ข่าว

'ปู'ปัดแจง'ป่วนปัตตานี9จุด'2อส.ดับ

'ปู'ปัดแจง'ป่วนปัตตานี9จุด'2อส.ดับ

17 ก.พ. 2556

'ยิ่งลักษณ์' ไม่ตอบเหตุป่วนปัตตานี 9 จุด มอบศปก.กปต.ชี้เเจง โฆษกทหารสรุปอส.ตาย 2 ชาวบ้านเจ็บ 11 เร่งปรับแผนรับมือระเบิดเพลิง

               17ก.พ.2556 น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีเหตุระเบิดครั้งล่าสุดที่ อ.เมือง จ.ปัตตานีในช่วงเวลา11.45น.ว่า จะให้ศปก.กปต.เป็นผู้ชี้เเจงในรายละเอียดให้ทราบ

 
              "อย่างไรก็ตามวันนี้เรามีความเป็นห่วงประชาชนที่อยู่ในจังหวัดชายเเดนภาคใต้โดยเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ทุกท่านดูเเลความปลอดภัยพี่น้องประชาชนให้เต็มที่ วันนี้เราพยายามเน้นให้ชุมชนมีการช่วยกันดูเเลตัวเองด้วย รวมถึงการสั่งกำลังเจ้าหน้าที่ให้ดูเเลพี่น้องประชาชนอย่างทั่วถึง" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว

               เมื่อถามว่าเหตุวันนี้เป็นการตอบโต้ในกรณีเมื่อเวลา 01.15 น. วันที่ 13 ก.พ. กลุ่มคนร้ายกว่า 50 คน แต่งกายเลียนแบบทหารบุกเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการ ปล.ที่ 2 ฉก.นย.32 อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ทำให้เกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหารจนคนร้ายตาย 16 ศพหรือไม่  น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า"ขออนุญาต เรียนว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นที่อ่อนไหว เเละจะให้เจ้าหน้าที่ชี้เเจงให้ทราบ

               เมื่อถามว่าจะเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีที่ดูเเลศปก.ปกต.หรือไม่   น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ตอบคำถามนี้เเละเดินขึ้นรถยนต์ส่วนตัวทันที


โฆษกทหารสรุปอส.ตาย2ชาวบ้านเจ็บ11

               พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค4สน.) เปิดเผยว่า จากการติดตามและสรุปสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จ.ปัตตานีตั้งแต่เช้าค่ำวันที่ 16 ก.พ.ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 17 ก.พ. พบว่ามีการก่อเหตุทั้งหมด 9 จุด ส่วนใหญ่เป็นเหตุเพลิงไหม้จากการลอบวางระเบิดเพลิงในพื้นที่เป้าหมายซึ่งเป็นร้านค้าและบ้านเรือนประชาชน รวมถึงวางกล่องวัตถุต้องสงสัยเพื่อให้เกิดความวุ่นวาย โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 2 รายเป็นอาสาสมัครรักษาความปลอดภัย (อส.) นอกจากนี้ยังมีประชาชนได้รับบาดเจ็บรวม  11 ราย 

               โดยเหตุการณ์ ล่าสุดเหตุเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 12.00 น.คนร้ายได้ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง บริเวณใกล้สี่แยกวงเวียนหอนาฬิกา ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง จังหวัดปัตตานี ส่งผลให้อาสาสมัครรักษาความปลอดภัยเสียชีวิต 2 รายและบาดเจ็บอีก 10 ราย
 
               โฆษกกอ.รมน.ภาค4สน.กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความพยายามของกลุ่มคนร้ายที่ต้องการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงศักยภาพของกลุ่มขบวนการและเป็นการตอบโต้ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบไปด้วยในตัว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้สูญเสียแกนนำคนสำคัญจากเหตุการณ์ปะทะกับเจ้าหน้าที่ทหารนาวิกโยธิน ในอำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส จนทำให้มีกลุ่มคนร้ายเสียชีวิตถึง  16 คน

               "เป้าหมายของกลุ่มคนร้ายมีความชัดเจนในการเลือกก่อเหตุ โดยหากเป็นกลางคืนจะเลือกสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายโดยการใช้ระเบิดเพลิงเพื่อต้องการให้เกิดเพลิงไหม้เผาผลาญบ้านเรือนและทรัพย์สินให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้าง หรือแผนทะเลเพลิง ขณะที่ช่วงกลางวันคนร้ายจะหวังผลในแง่ของความรุนแรงเชิงบุคคล หรือการมุ่งทำร้ายเอาชีวิต เช่น การลอบวางระเบิดหากเป็นกลางวันจะเน้นระเบิดแสวงเครื่องเช่นกรณีล่าสุดที่ทำให้อส.เสียชีวิต  2 รายและมีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บอีก10 ราย ซึ่งพฤติกรรมและรูปแบบดังกล่าวเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้เร่งปรับแผนรับมือสถานการณ์อย่างเร่งด่วนแล้ว" พ.อ.ปราโมทย์ กล่าว

               พ.ต.อ.ต่วนเดรือ จุฑานันท์ ผกก.สภ.เมือง ปัตตานี กล่าวว่า รับแจ้งเกิดเหตุระเบิดขึ้นที่บริเวณสี่แยกวงเวียนหอนาฬิกา ถนนพิพิธเขตเทศบาลเมืองปัตตานี หน้าร้านอาหารบิ๊กเบ็น แรงระเบิดทำให้กระจกร้านอาหารดังกล่าวและบ้านเรือน ร้านค้า กระจกแตกได้รับความเสียหายกว่า 10 หลังคาเรือน รถจักรยานยนต์เสียหาย 10 กว่าคัน รถยนต์ 1 คัน โดยแรงระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ศพ ทราบชื่อว่า อส. วิโรจน์ จันทสิริ  และอส.สุกรี ดือเระ

               ผู้บาดเจ็บมี 11 ราย คือ อส.อิทธิพล อาแซ  อาการสาหัส, นางสาวโซฟียะ เปาะจิ, นายคฑาพันธ์ สินสนอง, นายอิทธิพล อาแซ, นางดารุณี เสถียรมงคล, นายสุกิจ ยูโซ๊ะ, นายอิบรอเฮม เตาะสาตู, นางกิ่งกาญจน์ มหาวรรณ, นายวสันต์ จันทร์บุญธรรม, นายสมศักดิ์ แก้วมณี. และเด็กชายอำนาจ แซ่หว่อง ทั้งหมดถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณลำตัว นำส่งโรงพยาบาลปัตตานี อาการปลอดภัย

               จากการสอบสวนทราบว่า ได้มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนได้นำระเบิดบรรจุในถังดับเพลิงขนาดเล็ก น้ำหนักประมาณ 10 กิโลกรัม จำนวน 2 ลูกรวม 20 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร วางไว้ในกองผ้าตรงข้ามร้านอาหารบิ๊กเบ็น ซึ่งมีรถจักรยานยนต์จอดอยู่เป็นจำนวนหลายสิบคัน  โดยมี อส.ดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณที่เกิดเหตุเป็นประจำ
              
               ขณะที่ อส.กำลังอยู่ที่เกิดเหตุ และมีประชาชนรับประทานอาหารที่ร้านอาหาร ซึ่งอาคาร 3 ชั้น มีกระจกล้อมรอบ  รวมถึงมีอาคารที่เป็นร้านต่างๆหลายคูหา เป็นย่านชุมชน และเป็นเส้นทางที่มีประชาชนผ่านสัญจรไปมาเป็นจำนวนมาก คนร้ายไม่ทราบจำนวน ซุ่มอยู่ในละแวกดังกล่าว ได้จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร เกิดระเบิดขึ้นสนั่นหวั่นไหว  ทำให้ประชาชนแตกฮือ ต่างวิ่งหลบหนีคนละทิศคนละทาง แรงระเบิดทำให้คนตายและเจ็บดังกล่าว

               นอกจากนั้นพบว่า ยังมีลูกระเบิดอีก 1 ลูก เจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด ได้เข้าไปเก็บกู้ เป็นระเบิดบรรจุในถังดับเพลิงขนาดเล็กอีก 1 ลูก ซึ่งระเบิดทำงานแล้ว แต่ไม่สมบูรณ์ เจ้าหน้าที่จึงเก็บกู้ได้สำเร็จ

               ขณะเดียวกันประมาณ 13.00 น. ได้พบระเบิดอีก 1 ลูก บริเวณย่านโต้รุ่ง ใกล้กับห้างไดอาน่าซุปเปอร์มาเก็ต ที่ถูกระเบิดเพลิง และเพลิงไหม้อาหารเสียหายเมื่อเวลา 00.10 น. (17 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ได้เก็บกู้เป็นที่เรียบร้อยแล้วเป็นระเบิดเพลิงเช่นกัน

               อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้สั่งการให้ ตำรวจ ทหาร อส.ตรึงกำลังทุกจุดในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี ซึ่งอาจจะมีเหตุระเบิด   ซึ่งทางหน่วยความมั่นคงแจ้งว่า การก่อเหตุครั้งนี้เป็นการตอบโต้เจ้าหน้าที่ของรัฐ ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี 
           
               หลังจากที่ชุดทำงานปัตตานีได้ปิดล้อมและยิงปะทะทำให้คนร้ายระดับแกนนำเสียชีวิต  ที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี และสามารถยึดแผ่นที่ๆคนร้ายวางแผนจะเข้าโจมตีค่ายทหารนาวิกโยธิน ทำให้รู้ล่วงหน้า ส่งผลให้คนร้ายวิสามัญตาย 16 ศพ เมื่อวันที่ 3 กพ. ที่ อ.บาเจาะที่ผ่านมาดังกล่าว


