ข่าว

'ฟัตวา'กับการสร้างสันติภาพ

'ฟัตวา'กับการสร้างสันติภาพ

22 มี.ค. 2556

'ฟัตวา' กับการสร้างสันติภาพ : วิถีมุสลิมโลก โดยศราวุฒิ อารีย์

               คำว่า ‘ฟัตวา’ (Fatwa) ถ้าแปลเป็นไทยก็น่าจะหมายถึงการวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นทางศาสนา หรือการทำให้สาระที่เกี่ยวข้องกับศาสนบัญญัติมีความกระจ่าง การวินิจฉัยประเด็นทางศาสนาถือเป็นเรื่องสำคัญและละเอียดอ่อนมาก เพราะเป็นการวินิจฉัยชี้ขาดโดยใช้การตีความจากกฎหมายอิสลามในประเด็นที่คาบเกี่ยวกันระหว่างมิติทางศาสนาและทางโลก ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่จะทำหน้าที่วินิจฉัยปัญหา จึงต้องระมัดระวังและรอบคอบเป็นอย่างสูง
 
               ผู้ที่ออกคำฟัตวาเรียกว่า ‘มุฟตี’ ซึ่งหมายถึงผู้ทรงความรู้ที่ให้ความกระจ่างในประเด็นศาสนาแก่มนุษยชาติ เขาจะต้องเป็นผู้ทรงความรู้ในศาสตร์อิสลามและสารัตถะศาสนา ต้องเป็นผู้ที่มีความเข้าใจอย่างแตกฉานเกี่ยวกับอัล-กุรอานและซุนนะห์ (แบบฉบับของศาสดามุฮัมมัด) มีความเชี่ยวชาญด้านภาษาอาหรับ มีความรอบรู้ศาสตร์ที่ว่าด้วยชีวิตและสังคมมนุษย์ มีสติปัญญาอันเฉียบแหลม ประกอบกับความรู้ความสามารถในการเข้าถึงแก่นแห่งศาสนบัญญัติได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ
 
               ตามหลักนิติศาสตร์อิสลาม ฟัตวาที่มีผลหรือมีความน่าเชื่อถือต้องประกอบด้วยเงื่อนไข ดังนี้ 1.ต้องอยู่ในกรอบของหลักการที่มาจากอัล-กุรอานและหะดีษ 2.ต้องออกโดยบุคคล (หรือคณะ) ที่มีความรอบรู้และมีจิตใจบริสุทธิ์ 3.ต้องไม่อยู่ภายใต้ภาวะการครอบงำและการจำยอมด้วยอิทธิพลทางการเมือง และ 4.คำฟัตวาต้องเหมาะสมและสอดคล้องกับภาวการณ์ของโลกร่วมสมัย
 
               ในยุคแรกๆ ของอิสลาม ศาสดามุฮัมมัด (ซ.ล.) เป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดประเด็นทางศาสนาและถือเป็นข้อวินิจฉัยที่ชัดเจนปราศจากข้อสงสัยใดๆ ต่อมายุคหลังศาสดา การฟัตวาจึงกระทำโดยนักวิชาการที่ได้รับการยอมรับเพื่อเป็นการชี้แนะให้แก่นักวิชาการ ผู้พิพากษา และพลเมืองอื่นๆ ได้เข้าใจถึงวิธีการการตีความ การอธิบาย การทำความเข้าใจ และการประยุกต์กฎหมายอิสลามให้เข้ากับสถานการณ์อย่างเหมาะสม โดยไม่ขัดต่อบัญญัติในอัล-กุรอานและหะดีษ
 
               เนื่องจากสถานภาพความเปลี่ยนแปลงทางด้านภูมิรัฐศาสตร์สมัยใหม่ที่มีรัฐอิสระเกิดขึ้นมากมายและดำรงอยู่ด้วยความเป็นเอกเทศ มีอำนาจอธิปไตย และมีระบบนิติบัญญัติเป็นของตนเองในแต่ละประเทศ มีสถาบันผู้รู้หรือนักวิชาการเป็นของตนเอง ประเทศต่างๆ เหล่านี้จึงได้พัฒนาและประยุกต์กฎระเบียบทางศาสนาในแบบของตนบนพื้นฐานของการตีความข้อกำหนดทางศาสนาที่บางครั้งมีข้อแตกต่างกันออกไป
 
               ปัจจุบันมีคณะบุคคลและสถาบันอิสลามจำนวนมากทั่วโลกที่ทำหน้าที่ออกคำวินิจฉัยในประเด็นทางศาสนา โดยเฉพาะที่คาบเกี่ยวกับประเด็นสถานการณ์ของโลกร่วมสมัย คำฟัตวาจากสำนักคิดหรือสถาบันต่างๆ กระจายแพร่หลายในสื่อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และอินเทอร์เน็ต โดยแต่ละสถาบันก็มีความชอบธรรมและความน่าเชื่อถือที่แตกต่างกันไปตามเงื่อนไขและคุณสมบัติ
 
               แม้จะมีการออกฟัตวาจากหลายสถาบันและหน่วยงาน แต่สถาบันที่ทรงอิทธิพลทางความคิดและเป็นที่ยอมรับในโลกมุสลิมปัจจุบันมีไม่กี่แห่ง สถาบันที่เด่นๆ ก็อย่างเช่น มุฟตีจากมหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร ประเทศอียิปต์ กระทรวงกิจการศาสนาอิสลามแห่งซาอุดีอาระเบีย และองค์การสันนิบาตมุสลิมโลก (Muslim World League) เป็นต้น
 
               แต่ในอีกด้านหนึ่ง กลุ่มติดอาวุธในคราบของศาสนาก็มักใช้การฟัตวาเป็นเครื่องมือเพื่อขยายเครือข่ายแนวร่วมและสร้างความชอบธรรมในการใช้ความรุนแรงอย่างไร้ขอบเขต กลุ่มเหล่านี้มักไม่สนใจต่อคำฟัตวาที่วินิจฉัยโดยบุคคลหรือสถาบันวิชาการใดๆ ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับโลก แต่จะมีคณะฟัตวาของตนเองและจะยึดคำวินิจฉัยของคณะหรือผู้นำของตนเองเป็นหลัก
 
               ดังนั้น ในสภาพการณ์ปัจจุบัน คำฟัตวาที่มีแนวทางส่งเสริมสันติภาพ ความสมานฉันท์ และการต่อต้านความรุนแรงทุกรูปแบบ จึงเป็นเหมือนอาวุธทางปัญญาอย่างหนึ่งที่จะช่วยต่อต้านแนวคิดสุดโต่งและช่วยเป็นภูมิคุ้มกันเยาวชนรุ่นหลังให้ออกห่างจากแนวคิดนิยมความรุนแรง และอาจลดจำนวนแนวร่วมของกลุ่มที่ใช้ความรุนแรงในระยะยาวได้
 
               แต่ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ต้องขจัดเงื่อนไขที่สร้างความชอบธรรมต่อการใช้ความรุนแรงก่อน เช่น ความอยุติธรรม การกดขี่ข่มเหง การเลือกปฏิบัติในทุกรูปแบบ ฯลฯ เพราะการส่งเสริมฟัตวาแนวสันติภาพจะไม่เกิดประโยชน์อันใดหากเงื่อนไขเหล่านี้ยังคงดำรงอยู่