ข่าว

ปวช.ประชดรักเณรแขวนคอตายคาห้องน้ำร.ร.

ปวช.ประชดรักเณรแขวนคอตายคาห้องน้ำร.ร.

02 มิ.ย. 2552

สลดนักเรียนหญิงระดับปวช.โรงเรียนดังเมืองสารภีคิดสั้น แฟนซึ่งเป็นสามเณรตีจากหนีไปอยู่กรุงเทพฯ แขวนคอตายประชดรักในห้องน้ำโรงเรียน

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 2 มิ.ย. พ.ต.ท.ทนงศักดิ์ คำบุญมา พนักงานสอบสวน สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ ได้รับแจ้งจากอาจารย์โรงเรียนแห่งหนึ่งในตัว อ.สารภีว่า พบศพนักเรียนหญิงแขวนคอเสียชีวิตภายใน ห้องน้ำของโรงเรียน หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปสอบสวนยังที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์ เวรจากโรงพยาบาลสารภี
 
 เมื่อไปถึงในบริเวณโรงเรียนพบนักเรียนจำนวนมากจับกุมพูดคุยกันด้วยสี หน้าตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยที่เกิดเหตุเป็นห้องน้ำหญิงหลังโรงอาหาร  พบศพ น.ส.กิ่ง นามสมมุติ  อายุ 18 ปี   นักเรียนชั้น ปวช.3  ของโรงเรียนดังกล่าว เป็นชาว อ.สารภี  ใช้เชือกไนลอนสีขาว ที่ใช้ประกอบการเรียนลูกเสือเนตรนารีผูกคอตัวเองติดกับขื่อในห้องน้ำ สภาพศพ สวมชุดนักเรียนหญิง สะพายกระเป๋านักเรียนสีครีมด้านหลัง มีเลือดไหลออกมาทาง จมูก แพทย์ระบุเบื้องต้นคาดว่าจะเสียชีวิตมาแล้วเกือบ 24 ชั่วโมง ตรวจสอบภายใน กระเป๋าสะพายพบอุปกรณ์การเรียน โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ใบวุฒิบัตรต่าง ๆ   หลายใบ เงินสด 40 บาท และบัตรประชาชน โดยระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจ สภาพศพในที่เกิดเหตุได้มีผู้ปกครองของผู้ตายที่ทราบข่าวเดินทางมาดูศพและร่ำไห้ ด้วยความเสียใจ

 จากการสอบสวนทราบว่า น.ส.กิ่ง  ได้คบหาอยู่กับสามเณรรูปหนึ่ง  ซึ่งจำวัดอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน   อ.สารภี โดยก่อนคิดสั้น น.ส.กิ่งได้มา โรงเรียนในช่วงบ่ายวันที่ 1 มิ.ย. ด้วยอาการซึมเศร้า และในช่วงเย็นวันเดียวกัน น.ส.กิ่ง ได้โทรศัพท์ไปหาเพื่อนในโรงเรียนเดียวกัน โดย บอกว่าทะเลาะกับแฟนและขอให้ไปส่งที่สนามบินเชียงใหม่ โดยบอกว่า แฟนสามเณรจะหนีไปอยู่กรุงเทพฯ แต่ยังไม่ทันพูดจบสัญญาณโทรศัพท์ได้ถูกตัดไปและติดต่อไม่ได้  

 กระทั่งช่วงบ่ายวันที่ 2 มิ.ย. นักเรียนหญิงพบว่าห้องน้ำห้องดังกล่าวถูก ล็อคจากด้านในและเรียกไม่มีใครตอบจึงแจ้งอาจารย์ให้ทราบ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ของ โรงเรียนจะปีนเข้าด้านหลังห้องน้ำและพบว่า น.ส.กิ่งแขวนคอเสียชีวิตเสียแล้ว 

 พ.ต.ท.ทนงศักดิ์ ระบุว่า จากการตรวจสภาพศพไม่พบร่องรอยการถูกทำ ร้ายหรือการต่อสู้ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการฆ่าตัวตายจากปัญหาส่วนตัว อย่างไรก็ตามจะ ส่งศพไปชันสูตรพลิกศพที่แผนกนิติเวช โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ อีกครั้ง  เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงต่อไป