
หญิงเก่ง แกร่ง จนลืมงามอย่างไทย
ฮอตอิชชู่ : หญิงเก่ง แกร่ง จนลืมงามอย่างไทย
วันที่ 8 มีนาคมของทุกปี เป็นวันที่ "ผู้หญิง" ทั่วโลกได้เฉลิมฉลอง และอีกหลายประเทศได้กำหนดให้วันดังกล่าวเป็นวันหยุดประจำชาติ กลุ่มสตรีจากทุกทวีปไม่ว่าจะแตกต่างกันโดยเชื้อชาติ ภาษา วัฒนธรรม เศรษฐกิจ หรือ การเมือง ก็ตาม ได้รวมตัวกันเพื่อฉลองวันสำคัญนี้ เพื่อรำลึกถึงความเป็นมาแห่งการต่อสู้อันยาวนาน เพื่อให้ได้มาซึ่งความเสมอภาค ยุติธรรม สันติภาพ และการพัฒนา...
มองใกล้ตัว "ผู้หญิงไทย" วันนี้ได้รับการยอมรับว่าเก่งและแกร่งเสมอชาย หรืออาจจะมากกว่าในบางเรื่อง เพียงแต่บางครั้งผู้หญิงอาจลืมความอ่อนหวาน ลืมสิ่งที่บรรพบุรุษพยายามปลูกฝังมา กระทั่งลืมมองสังคมรอบข้างไปบ้างหรือเปล่า...ลองมาฟังความคิดเห็นกันค่ะ เริ่มจากพิธีกรและเซเลบริตี้สาวสวยที่มีความสามารถรอบด้าน "หนิง" ศรัยฉัตร จีระแพทย์ บอกว่า มองจากตัวเองหลังจากที่มีสามีและลูกแล้ว ความคิดเปลี่ยนเลย เมื่อก่อนเป็นคนมั่นใจในตัวเองมาก เพราะเคยใช้ชีวิตอยู่ทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ บุคลิกจึงมีทั้งฝรั่งและไทย ซึ่งส่วนตัวชอบความอ่อนน้อมถ่อมตน แต่ก็เชื่อความเชื่อมั่นในตัวเอง ชอบการแสดงออกแบบฝรั่ง จนมีคนท้วงติงบ่อยๆ ว่าทำงานมากระวังอาจจะทำให้มีปัญหาครอบครัว ช่วงหลังจึงมานั่งทบทวนบทบาทชีวิตคู่ จึงรู้ว่าเสน่ห์แม่บ้านแม่เรือนเป็นสิ่งจำเป็น
"แต่จะให้วิ่งไปรินน้ำเมื่อสามีกลับเข้าบ้านคงไม่ใช่ แต่เราก็ถามว่าเย็นนี้จะทานอะไรดี หรือพรุ่งนี้อยากทำอะไร ยอมรับเลยว่าผู้หญิงไทยสมัยนี้เก่งมาก นั่งเก้าอี้ผู้บริหารใหญ่ในหลากหลายองค์กร เป็นยุคแห่งความเท่าเทียม ผู้ชายเองก็ยอมรับในความสามารถของผู้หญิง แต่ด้วยความเป็นหญิงจะเก่งจะเด่นในทุกเรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้ ต้องแบ่งๆ กันเก่ง เราอาจจะเก่งนอกบ้านแล้วอยู่ในบ้านให้ผู้ชายเก่งบ้างก็ได้ หรือเอาง่ายๆ ผู้หญิงต้องมีเสน่ห์ ซึ่งหนิงเองมองว่าถ้าทำงานเก่งนอกบ้านแล้วก็ต้องน่ารักในความเป็นผู้หญิงด้วย ต้องอ่อนน้อมถ่อมตน อ่อนหวาน ต้องรู้จักดูแลสามี รวมถึงคนรอบข้าง นั่นละคือความเก่งที่สุดของหญิงไทย ที่สำคัญต้องบริหารจัดการหน้าที่และบทบาทในขณะนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี" หนึ่งในเวิร์กกิ้งสาวคนเก่งของสังคม แสดงความคิดเห็น
ด้านหนุ่มยุคใหม่ "ไปป์" รุ่งโรจน์ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา พนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ก็สังเกตุเห็นว่าเดี๋ยวนี้ผู้หญิงเก่งทำงาน มีบทบาทในสังคมด้านต่างๆ มากขึ้น ถามว่าชอบผู้หญิงที่ทำงานเก่ง หรือชอบเป็นแม่บ้านแม่เรือน สมัยนี้ตอบได้เลยว่ารับได้ทั้ง 2 อย่าง เพราะทุกคนต้องทำงานกันหมด แต่ละคนคงต้องแบ่งเวลาให้มีความสมดุลกันทั้งเรื่องครอบครัวและการงาน
