ข่าว

"ยามาโตะ"เฮเจอพ่อญี่ปุ่นแล้วสื่อประสานคุยผ่านเน็ต

"ยามาโตะ"เฮเจอพ่อญี่ปุ่นแล้วสื่อประสานคุยผ่านเน็ต

02 มิ.ย. 2552

"ยามาโตะ" เฮเจอพ่อแล้ว สื่อญี่ปุ่นเป็นตัวกลางประสานคุยผ่านอินเตอร์เน็ต "ยามาโตะ" ปล่อยโฮบอก "รักและคิดถึงพ่อที่สุดในโลก ด้านตัวพ่อยินดีรับเป็นลูก ขณะที่คนเลี้ยงยามาโตะ เตรียมหารือพม.เชียงใหม่เรื่องสัญชาติเด็ก

 เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (2 มิ.ย.) ด.ช.ยามาโตะ นิอึมือระ (ชื่อ-นามสกุล ตามใบแจ้งเกิด) ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น วัย 10 ขวบ บ้านเลขที่ 31/2 ถ.เวียงพิงค์ ต.ช้างคลาน  อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งตามหาพ่อคือนายมาซาโตะ นิอึมือระ อายุประมาณ 30 ปี ได้พบกับข่าวดี เมื่อสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งของญี่ปุ่น (TBS :Tokyo Boarding System) ช่วยเป็นสื่อกลางในการตามหาพ่อที่คิดว่าทิ้งลูกไปนานหลายปีได้สำเร็จเป็นรายที่ 2 หลังจากเด็กชายเคอิโงะ

 นางปิยะฉัตร อาหมัด อายุ 42 ปี ชาวบ้านที่เลี้ยงผู้อุปการะเลี้ยงดูดช.ยามาโตะ เปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันนี้ ตนเองและดช.ยาโมโตะ ได้รับการแจ้งประสานจากนักข่าวญี่ปุ่น ซึ่งเคยมาสัมภาษณ์ทำข่าวในการตามหาพ่อที่บ้านจ.เชียงใหม่ โดยนักข่าวญี่ปุ่นแจ้งว่า ขณะนี้สถานีข่าวสำนักงานที่ประเทศญี่ปุ่นสามารถติดตามตัวพ่อให้กับเด็กจนพบแล้ว

 นักข่าวญี่ปุ่นได้ขอให้ดช.ยามาโตะ และตนเดินทางไปยังห้องพักภายในโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งได้นัดหมายพ่อของดช.ยาโมโตะ ให้สามารถพูดคุยกับดช.ยามาโตะ ผ่านทางระบบอินเตอร์เน็ตซึ่งสามารถคุยโต้ตอบโดยเห็นใบหน้ากันได้
 ทั้งนี้ การพูดคุยของพ่อลูกคู่นี้สื่อมวลชนญี่ปุ่นได้แจ้งว่าขอเป็นการส่วนตัว ไม่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนไทยรับทราบหรือเข้าไปทำข่าว เนื่องจากพ่อของดช.ยาโมโตะได้ร้องขอไว้เพราะไม่อยากเป็นข่าว

 สำหรับบรรยากาศการพูดคุยของพ่อลูกใช้เวลานานประมาณ 1 ชั่วโมง ระหว่างพูดกับลูกพ่อของดช.ยามาโตะ อดกลั้นความเศร้าโศกไว้ไม่ได้ ถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้น โดยเนื้อหาสาระในการพูดคุยกันนั้นพ่อของเด็กบอกว่าตอนนี้ไม่ได้ทอดทิ้งแต่มีความจำเป็นและติดภาระอยู่ และกล่าวว่าพ่อทำงานเป็นกรรมกรมีฐานะยากจน ไม่มีเงิน ยังไม่สามารถจะกลับมาหาลูกได้

 อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าถ้าพร้อมจะมาหาด.ช.ยามาโตะ แต่ยังไม่ทราบว่าเมื่อใด ขณะนี้ได้แต่งงานมีครอบครัวใหม่อยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ช่วงที่ยังไม่ได้มาหาก็จะส่งจดหมายมาและยืนยันว่าไม่ได้ทิ้งลูกและไม่คิดจะทิ้งลูกอย่างแน่นอน ส่วนดช.ยามาโตะก็บอกพ่อสั้นๆ ว่าคิดถึงพ่อมาก และรักพ่อมากที่สุดในโลก ก่อนที่จะร้องไห้โฮออกมาเช่นกัน

 นางปิยะฉัตรา กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องสัญชาติของเด็กนั้นได้มีการพูดคุยกับนายมาซาโตะ พ่อของเด็กแล้ว ซึ่งก็ไม่ได้ขัดข้องและบอกให้ส่งเอกสารสำคัญและจำเป็นที่ให้นายมาซาโตะ เซ็นต์ทางแฟกซ์ เพื่อทำการวิ่งเต้นขอสัญชาติญี่ปุ่นให้ ทั้งนี้ ตนเองก็ยินดีที่จะดำเนินการให้ แต่ในเบื้องต้นจะนำเรื่องดังกล่าวไปปรึกษาทางพม.ก่อนว่าควรจะให้เด็กถือสัญชาติใด แต่หลังจากนี้ไปปัญหาน่าจะคลี่ตคลายมากขึ้น เพราะว่าทราบที่อยู่ที่แน่ชัดของพ่อดช.ยามาโตะแล้ว ซึ่งยืนยันว่ายังอาศัยอยู่ตามที่อยู่เดิม ที่เคยส่งจดหมายมาประเทศไทยเมื่อหลายปีก่อน