ข่าว

จับ!คนร้ายงัดรถ'นุ้ย'ฉกทรัพย์

จับ!คนร้ายงัดรถ'นุ้ย'ฉกทรัพย์

10 ก.พ. 2556

'คำรณวิทย์' แถลงจับคนร้ายก่อเหตุงัดกระจกรถ 'นุ้ย - สุจิรา' ฉกทรัพย์ สารภาพเปลี่ยนเป้าหมายจากรถคันอื่น เพราะเห็นว่ามีกระเป๋าถือถูกทิ้งไว้

                         10 ก.พ. 56  พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ได้แถลงผลตำรวจ สน.โชคชัย จับกุมตัว นายหนึ่ง หรือแจ๊ค สิทธิ์น้อย อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุงัดกระจกรถ น.ส.สุจิรา หรือนุ้ย อรุณพิพัฒน์ อดีตนางสาวไทย พร้อมด้วยของกลาง กระเป๋าถือแบบหญิง สีดำ ยี่ห้อชาแนล รุ่น GST CAVALAR SHW จำนวน 1 ใบ หมวกกันน็อคแบบครึ่งใบสีขาว กระจกสีชมพู ยี่ห้ออินเด็กซ์ จำนวน 1 ใบ และเสื้อยืดคอกลมแขนสั้น สีแดง ยี่ห้อ GILDAN ที่ใช้ในวันก่อเหตุ โดยสามารถจับกุมได้บริเวณอพาร์ทเมนท์ ภายในซอยลาดพร้าว 122 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง

                         ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2556 เวลาประมาณ 12.20 น. น.ส.สุจิรา ได้ขับรถเบนซ์ สีขาว ทะเบียนป้ายแดง กรุงเทพมหานคร มาจอดไว้บริเวณหน้าบ้านตัวเอง แขวงจระเข้บัว เขตลาดพร้าว จากนั้นเวลาประมาณ 12.30 น. ได้มีคนร้ายเป็นชายสองคน คือ นายหนึ่ง ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฟีโน่ สีม่วงดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน โดยมีนายธนาวุฒิ หรือน๊อต แชสังข์ ได้ลงจากรถจักรยานยนต์มาที่รถยนต์ของ น.ส.สุจิรา เพื่อส่องหาทรัพย์สินภายในรถยนต์ เมื่อพบว่าผู้เสียหายได้วางกระเป๋าสะพายทิ้งไว้ที่เบาะด้านหลังรถ นายธนาวุฒิ ได้ใช้ไขควงงัดกระจกรถยนต์ด้านหลังขวาคนขับ จากนั้นได้ล้วงเข้าไปเอาทรัพย์สินแล้วรีบขึ้นรถหลบหนีไป โดยใช้เวลาก่อเหตุเพียง 10 วินาที ซึ่งนายธนาวุฒิ ทางศาลจังหวัดมีนบุรีได้อนุมัติออกหมายจับที่ 139/2556 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2556 และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้เร่งติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี

                         จากการสอบสวน นายหนึ่ง ให้การรับสารภาพว่า รู้จักกับนายธนาวุฒิ เพราะอยู่ชุมชนเดียวกัน และเพิ่งพ้นโทษคดียาเสพติดออกมาได้เพียง 3 เดือน พร้อมกับนายน๊อต แล้วก็มาลงมือก่อเหตุทุบกระจกรถอดีตนางสาวไทย โดยไม่ทราบมาก่อนด้วยซ้ำว่าเป็นรถของ น.ส.สุจิรา โดยครั้งแรกเลือกจะก่อเหตุบ้านที่อยู่ถัดไป เพราะวนรถมาดูก่อนแล้ว แต่เห็นมีรถมาจอดใหม่ เมื่อส่องกระจกดูแล้วพบกระเป๋าในรถ คาดว่าต้องมีทรัพย์สินแน่นอน จึงบอกนายธนาวุฒิ นำไขควงมางัด เมื่อได้ทรัพย์สินมาแล้ว จึงรีบวนรถออกไปทันที ซึ่งเวลาก่อเหตุนั้นเลือกไม่ได้ เมื่อเห็นทรัพย์สินในรถก็จะลงมือทันที โดยทำมาแล้ว 3 ครั้ง ส่วนเงินที่ได้มาก็จะนำไปเสพยา และยังรับสารภาพอีกว่า ตนได้ก่อเหตุและมีคดีติดตัว 5 ครั้ง ทั้งคดีพกพาอาวุธปืน คดียาเสพติด คดีร่วมกันชิงทรัพย์ ท้องที่ สน.หัวหมาก สน.มักกะสัน และล่าสุด สน.โชคชัย

                         ด้าน น.ส.สุจิรา กล่าวว่า ในส่วนของทรัพย์สินนั้น ยังได้ไม่ครบ ยังขาดกระเป๋าสตางค์ยี่ห้อชาแนล โทรศัพท์ไอโฟน 4 สมุดบัญชีธนาคาร แหวนเพชร และพระเครื่อง รวมมูลค่ากว่าแสนบาท ซึ่งคิดว่าคนร้ายนำไปขายหมดแล้ว แต่ได้รับความดูแลอย่างดีจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผกก.สน.โชคชัย เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่ท่านอื่นๆ ที่ทำงานกันแบบไม่ได้หลับได้นอน ซึ่งตนพอใจ ณ ตอนนี้ ที่ได้ของคืนมาบางส่วนเป็นกระเป๋าสะพายจำนวน 1 ใบ อยากให้เป็นอุทาหรณ์

                         "ถ้าไม่ประมาทก็ไม่ตกเป็นเหยื่อค่ะ อยากฝากจากใจว่า อยากให้เยาวชนเหล่านี้กลับตัวกลับใจ จะทำอย่างไรดีให้หมดไปจากสังคม เพราะถ้าเราไม่เจอแก๊งนี้ก็คิดว่าจะต้องเจอแก๊งอื่น เนื่องจากเวลาถามคนรู้จักมา คนโน้นก็โดน คนนี้ก็โดน ซึ่งเหตุเกิดรายวัน แสดงให้เห็นว่ายังมีกลุ่มแบบนี้อีกมาก ไม่อย่างนั้นเราอยู่บ้านเราก็ต้องระแวงอยู่เรื่อยๆ จะมีวิธีการอะไรบ้างที่ทำให้ปัญหาเหล่านี้หมดไปจริงๆ"

                         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเสร็จสิ้นการแถลงข่าว น.ส.สุจิรา ได้นำกระเช้าขนมมอบให้ พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 เป็นการขอบคุณที่สามารถจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้

                         อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา ร่วมกันลักทรัพย์ โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นที่คุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์นั้น โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือเพื่อพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม