
'ตะขอสร้อยทอง'มัดมือยิง'เสี่ยกุ้ง'
'ตะขอสร้อยทอง' มัดมือยิง'เสี่ยกุ้ง' : ตะลุยข่าวโต๊ะรายงานพิเศษ
"เสี่ยกุ้ง" หรือ นายชูโชค เจริญผล อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84/41 ซอยผลไม้ ต.เขาสามยอด อ.เมือง จ.ลพบุรี ที่ปรึกษา และเป็นสามีของ น.ส.สายใจ เลิศวิริยะประภา นายกเทศมนตรีเมืองเขาสามยอด อ.เมืองจ.ลพบุรี รวมถึงเป็นคนสนิทของ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ถูกพบเป็นศพจ่อยิงระยะเผาขนจนเสียชีวิตบริเวณบ่อน้ำ ริมถนนสายบ้านสระมะเกลือ-บ้านหนองบัวขาว หมู่ 8 ต.เขาสามยอด จ.ลพบุรี
"ตะขอสร้อยคอทองคำ" ซึ่งตกอยู่ในที่เกิดเหตุ กลายเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญมัดผู้ต้องสงสัยฆ่าโหดเสี่ยกุ้ง!!
หลังจากพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี รับแจ้งเหตุฆาตกรรม พล.ต.ต.วัฒนา เขตร์สมุทร ผบก.ภ.จว.ลพบุรี พ.ต.อ.ศุภโยชก์ ธารีไทย รอง ผบก.ภ.จว.ลพบุรี พ.ต.อ.เกชา หลักเพ็ชร์ รอง ผบก.ภ.จว.ลพบุรี พ.ต.อ.ณัชภูมิ วรรณวิลัย ผกก.สภ.เมืองลพบุรี พ.ต.อ.พรชัย ไข่สนอง ผกก.สส.ภ.จว.ลพบุรี เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ ซึ่งพบร่องรอยการต่อสู้ และลักษณะการเสียชีวิตของเสี่ยกุ้งบริเวณขมับซ้ายถูกยิงด้วยอาวุธปืนลักษณะจ่อยิง 2 นัด และหัวไหล่ขวา 1 นัด มีคราบเขม่าดินปืนติดรอบบาดแผล นอกจากนี้ เบ้าตาซ้ายมีรอยเขียวช้ำ ในที่เกิดเหตุยังพบปลอกกระสุนปืนขนาด .38 ซูเปอร์ 3 ปลอก รวมถึงห่วงตะขอทองคำรูปพรรณตกอยู่ในที่เกิดเหตุ
จากการสอบสวนภรรยาของเสี่ยกุ้ง ซึ่งเป็นนายกเทศมนตรีเมืองเขาสามยอด ให้ปากคำว่า เสี่ยกุ้งซื้อที่ดินบริเวณที่เกิดเหตุเกือบ 100 ไร่ เพื่อปรับปรุงจะสร้างเป็นรีสอร์ท โดยทุกวันจะขับรถยนต์ออกมาตรวจดูคนงานปรับพื้นที่ ก่อนเกิดเหตุก็มาตรวจดูการปรับพื้นที่ตามปกติ และทราบว่าไม่มีคนมาทำงานแล้วเงียบหายไป กระทั่งมีคนมาพบเป็นศพ
ส่วนชนวนความขัดแย้งที่อาจเป็นปมสังหารในครั้งนี้ พบเบาะแสว่า ก่อนหน้านั้น "เสี่ยกุ้ง" เคยมีปัญหากับเพื่อนบ้านคนหนึ่ง ซึ่งปลูกบ้านอยู่ในที่ดินที่ซื้อไว้ แต่พื่อนบ้านคนนี้ไม่ยอมย้ายออกจนมีการแจ้งความขับไล่ อย่างไรก็ตาม ชุดสืบสวนสอบปากคำเพื่อนบ้านที่มีปัญหากับเสี่ยกุ้ง แต่ก็ไม่พบพิรุธ
เพียงแค่ 1 วันหลังเกิดเหตุสะเทือนขวัญ พ.ต.อ.ศุภโยชก์ พร้อมด้วยชุดสืบสวนของ บก.สส.ภ.1 และชุดสืบสวนของเมืองลพบุรี เข้าจับกุม จ.ส.อ.สมพงษ์ แตงสี อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 142/473 หมู่บ้านการเคหะ หมู่ 2 ต.กกโก อ.เมือง จ.ลพบุรี อดีตทหารหน่วยรบพิเศษที่ออกจากราชการแล้ว ตามหมายจับของศาลจังหวัดลพบุรีเลขที่ จ.79/2556 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2556 โดยจับกุมได้บริเวณร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่งใกล้บ้านพักผู้ถูกกล่าวหา
