ข่าว

พิพากษา!ปล้นบ้าน'สุพจน์'27มี.ค.

พิพากษา!ปล้นบ้าน'สุพจน์'27มี.ค.

14 ก.พ. 2556

ศาลนัดพิพากษา คดีปล้นบ้าน 'สุพจน์ ทรัพย์ล้อม' 27 มี.ค.นี้ หลังสืบพยานจำเลยนัดสุดท้ายเสร็จ 3 ปาก

                          14 ก.พ. 56  ผู้สื่อข่าวรายงาน จากห้องพิจารณา 802 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกว่า เมื่อเวลา 09.30 น. ศาลสืบพยานจำเลยนัดสุดท้ายคดีปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม หมายเลขดำ อ.347/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 และนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสิงห์ทอง หรือ เสธ.ไก่ ใจชมชื่น ,นายเสาร์แก้ว นามวงค์ , นายสมบูรณ์ หรือบูรณ์ ริยะเทน , นายบุญสืบ หรือสืบ โจมกัน , นายวุฒิชัยหรือวุฒิ พันธวารี, นาย วณัญกฤต หรือจ่อย บุตรกันหา , นายประพันธ์ เรียงเครือ , นายชยธัช หรือ เอก จันนะชัย และน.ส.วาสนา สาเพิ่มทรัพย์ เป็นจำเลยที่ 1 - 9 ในความผิดฐาน ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ โดยใช้ยานพาหนะ ,ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง กระทำให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพฯ , ร่วมรับของโจร และร่วมกันพาอาวุธติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 , 34 0 , 357 , 365 และ 371 กรณีเมื่อวันที่ 12 - 23 พ.ย. 2554 เวลากลางคืน จำเลยกับพวกร่วมกัน บุกรุกเข้าไปในบ้านของนายสุพจน์ ผู้เสียหาย ที่ ซ.ลาดพร้าว 62เขตวังทองหลาง แล้วลักเงินสดจำนวน 18,121,000 บาทไป ซึ่งคดีนี้ยื่นฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่ 9 ก.พ.2555

                          โดย น.ส.วาสนา สาเพิ่มทรัพย์ จำเลยที่ 9 ซึ่งได้รับการประกันตัวชั้นพิจารณา เดินทางมาเบิกความเป็นพยานปากแรกในวันนี้ ระบุ พยานได้คบหาเป็นแฟนกับนายสิงห์ทอง จำเลยที่ 1 ก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ 9 เป็นทำงานผู้จัดการหอพัก โดยเมื่อวันที่ 12 พ.ย.2554 เวลาประมาณ 20.30 น. นายสิงห์ทองจำเลยที่ 1 โทรศัพท์แจ้งให้ไปพบที่อพาร์มเม้นท์ เมื่อไปถึงพบจำเลยที่ 2-3 ด้วย ที่อยู่ในสภาพแต่งตัวเรียบร้อยสะพายกระเป๋าลักษณะเตรียมตัวจะเดินทางออกไปข้างนอก ขณะที่จำเลยที่ 1 นำเงิน 2 มัด รวม 1 ล้านบาทมอบให้ซึ่งจำเลยพยายามปฏิเสธไม่รับ แต่จำเลยที่ 1 บอกว่าเป็นเงินสุจริต กระทั่งหลังวันที่ 20 พ.ย.ทราบข่าวจากสื่อว่ามีการปล้นบ้านนายสุพจน์ ก็ตั้งใจจะเอาเงินไปคืนแต่ก็เกิดความกลัว แล้วเมื่อวันช่วงบ่าย วันที่ 22 พ.ย. ก็มีตำรวจนอกเครื่องแบบมาพาตัวสอบสวนไปที่บชน. ซึ่งจำเลยก็บอกว่าได้รับเงินมาจากจำเลยที่ 1 เพียง 1 ล้านบาทเท่านั้น ไม่ใช่ 3 ล้านบาทตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าใจและมีการซักถาม โดยระหว่างถูกสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธที่ถูกกล่าวหาว่ารับของโจรด้วย

                          ขณะที่ฝ่ายทนายความจำเลย ยังได้นำพี่สาวของนายประพันธ์ เรียงเครือ จำเลยที่ 7 ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านในจังหวัดมุกดาหาร มาเบิกความยืนยันว่า ช่วงต้น พ.ย.- 18 พ.ย.2554 ได้ร้องขอให้จำเลยที่ 7 มาช่วยขับเรือรับ-ส่งชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยเมื่อปี 2554 โดย น.ส.วรางค์คณางค์ ยังได้ตอบคำถามค้านของอัยการโจทก์ด้วยว่า พยานไม่เคยให้การเช่นนี้กับพนักงานสอบสวนมาก่อน

                          และแฟนสาวของนายชยธัช จันนะชัย จำเลยที่ 8 เบิกความเป็นพยานปากสุดท้าย ระบุว่า พยานก็รู้จักกับนายสุพจน์ เมื่อครั้งที่มางานเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวที่พยานกับจำเลยที่ 8 ร่วมกันทำ ซึ่งจำเลยที่ 8 จะเรียกนายสุพจน์ว่าลุง โดยพยานไม่เคยไปที่บ้านพักนายสุพจน์ แต่ทราบว่านายสุพจน์เป็นคนใจดี และจำเลยที่ 8 ไม่มีเหตุโกรธเคืองอะไรกับนายสุพจน์

                          ภายหลังพยานจำเลยทั้ง 3 ปาก เบิกความเสร็จสิ้นแล้ว ศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 27 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น.

                          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้อัยการโจทก์-ทนายของนายสุพจน์ โจทก์ร่วม ได้ใช้เวลานำสืบพยานรวม 8 นัด ร่วม 20 ปาก ขณะที่ฝ่ายจำเลยใช้เวลาสืบพยานเพียง 2 นัดเท่านั้นโดยมีตัวพยานและบุคคลใกล้ชิดเท่านั้น ที่เป็นพยาน