช่วยประสานให้ เพราะเห็นใจฝ่ายชาย ซึ่งเมื่อทั้งคู่เริ่มคุยกัน เป็นจุดแรกเริ่มก่อนฝ่ายชายจะเอาชนะใจฝ่ายหญิงด้วยความพยายาม
จุดหักเหที่ทำให้ "สุรดา" ใจอ่อนยอมรับรัก เกิดขึ้นหลังคุยกันมาเกือบปี ชีวิตเจอวิกฤติเมื่อคุณแม่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เวลานั้นเคว้งคว้างไปหมด ใจป่วยสุขภาพก็ป่วย จนมีเสียงโทรศัพท์มาเมื่อรับสาย ต้นทางที่โทรมาทำใจอยู่นาน ก่อนจะมีเสียงร้องออกมาเป็นเพลงไทย.."คิดถึงแม่ขึ้นมา น้ำตามันก็ไหล" จำได้ว่าเป็นเพลงคิดถึงแม่ ของเสก โลโซ เธอฟังเขาร้องจนจบ ด้วยความพยายามออกเสียงแม้จะแปล่งๆ แต่ในช่วงเวลานั้น เวลาที่กำลังต้องการใครสักคน เธอทั้งจะร้องไห้และหัวเราะในคราวเดียวกัน นาทีนั้นตัดสินใจว่าจะคบผู้ชายคนนี้จริงจังเสียที
"มารู้ทีหลังว่าเขาแอบไปเรียนภาษาไทย และฝึกร้องเพลงนี้เพื่อจะปลอบใจเรา หลังจากนั้นเวลาผ่านไปไม่นานเหมือนเขาได้ใจเราไปเต็มๆ ด้วย สิ่งดีๆ หลายอย่างที่เขาพยายามทำให้เรา ซึ่งรวมถึงการเข้าตามตรอกออกตามประตู ตามขนบธรรมเนียมไทย ดูเหมือนว่าจะศึกษามาอย่างดี และนั่นเองคือสิ่งที่เราประทับใจในตัวเขา จนเขาเข้าไปหาพี่ชายเพื่อขอเราแต่งงาน ซึ่งเขาได้ใจเราไปเต็มๆ เพราะตัวเราถูกเลี้ยงดูมาจากครอบครัวที่ยึดถือธรรมเนียมประเพณีไทยมาอย่างเคร่งครัดอยู่แล้ว และยังรู้สึกได้ว่าผู้ชายคนนี้ละเอียดอ่อน มีความอ่อนโยน การที่ได้พูดคุยหรืออยู่ใกล้ ทำให้รู้สึกอบอุ่นมาก"
งานแต่งจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายที่ประเทศฟิลิปปินส์ มีเพียงญาติมิตรที่สนิทเท่านั้น มีข้อตกลงกันก่อนแต่งว่า ไม่ย้ายไปอยู่ต่างประเทศกับเขา จึงใช้วิธีไปๆ มาๆ จนมีลูกด้วยกัน 1 คน การเลี้ยงดูลูกสาวกลายเป็นสิ่งสำคัญของครอบครัว ซึ่งนั่นเองที่ทำให้ความรักแน่นแฟ้นขึ้นอีก ทำวันนี้ก็เพื่อน้องยูริ ลูกสาว ที่ทั้งพ่อและแม่ต่างทุ่มเทให้เขา
"ยอมรับว่าแรกๆ มีความกังวลและกลัวมาก ทั้งอยู่ห่างไกลกัน กลัวเหมือนกันว่าจะมีผู้หญิงคนอื่นเข้ามาแทรก แต่สิ่งที่เขาบอกคือ การเอาหัวใจการันตีว่าไม่มี เขาบอกเพียงว่ารักเรามากไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน ผ่านมานานก็เข้าใจ เชื่อใจกัน ทุกวันนี้มีลูกสาวกับธรรมะที่เราปฏิบัติและเข้าวัดอยู่เป็นประจำ ทำให้ไม่คิดมากและกังวลเรื่องของเขามากมายนัก อีกทั้งตั้งแต่มีลูกสาวเขาจะหาเวลามาอยู่กับครอบครัวแบบพร้อมหน้าพร้อมตากันเดือนละ 1 ครั้ง ซึ่งก็มีทั้งบินมาเมืองไทย หรือการไปเที่ยวต่างประเทศบ่อยๆ ถือว่ามีความสุขดีกันทั้งครอบครัว"
ในตอนนี้ สุรดา สุวรรณเรือง นอกเหนือจากบทบาทแม่ที่ต้องดูแลลูกสาวและเป็นภรรยาที่คอยให้กำลังใจสามีไปยังต่างประเทศ เธอยังเสียสละทำงานส่วนรวมด้วยการรับตำแหน่งเป็นกรรมการและเลขานุการ สภาวัฒนธรรมอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ และยังคอยส่งเสริมน้องยูริ ลูกสาวที่ชื่นชอบการแสดงศิลปะพื้นบ้านอีสานอย่างมากเดินสายแสดงโชว์ในงานต่างๆ ที่ส่วนมากจะเป็นการแสดงที่ไม่ได้รับค่าจ้าง เป็นการไปช่วยงานโดยไม่สนใจค่าตอบแทน ด้วยความสามารถของน้องยูริที่สร้างสีสันให้ทุกงานที่ไปร่วมได้อย่างมาก
"แค่นี้ก็มีความสุขมากแล้ว ลูกเก่ง สามีดี ครอบครัวก็มีความสุข" ..
.................................................
(เกลียดคนแก่ -คนต่างชาติ...เกลียดอะไรได้อย่างนั้น : คอลัมน์เขยฝรั่ง สะใภ้อินเตอร์ : โดย...เสาวลักษ์ คงภัคพูน // ชมพิศ ปิ่นเมือง)