
รักเดียว ใจเดียว ทีมเดียว!?
ฟุตบอลต่างประเทศ : รักเดียว ใจเดียว : โดย...พันโชค ธัญญเจริญ [email protected]
นักฟุตบอลบางคน อ่อนโยนกับความรู้สึกและเข้าใจถึงอารมณ์ของแฟนพันธุ์แท้ นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมใครหลายคนถึงยอมอุทิศตัวเป็นแฟนหมายเลข 1 ของพวกเขา เพราะนอกจากฝีเท้าแล้ว "หัวใจ" ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้แฟนบอลตกหลุมรักนักฟุตบอลคนนั้นๆ ได้อย่างเข้าใจ รอยรองเท้าของพวกเขา แม้ไม่เคยเดินย่ำไปเล่นให้ต่างถิ่น เพราะพวกเขาไม่เคยมีทั้ง "ต้นสังกัดใหม่" และ "ต้นสังกัดเก่า" พวกเขาเล่นให้สโมสรฟุตบอลเพียงแห่งเดียว แต่รอยรองเท้าของพวกเขา กลับทิ้งความทรงจำไว้ให้ หรือสิ่งที่ทิ้งไว้กลับเป็นคำถามให้รุ่นน้องว่า รอยเท้าของพวกเขาจะทำให้ที่นี่เป็นบ้าน ทำให้นึกถึงเพื่อน และทำให้พวกเขามีแฟนหมายเลข 1 ได้หรือไม่...
เพราะคำว่า "ทู บี นัมเบอร์วัน แฟน" แม้จะเป็นภาษาต่างชาติ แต่เราที่ชื่นชอบฟุตบอลเข้าใจดีว่า เราหลงรักพวกเขา ทั้งที่ไม่ใช่เพื่อน ไม่ใช่คนรัก ไม่ใช่ญาติพี่น้อง ไม่ใช่แม้แต่คนที่เคยรู้จักทักทายกันเพียงสักครั้ง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะได้คำนี้ไป และไม่ใช่เรื่องง่ายที่เราจะมอบคำนี้ให้ใครเช่นกัน
ไรอัน กิ๊กส์
แมนฯ ยูไนเต็ด (1990 - ?)
"ฉันเป็นคนรักเดียวใจเดียว มีจิตรักแท้ในวิญญาณ์...ด้วยจิตยึดมั่นและศรัทธา ขอมอบรักนี้ไว้จนวันหน้า ตราบดินฟ้าอำลาจากไกล ฉันเป็นคนรักเดียวใจเดียวมีแต่เธอในหัวใจ" เนื้อเพลง รักเดียวใจเดียว ของ ปานศักดิ์ รังสิพราหมณกุล คงเหมาะกับเขา เพราะ "ธรรมชาติที่ประหลาด" เช่นนี้ ไม่สามารถหาได้ทั่วไปในนักฟุตบอลสมัยใหม่ ว่ากันว่าหาก "ปีกพ่อมด" ผู้นี้ เลือกยืนริมเส้นฝั่งซ้ายให้ ทีมชาติอังกฤษ ป่านนี้ พวกเขาอาจเป็นแชมป์โลก สมัย 2 หรือแชมป์ยุโรป สมัยแรก ไปแล้ว แต่ไม่! เขายืนยันเล่นให้ เวลส์
เช่นกันในทศวรรษ 90 เขาจะย้ายไปเล่นให้ทีมชั้นนำทีมไหนก็ได้ใน ยุโรป ทว่าเขาปักหลักอยู่ใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด จนถึงทุกวันนี้เป็นฤดูกาลแข่งขันที่ 23 แล้ว และหากรวมทุกรายการแข่งขัน ปีกซ้ายวัย 39 ปีผู้นี้ ลงเล่นให้ "ปีศาจแดง" ไปแล้วเฉียด 1,000 เกม และได้ถ้วยแชมป์มาแล้วถึง 19 ใบ...ทุกวันนี้โดยไม่ต้องกล่าวคำอำลา ไม่ต้องรอให้เขาเลิกเล่นฟุตบอล เราเรียกเขาว่า "ตำนาน" ได้แล้ว
แมทธิว เลอ ทิสซิเอร์
เซาแธมป์ตัน (1986-2002)
สำหรับสาวก "นักบุญ" ต่างเรียกพวกเขาว่า "เลอ ก็อด" หรือพระเจ้า เพราะชาว "เดอะ เซนต์" คงไม่กล้าจินตนาการว่าหากเซาแธมป์ตันไม่มีชายที่ชื่อแมทธิว เลอ ทิสซิเอร์ ผู้นี้ ทศวรรษ 90 ของพวกเขาจะเป็นอย่างไร เพราะในแต่ละฤดูกาลแข่งขัน เลอ ทิสซิเอร์ ที่เล่นเป็นกองหน้าบ้าง หรือมิดฟิลด์ตัวรุกบ้าง เป็นคนเดียวที่ทำให้เซาแธมป์ตัน เป็นทีมกลุ่มบนตารางของลีกสูงสุด อาทิ ฤดูกาล 1994-1995 ยิง 30 ประตู ทั้ง อาร์เซนอล และ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่สลับหน้ากันเป็นแชมป์ในทศวรรษ 90 ต่างก็เจอเลอ ทิสซิเอร์ ทำเจ็บแสบ มาแล้ว
สตีเวน เจอร์ราร์ด
ลิเวอร์พูล (1998 - ?)
