
เสียงสะท้อน SME : 'ตุ๊กตายางพารา'
เสียงสะท้อน SME : ดึงมืออาชีพช่วยออกแบบ เพิ่มโอกาส 'ตุ๊กตายางพารา' : โดย...เมธี เมืองแก้ว
ต.นาชุมเห็ด อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง มีด้วยกัน 9 หมู่บ้าน ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำสวนยางพารา กระทั่งปี 2545 หน่วยงานภาครัฐได้เข้ามาให้ความรู้ในการประกอบอาชีพเสริม นั่นคือการผลิต "ตุ๊กตายางพารา" ด้วยเป้าหมายที่ต้องการให้เป็นช่องทางในการสร้างรายได้เพิ่มเติมจากอาชีพหลัก อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการผลิต ระยะแรกเป็นไปในลักษณะต่างคนต่างทำ ขาดการพัฒนาฝีมือและรูปแบบสินค้า ทำให้คุณภาพของสินค้าคงที่ ไม่ได้รับการตอบรับในทางการตลาด จนจำนวนผู้ผลิตลดลง
อย่างไรก็ตาม ในจำนวนผู้ผลิตที่ยังคงอนุรักษ์อาชีพนี้คือ "กลุ่มสตรียางพารา" หมู่ 6 บ้านหนองเป็ด โดยมีสมาชิกรวม 13 คน ในการสร้างโอกาสให้แก่กลุ่มก็มีการไปศึกษาดูงานและฝึกอบรมเพื่อพัฒนาฝีมือ ทำให้สินค้าที่ผลิตออกมาทั้ง พวงกุญแจรูปสัตว์ต่างๆ ซึ่งขายในราคาชิ้นละ 10 บาท ตุ๊กตาติดตู้เย็น ขายในราคาชิ้นละ 20 บาท และผลิตภัณฑ์ในรูปแบบอื่นๆ ตามที่ลูกค้าต้องการ สามารถนำไปใช้เป็นของประดับ ของตกแต่ง และของที่ระลึก รวมไปถึงการนำไปใช้ในงานมงคลต่างๆ
ส่วนกระบวนการทำ "ตุ๊กตายางพารา" เริ่มต้นตั้งแต่การฉีดสารแคลเซียมไนเตรท ความเข้มข้น 10% ให้ทั่วเบ้า เพื่อช่วยให้ยางจับตัวได้ง่าย นำน้ำยางข้น 60% มาเติมสารเคมีต่างๆ ได้แก่ โพแทสเซียมโอลิเอต, กำมะถัน, แซด ดีอีซี, แซด เอมบีที, วิงสเตย์ แอล, ซิงค์ออกไซด์, ดีพีจี และเอสเอสเอฟ ก่อนใส่ลงไปในหม้อปั่นชนิดละ 1 นาที จนครบหมดทั้ง 8 ชนิด จากนั้นนำฟองยางที่ปั่นได้เทลงในเบ้าพิมพ์ ต่อด้วยการปาดหน้าฟองน้ำให้เรียบ แล้วนำไปอบด้วยอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส เป็นเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ก่อนนำตุ๊กตาฟองน้ำออกจากเบ้า และล้างด้วยน้ำร้อนอุณหภูมิ 60-70 องศาเซลเซียส จนแห้ง แล้วนำไปแต่งสีผลิตภัณฑ์ให้สวยงาม โดยใช้เครื่องพ่นสี หรือพู่กัน กระทั่งนำใส่บรรจุภัณฑ์
ในการตั้ง "กลุ่มสตรีตุ๊กตายางพารา" ได้ใช้เงินลงทุนไปแล้ว 2 แสนบาท ด้วยการสนับสนุนจากองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) นาชุมเห็ด ขณะที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) ดูแลเรื่องการฝึกอบรม และสำนักงานพัฒนาชุมชนให้การสนับสนุนในเรื่องของการทำตลาดสินค้า ส่วนต้นทุนหลักในการผลิตก็คือ น้ำยางข้น 60% ซึ่งต้องสั่งซื้อมาจากโรงงานแปรรูปโดยเฉพาะ ในราคากิโลกรัมละ 15-20 บาท ขึ้นอยู่กับราคาผลผลิตในท้องตลาด ค่าสารเคมี ค่าวัสดุตกแต่ง และค่าแรง ส่วนตลาดที่นำสินค้าไปวางจำหน่ายมีทั้งศูนย์สินค้าโอท็อป ที่ทำการกลุ่มอาชีพ รวมทั้งการไปออกร้านในช่วงงานเทศกาลต่างๆ รายได้ที่ผ่านมาต่อเดือน จากการจำหน่ายเมื่อหักจากต้นทุนการผลิตแล้วเฉลี่ยที่ 1 หมื่นบาทต่อเดือน ที่จะกระจายให้แก่สมาชิกทั้ง 13 คน
