ข่าว

'ดีเอสไอ'หอบสำนวนคดีโรงพักฉาวส่ง'ปปช.'

'ดีเอสไอ'หอบสำนวนคดีโรงพักฉาวส่ง'ปปช.'

05 มี.ค. 2556

'ดีเอสไอ' หอบสำนวนคดีโรงพักฉาว ส่ง 'ปปช.' แล้ว แจง 'อภิสิทธิ์' เข้าข่ายผิดตาม ม.157 ฝ่าฝืนมติ ครม. ส่วน 'สุเทพ' โดน 2 ข้อหา

                    5 มี.ค.56 นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ในวันนี้ (5 มี.ค.) นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ได้นำสรุปสำนวนการสอบสวนคดีโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ(ทดแทน)ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ไปส่งให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการต่อแล้ว เนื่องจากการสอบสวนของดีเอสไอพบว่า  มีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเข้าข่ายกระทำความผิดคดีจึงอยู่นอกเหนืออำนาจสอบสวนของดีเอสไอ โดยดีเอสไอได้สรุปสำนวนออกเป็น 2 ข้อหา คือ 1.การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งเป็นความผิดตาม มาตรา157 และประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งพบว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล สตช. เข้าข่ายกระทำความผิดจากการฝ่าฝืนมติคณะรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่กำหนดประมูลแยกเป็นรายภาคเปลี่ยนเป็นการประมูลแบบรวมศูนย์สัญญาเดียว

                    นายธาริต กล่าวอีกว่า สำหรับส่วนที่ 2.เป็นคดีความผิดตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ หรือฮั้วประมูล มาตรา 11 ,12 และ 13 ซึ่งในส่วนนี้มีนายสุเทพเข้าข่ายกระทำผิดเพียงคนเดียว ส่วน พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่มีบทบาทในการเสนอยกเลิกและเปลี่ยนรูปแบบเป็นการประมูลแบบรวมสัญญา ดีเอสไอเห็นว่ากรณีดังกล่าวน่าจะเป็นการสั่งการจากฝ่ายการเมืองจึงไม่ได้เข้าข่ายการกระทำความผิด

                    นายธาริต กล่าวต่อว่า สำหรับสำนวนที่ดีเอสไอส่งให้ ป.ป.ช.พิจารณาตั้งอนุกรรมการไต่สวนนั้นสำนวนการสอบสวนประกอบด้วย พยานเอกสารและคำให้การของบุคคลจำนวน 3 แฟ้ม และการสรุปความเห็นของพนักงานสอบสวนจำนวน 30 หน้า

 

'ดีเอสไอ' สั่งคุ้มครองลูกสาว 'วันดี ศรีตรัง' คดีมรดก 'ไบคาน'

 

                    นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีมรดกตระกูลไบคาน ที่นางโซเบดา พงษ์สว่าง บุตรสาวของนายสมชาย พงษ์สว่าง หรือ หยอง ไบคาน กับนางสาธนา พงษ์สว่าง หรือวันดี ศรีตรัง อดีตดาราภาพยนตร์ชื่อดัง ร้องว่าถูกนางรัศมี คาน พี่สาวนายสมชาย ซึ่งมีศักดิ์เป็นป้า นำบุคคลอื่นมาสวมรอยเป็นเป็นภรรยาและลูกของนายสมชายก่อนร้องขอแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกและเบียดบังทรัพย์สินไปขายพร้อมข่มขู่คุกคามความปลอดภัยคนในครอบครัวว่า ขณะนี้ดีเอสไอยังต้องให้คุ้มครองความปลอดภัยกับนางโซเบดาและครอบครัวต่อไปจนกว่าพยานในคดีอาญาจะขึ้นเบิกความต่อศาลกระบวนการคุ้มครองจึงจะยุติลง อย่างไรก็ตาม หากพยานร้องขอความคุ้มครองอันเนื่องมาจากอันตรายและภัยคุกคามยังมีอยู่ดีเอสไอจะพิจารณาให้ความคุ้มครองเป็นรายไป

                    ด้านพ.ต.ท.ศันสนะ แก้วทับทิม รองผู้บัญชาการชาสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 กล่าวถึงการติดตามตัวนางรัศมี คาน ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีคดีอยู่นั้น ล่าสุดพนักงานสอบสวนได้ติดตามจับกุมตัวนางรัศมีได้แล้วขณะกำลังเดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลพญาไท1 พนักงานสอบสวนจึงได้ประสานงานให้เข้ามอบตัวซึ่งผู้ต้องหาได้ยินยอมเข้ามอบตัวเพื่อต่อสู้คดี ซึ่งจากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การปฏิเสธและจะขอให้การในชั้นศาล ดังนั้น พนักงานจึงได้บันทึกการให้ปากคำและให้ประกันตัวไปวงเงิน 100,000 บาท

                    ทั้งนี้จากการสอบสวนคดีดังกล่าวพบว่านายสมชาย มีทรัพย์สินเป็นที่ดินไม่ต่ำกว่า 100 แปลง ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยในจำนวนนี้นางรัศมีได้นำไปขายโดยไม่แบ่งเงินให้กับทายาท ประกอบด้วยที่ดินที่อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี อ.ชัยบาดาล จ. ลพบุรี และที่อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง นอกจากนี้ยังมีบัญชีทรัพย์สินในธนาคารหลักแสนบาท

                    “นางรัศมีได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดก จึงไม่มีสิทธิจะนำมรดกไปขายโดยพลการ แต่มีหน้าที่เพียงรวบรวมทรัพย์สินให้ฐานะผู้เสียชีวิตเท่านั้น โดยจะต้องแบ่งทรัพย์สินให้ทายาทภายในเวลา 1 ปี แต่ปรากฎว่าผู้จัดการมรดกไม่ยอมแบ่งทรัพย์สินให้ทายาทแต่นำทรัพย์สินไปขายเพื่อประโยชน์ตัวเองและพรรคพวก” พ.ต.ท.ศันสนะ กล่าว