หลังจากควบคุมตัว จ.ส.อ.สมพงษ์ ขณะพกอาวุธปืนขนาด .380 ออโตเมติก พร้อมกระสุน 6 นัดซุกซ่อนอยู่ที่เอว จึงนำไปตรวจค้นภายในบ้านพักพร้อมตรวจยึดปืนลูกซองยาว 5 นัด 1 กระบอก พร้อมทั้งรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นโคโรนา สีดำ ทะเบียน กก 7353 ลพบุรี และสร้อยคอทองคำรูปพรรณที่ไม่มีห่วงตะขอ 1 เส้น
การสอบสวน จ.ส.อ.สมพงษ์ ให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าไม่เคยรู้จักกับเสี่ยกุ้ง แต่ยอมรับว่าเข้าไปในที่เกิดเหตุที่เสี่ยกุ้งถูกฆาตกรรมเพราะระหว่างนั่งกินก๋วยเตี๋ยวได้ยินชาวบ้านพูดว่ามีคนถูกยิงจึงขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปดูเท่านั้น
คดีสะเทือนขวัญคดีนี้ แม้ผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ แต่ชุดสืบสวนมั่นใจว่าสามารถเอาผิดกับผู้ถูกกล่าวหาคนนี้ เนื่องจากชุดสืบสวนได้ข้อมูลเบาะแสในละแวกที่เกิดเหตุว่า ก่อนที่เสี่ยกุ้งถูกฆาตกรรมพบเห็นเสี่ยกุ้ง ขับรถยนต์เข้ามาแล้วลงจากรถยนต์ไปพูดคุยกับ จ.ส.อ.สมพงษ์ แล้วทั้งคู่มีปากเสียงกันก่อนลงมือทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน จากนั้น จ.ส.อ.สมพงษ์ชักอาวุธปืนออกมาเสี่ยกุ้งวิ่งหนีแล้วล้มลงก่อนถูกจ่อยิง
"ทางชุดสืบสวนสอบสวนมีประจักษ์พยานและพยานแวดล้อม รวมถึงห่วงตะขอทองคำรูปพรรณที่ตกในที่เกิดเหตุตรงกับสร้อยคอทองคำรูปพรรณของผู้ถูกกล่าวหาที่ไม่มีห่วงตะขอ เชื่อว่าคดีนี้ผู้ถูกกล่าวหาดิ้นไม่หลุดเพราะมีพยาน อีกทั้งรอผลนิติวิทยาศาสตร์ก็จะมัดผู้ถูกกล่าวหามากขึ้นแม้ให้การปฏิเสธหลังถูกจับ" พล.ต.ต.วัฒนา กล่าว
สำหรับมูลเหตุจูงใจในการฆาตกรรม แหล่งข่าวในชุดสืบสวนเชื่อว่า ที่ดินผืนดังกล่าวมีปัญหาเพราะอดีตมีพี่น้องคู่หนึ่งเป็นเจ้าของ แต่พี่สาวนำไปจำนองโดยน้องสาวไม่ทราบ แต่น้องสาวกลับนำไปขายให้ จ.ส.อ.สมพงษ์ ซึ่งไม่ทราบว่าที่ดินมีการจำนอง จนกระทั่งกรมบังคับคดีประกาศขายทอดตลาด "เสี่ยกุ้ง" ไปซื้อไว้แล้วเข้าไปทำประโยชน์ แต่น้องสาวที่เคยเป็นเจ้าของที่ดินไม่ยอมออก จนกระทั่งมีเรื่องฟ้องร้อง ภายหลังศาลสั่งให้น้องสาวที่เคยเป็นเจ้าของที่ดินย้ายออกแต่ไม่เป็นผล ต่อมาภายหลังทราบว่า จ.ส.อ.สมพงษ์ ไม่พอใจ อ้างว่าเสี่ยกุ้งนำรถเกรดเข้าไปปรับพื้นที่ทำให้กระท่อมที่ปลูกไว้พังไปหลายหลัง
.............................................................................................
( หมายเหตุ : 'ตะขอสร้อยทอง'มัดมือยิง'เสี่ยกุ้ง' : ตะลุยข่าว )