กัปตันลิเวอร์พูลผู้นี้ ถูกยกให้เป็น "กัปตันมหัศจรรย์" เล่นมาแล้วเกือบทุกตำแหน่งให้ "หงส์แดง" ในโลกของ "วีรบุรุษ" ส่วนใหญ่เราจะเห็นว่า "การ์ตูน" มักจะสร้างจำลองฮีโร่ จากคนที่มีชีวิตจริงๆ ในโลกของเรา แล้วไปดัดแปลงเสริมแต่ง แต่กับ "สตีวี จี" เขาถูกนำไปเปรียบเทียบกับ "รอย ออฟ เดอะ โรเวอร์ส" การ์ตูนฟุตบอลชื่อดังของอังกฤษ ซึ่งเป็นตัวการ์ตูนที่สร้าง "กัปตันสมบูรณ์แบบ" ขึ้นมาในโลกของจินตนาการ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าเจอร์ราร์ด เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของลิเวอร์พูล นับตั้งแต่ขึ้นปี 2000
คำว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำให้ "ไลเวอร์เบิร์ด" มีมากมาย แต่ที่จะให้เห็นภาพชัดสุดๆ ยังไม่ต้องนับถึงการชนะเลิศแชมป์สโมสรยุโรป ถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2005 ที่เรียกกันว่า "มหัศจรรย์ที่อตาเติร์ก" แค่ให้นึกถึง รอบชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ 2006 เมื่อ "สตีวี จี" สับไกยิงประตูตีเสมอ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-3 นาที 90 (+1) หากใครได้ชมเกมดังกล่าวจะรู้ว่าทั้งสาวก "หงส์แดง" กับ "ขุนค้อน" แทบจะลืมหายใจกันไปเลยกับจังหวะดังกล่าว
พอล สโคลส์
แมนฯ ยูไนเต็ด (1994-present)
แม้จะไม่ใช่ "คลาส ออฟ 1992" หรือเด็ก "ปีศาจแดง" ชุดแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ 1992 (เดวิด เบ็คแฮม, นิคกี บัตต์, ไรอัน กิ๊กส์ และ แกรี เนวิลล์) แต่ก็ตกรุ่นไปปีเดียว เมื่อพอล สโคลส์ เป็นหนึ่งในชุด รองแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ 1993 ร่วมกับ ฟิล เนวิลล์ แต่มิดฟิลด์ตัวกลางผู้นี้ ถูกยกให้เป็นผู้มีอิทธิพล มากที่สุดคนหนึ่งในแผงมิดฟิลด์ ของ แมนฯ ยูไนเต็ด นับตั้งแต่เลื่อนชั้นขึ้นสู่ชุดใหญ่ ถึงกับมีคำกล่าวว่าหากฤดูกาลแข่งขันไหน สโคลส์ แค่เล่นได้ตามมาตรฐานของตัวเอง ไม่ต้องดีเลิศ ขอแค่คงเส้นคงวาเท่านั้น ฤดูกาลนั้นยูไนเต็ด จะได้แชมป์ลีก แต่หากซีซั่นไหน สโคลส์ ฟอร์มไม่คงที่ ซีซั่นนั้น "เรดเดวิล" จะพลาดแชมป์ลีก
ใกล้เคียงกับที่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา อดีตกุนซือบาร์เซโลนา ที่นำลูกทีมชนะแมนฯ ยูไนเต็ด ถึง 2 ครั้ง ในรอบชิงชนะเลิศสโมสรยุโรป ถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เคยกล่าวไว้ว่า "ในสมัยที่เขายังเป็นผู้เล่น สโคลส์ คือกองกลางที่ดีที่สุดในยุคสมัยของเขา" แล้วคุณยังจะต้องการคำจำกัดความอื่นใดอีกหรือ
โทนี อดัมส์
อาร์เซนอล (1983-2002)
ถูกเรียกขานว่า "มิสเตอร์อาร์เซนอล" แม้จะมีข้อเสียเรื่องการติดเหล้านอกสนามฟุตบอล แต่หากถามว่าเขาทำอะไรให้ถิ่น ไฮบิวรี (สนามเกมเหย้าเดิม) บ้าง เชื่อว่าให้เล่ากันข้ามวันข้ามคืนก็ได้ ทั้งบุคลิกส่วนตัว และบุคลิกการเล่นฟุตบอล ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาเกิดมาเพื่อเป็น "ผู้นำ" ในยุคสมัยที่อดัมส์ ยืนเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ให้ "ปืนโต" กองหลังทั้งแผงของอาร์เซนอล ถูกเรียกขานว่า "แบ็กโฟร์" และไม่บ่อยครั้งนักที่ผู้เล่นกองหลัง มีบทบาทหรือผู้คนจดจำได้มากกว่าผู้เล่นเกมรุก เขาได้แชมป์ลีกสูงสุดกับ "เดอะ กันเนอร์ส" ถึง 4 ครั้ง แต่ที่เขาฉายแสงที่สุดก็คือฤดูกาลแข่งขัน 1997-1998
--------------------
(ฟุตบอลต่างประเทศ : รักเดียว ใจเดียว : โดย...พันโชค ธัญญเจริญ [email protected])