"ผมมองว่าผู้หญิงเก่งเป็นเรื่องปกติ เพราะคนเราต้องทำมาหากินทุกคน แต่ถ้าเก่งงานก็ขอให้เก่งในเวลางานก็พอ พอกลับบ้านก็เป็นแม่บ้าน หรือลูกที่ดีคอยดูแลเอาใจใส่คนในบ้าน อย่างตัวเองทำงานก็สังเกตเห็นแวดล้อมรอบตัวว่ามีผู้หญิงที่บ้างานเยอะ ส่วนมากจะเป็นคนที่มีอายุ มีครอบครัวแล้วทำงานหามรุ่งหามค่ำ เอางานกลับไปเครียดที่บ้านอีก เชื่อว่ายังไงผู้หญิงทุกคนก็ต้องมีสัญชาตญาณความเป็นแม่ เป็นผู้หญิงที่อ่อนหวาน โอบอ้อม อารี มีระเบียบในตัว แต่ถ้าอยู่กับหน้าที่การงาน จนไม่มีเวลาแสดงออกเลยก็จะส่งผลเสียถึงครอบครัวได้ " หนุ่มการไฟฟ้า ให้ความเห็น
ขณะที่ผู้หญิงเก่งตำแหน่งผู้บริหารนมเปรี้ยว "ยาคูล์" อย่าง "โบว์" กนกพรรณ เหตระกูล เห็นว่าแต่ไหนแต่ไรผู้หญิงมีความน่ารักอ่อนน้อมเป็นเอกลักษณ์อยู่แล้ว แล้วทุกวันนี้ก็มีความเฉลียวฉลาดควบคู่กัน เพียงแต่บางครั้งอาจถูกฉาบด้วยภาพภายนอกอย่างการแต่งเนื้อแต่งตัว กิริยาบางอย่างไม่เหมาะสม ทำให้คนมองว่าหลงลืมความเป็นไทยไปบ้าง
"ปกติไม่ดูละคร ล่าสุดเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งในละคร ทั้งนอกจอและในจอพูดจาอ่อนหวาน ทำให้มองว่าเด็กแค่ 7 ขวบแต่สามารถถ่ายทอดความเป็นหญิงไทยยุคใหม่ได้น่ารัก น่าชื่นชมคุณพ่อคุณแม่ที่สอนลูกสาวให้มีความน่ารักออนน้อม พูดไทยชัดเจนแล้วมีหางเสียง คะ ขา ตลอด จึงอยากให้เด็กไทยหันมาเป็นเด็กไทยเหมือนเดิม อย่าไปหลงวัฒนธรรมต่างชาติมากนัก" สาวรักษ์ความเป็นไทย กล่าว
ไม่อยากให้มองว่ายุคนี้ผู้หญิงบางคนอาจบกพร่องในความน่ารักอย่างไทย ด้วยส่วนตัว ชเล วุทธานันท์ ดีไซเนอร์ ไดเร็คเตอร์ แบรนด์ "พาซาย่า" ทำงานคลุกคลีกับผู้หญิงหลากหลายสถานะ จึงเชื่อเรื่องความเสมอภาคหญิงชาย เพียงแต่สาวๆ บางคนอาจไม่ชอบเรื่องการบ้านการเรือน หรือสุภาพเรียบร้อยอย่างผ้าพับไว้ แต่ความเป็นจริงผู้หญิงเป็นเพศที่มีความอ่อนหวานในตัวอยู่แล้ว
"ผู้หญิงบางคนเข้าครัวทำกับข้าวไม่เป็น อย่างภรรยาผม ผมเป็นคนทำให้ทาน ซึ่งไม่เป็นไรเพราะผมมองว่าความเสมอภาคของหญิงชายจะเป็นพลังสร้างสรรค์ทางสังคม และเศรษฐกิจ ผมกลับประหลาดใจว่าผู้หญิงสมัยนี้มีความสามารถรอบด้านเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา ดนตรี สำหรับภาคการเมืองก็มีนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกก็เป็นเรื่องน่ายินดี จะได้หมดความเข้าใจเดิมๆ เรื่องช้างเท้าหน้าเท้าหลังสักที แต่บางครั้งสังคมอาจคาดหวังแล้วพยายามเน้นเรื่องงามอย่างไทยเกินไป ความจริงผู้หญิงเหมือนกับดอกไม้ ผู้ชายเหมือนกิ่งไม้ ถ้าดอกไม้ไม่มีกิ่งไม้หรือกิ่งไม้ไร้ดอกมันก็คงไม่สวย ไม่สามารถเจริญอยู่ได้ สิ่งที่อยากฝากคือ ผู้หญิงอาจจะใช้อารมณ์มากไปนิด เป็นอารมณ์หญิงๆ เช่น อิจฉา ริษยา เป็นสิ่งที่อาจต้องปรับเปลี่ยน ปัญหานี้อาจเป็นเรื่องของวุฒิภาวะ แล้วก็อยากให้สื่อนำเสนอภาพด้านบวกของผู้หญิงให้มากขึ้น อย่างละครลดเรื่องผู้หญิงหึงหวง ตบตีกันแย่งผู้ชายได้ไหม ในความเป็นจริงมันไม่ขนาดนั้น ก็อยากให้สังคมช่วยกันดูแล" ซีอีโอรุ่นใหญ่ เผยมุมมอง
หญิงเก่งและแกร่งจนลืมงามอย่างไทยจริงหรือ อดีตคุณนายผู้ว่าฯ รศ.ปิยกุล เลาวัณย์ศิริ ปัจจุบันเป็นคณะบดีคณะนิเทศน์ศาสตร์ ม.หัวเฉียว เห็นว่า ผู้หญิงทำงานนอกบ้านมากขึ้น ทำให้หลงลืมหน้าที่สำคัญที่สุดของตัวเองไป นั่นคือหน้าที่ของความเป็นแม่ที่ต้องดูแล อบรมเลี้ยงดูลูกๆ ซึ่งถือเป็นหน้าที่อันยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุด ทั้งยังถือเป็นความภาคภูมิใจสำหรับผู้หญิงมากกว่างานนอกบ้านที่หลายคนให้ความสำคัญ
"ความที่ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปบวกกับสภาพเศรษฐกิจเข้ามามีบทบาทกับโลกปัจจุบันมากขึ้น ทำให้สาวๆ ก้าวเข้ามามีบทบาทในสังคมมากขึ้น อะไรที่ผู้ชายเคยทำได้เดี๋ยวนี้ผู้หญิงก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่อย่างหนึ่งที่อยากให้ผู้หญิงควรภาคภูมิใจคือบทบาทของความเป็นแม่ ซึ่งธรรมชาติมอบให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายตั้งครรภ์ คลอดลูก และดูแลลูก จึงเชื่อว่าหน้าที่นี้ผู้ชายไม่มีทางทำได้ดีเท่าผู้หญิงแน่นอน จึงอยากให้ผู้หญิงภูมิใจกับสิ่งที่ได้รับ อย่าคิดว่าการเลี้ยงดูลูก และการทำงานบ้านเป็นสิ่งน่ารังเกียจ เพราะศักดิ์ศรีของผู้หญิงอยู่ตรงนี้ ถ้าผู้หญิงไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ ปัญหาคุณภาพของคนซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ก็จะตามมา และอยากฝากให้คุณผู้ชายทั้งหลายสนับสนุนและเห็นถึงความสำคัญนี้ เพื่อเป็นแรงผลักให้ผู้หญิงทำหน้าที่ของตนอย่างสมบูรณ์ เพื่อให้สังคมมีความสุข และในที่สุดปัญหาสังคมก็จะลดน้อยลงตามไปด้วย" คณะบดีคณะนิเทศน์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยหัวเฉียว แนะทิ้งท้าย
เมืองไทยมีวัฒนธรรมอันดีงาม แล้วส่วนหนึ่งก็ถ่ายทอดผ่าน "หญิงไทย" ที่ฉายให้คนทั่วโลกรู้ว่าทั้งเก่ง นอบน้อม และอ่อนหวาน วันนี้...คุณผู้หญิงแสดงบทบาทได้ดีเพียงใด คุณเท่านั้นที่รู้ดี...