แม้ว่าสินค้าที่ผลิตขึ้นจะมีทิศทางที่แจ่มใส แต่อุปสรรคที่เข้ามากระทบอยู่บ้างคือ ราคาของน้ำยางข้น เพราะด้วยราคาผลผลิตยางพาราสูงขึ้น ก็ทำให้น้ำยางข้นที่ผ่านขั้นตอนจากโรงงานอุตสาหกรรมที่ซื้อมาเป็นส่วนประกอบในการผลิตปรับตัวขึ้นตามไปด้วย กระทบมาถึงต้นทุนการผลิต ขณะที่ราคาสินค้าไม่สามารถที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามไปได้ และปัญหาที่ทางกลุ่มกำลังเผชิญอยู่ก็คือ การสร้างแบบในตัวสินค้า เนื่องจากสมาชิกยังขาดความรู้ ความสามารถ ในส่วนนี้โดยตรง
"ทางกลุ่มเคยสร้างแบบพะยูน โดยได้ไปขอให้นักวิชาการจากสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งช่วยทำให้ แต่เมื่อถึงคราวที่ต้องมาทำเอง ปรากฏว่าแบบที่ผลิตออกมาเองนั้นไม่ได้คุณภาพ การที่จะไปซื้อแบบอื่นๆ มาผลิตก็เกรงว่าจะเกิดปัญหาตามมา โดยเฉพาะเรื่องของลิขสิทธิ์ จนอาจถูกฟ้องร้องได้ จึงอยากให้มีหน่วยงานเข้ามาช่วยประสานในจุดนี้ เพื่อที่ทางกลุ่มจะได้ผลิตสินค้าให้มีความหลากหลายได้มากกว่านี้ เพราะหากสามารถทำได้ นั่นก็หมายถึงการสร้างโอกาสทางการตลาดให้เกิดเพิ่มมากยิ่งขึ้น" ปรึกษา พวงจันทร์ เลขานุการ กลุ่มสตรีตุ๊กตายางพารา กล่าว
ประยูร จันทรัฐ หัวหน้าสำนักงานพัฒนาการอำเภอย่านตาขาว จ.ตรัง กล่าวว่า ปัญหาเรื่องการสร้างแบบในตัวสินค้าผลิตภัณฑ์จากยางพารา ในประเด็นนี้ทางสำนักงานจะนำไปหารือร่วมกับหลายๆ หน่วยงาน โดยเฉพาะศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด เพื่อหาทางช่วยเหลือต่อไปในการถ่ายทอดความรู้มาถึงผู้ผลิตท้องถิ่น ทั้งนี้ ด้วยแนวคิดของสำนักงานพัฒนาชุมชน ต้องการให้แต่ละกลุ่มคิดค้นรูปแบบสินค้าขึ้นมาเองเพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์ จะเห็นว่ามีกลุ่มอาชีพหลายแห่งที่ดำเนินการได้สำเร็จ พร้อมกับนำไปจดลิขสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่บางกลุ่มอาจไม่มีความรู้ในด้านนี้มากนัก
"เราจะหาทางเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อให้ผู้ผลิตท้องถิ่นมีรูปแบบสินค้าที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ส่วนตัวแล้วเห็นด้วยที่ไม่ควรนำรูปแบบที่คนอื่นได้ผลิตเอาไว้แล้วมาใช้ เพราะจะมีปัญหาตามมาในเรื่องของลิขสิทธิ์" ประยูร กล่าว
เป็นแนวทางที่หน่วยงานรัฐกำลังจะยื่นมือช่วยผู้ผลิตสินค้าท้องถิ่น
--------------------
(เสียงสะท้อน SME : ดึงมืออาชีพช่วยออกแบบ เพิ่มโอกาส 'ตุ๊กตายางพารา' : โดย...เมธี เมืองแก้ว)