ผู้ว่าฯปัตตานีชี้แนวร่วมเตรียมแผนทะเลเพลิงกลางเมือง

                นายประมุข ลมุล ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เปิดเผยว่า  เชื่อเป็นการแสดงพลังของกลุ่มแนวร่วมและเครือข่ายขบวนการก่อความไม่สงบ เพื่อตอบโต้เจ้าหน้าที่ และทำลายขวัญประชาชนในพื้นที่หลังจากเกิดเหตุการณ์ปะทะที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส จนหน่วยนาวิกโยธินวิสามัญผู้ก่อเหตุบุกโจมตีเสียชีวิต 16 ศพ โดยในจำนวนกลุ่มผู้เสียชีวิตมีภูมิลำเนาอยู่ใน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี และจากหลักฐานพบว่ามีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ปัตตานี หลายครั้ง

               “เขาพยายามจะสร้างภาพให้จุดเกิดเหตุมีสภาพคล้ายทะเลเพลิงแต่โชคดีที่เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงและควบคุมสถานการณ์รวมถึงเก็บกู้ระเบิดเวลาได้ทันท่วงที จึงสามารถป้องกันก่อนเกิดภาพความสูญเสียอย่างมหาศาลได้ทันท่วงที”ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าว


นย.จัดโครงการเดินเท้าพบผู้นำทำความเข้าใจ

                เมื่อเวลา 10.30 น. บริเวณลานสนามภายในโรงเรียนบ้านตันหยง ม.6 ต.บาเร๊ะใต้ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส นาวาเอก สมเกียรติ  ผลประยูรผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ พร้อมด้วย นาวาโทธรรมนูญ วรรณา ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 ได้ร่วมกันจัดโครงการเดินเท้าเข้าชุมชนเพื่อเป็นการเยี่ยมเยียนผู้นำศาสนาผู้นำชุมชนรวมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้านและกลุ่มสตรี

                ในการทำความเข้าใจกรณีเจ้าหน้าที่ทหารต้องใช้มาตรการรุนแรงในการวิสามัญนายมะรอโซ จันทรวดี พร้อมพวกรวม 16 คน ที่นำกำลังบุกโจมตีฐานปฏิบัติการณ์ทหารกองร้อยปืนเล็กที่ 2 ซึ่งตั้งอยู่บ้านยือลอ ม.3 ต.บาเร๊ะเหนือ ในช่วงคืนของวันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยมีคนร้ายในพื้นที่บ้านตันหยงเสียชีวิตในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 3 คน คือ 1.นายสะอุดี อาลี 2.นายฮาเซ็ม บือราเฮงและ3.นายมะสักรี สะสะ โดยมีประชาชนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ร่วมเดินทางไปร่วมงานและคอยให้การต้อนรับ

                การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ทางหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินภาคใต้จัดให้มีการบริการทางการแพทย์ พร้อมกับมอบยาเวชภัณฑ์ การให้บริการตัดผมแก่เด็กและประชาชน การมอบเครื่องอุปโภคบริโภคและการให้บริการซ่อมรถจักรยานยนต์ โดยผลการปฏิบัติดังกล่าวได้รับการตอบรับจากประชาชนในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี

                นาวาเอกสมเกียรติ  ผลประยูร ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินกองทัพเรือ ได้กล่าวในระหว่างแจกสิ่งของต่างๆให้กับประชาชน ว่าขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทหารมีความจำเป็นต้องใช้ความรุนแรงเพื่อรักษาที่ตั้ง ที่แสดงถึงที่มั่นของความมั่นคงในพื้นที่ ในวันนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้ามาสร้างความเข้าใจในสิ่งเหล่านี้เพื่อให้พี่น้องประชาชนรับทราบถึงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นที่มีประชาชนบางกลุ่มตัดสินใจเข้าสู่วิธีปฏิบัติโดยใช้ความรุนแรงในการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ

                กลุ่มคนเหล่านี้อาจจะไม่ใช่คนที่เลวร้ายทั้งหมดมาแต่กำเนิด แต่ถูกบีบบังคับและกระทำไปด้วยความจำเป็นทางภาครัฐทราบดี จึงขอวิงวอนผ่านผู้นำในพื้นที่ช่วยประชาสัมพันธ์ผ่านไปยังผู้หลงผิดให้หันมาต่อสู้ด้วยกระบวนการยุติธรรมตามนโยบายของกองทัพที่จะพาคนหลงผิดกลับบ้านที่มุ่งหวังอยากให้กลุ่มคนเหล่านั้นกลับบ้านเพื่อมาสู่อ้อมกอดของครอบครัว โดยไม่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างหลบซ่อนอีกต่อไป

                ด้านน.ส.ฆอยแยมะ อาลี ซึ่งเป็นพี่สาวของนายสะอุดี อาลี 1 ใน 16 คน ที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญ ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดตนไม่โกธรผู้การทุกคนอยากให้พื้นที่มีความสันติสุขผู้การก็ได้กระทำทุกวิถีทางในการช่วยเหลือประชาชนให้รอดพ้นจากปัญหาความมั่นคงซึ่งตนเข้าใจเป็นเรื่องของกลุ่มน้องชายและพวกที่มีความเห็นต่างซึ่งคิดว่าวันหนึ่งต้องมาพบจุดจบดังกล่าว

............

 

(หมายเหตุ : ขอบคุณภาพจากเฟซบุ๊กสาระข่าวสาร)