
เสียงสะท้อนSME : ข้าวฮางงอกหอมทองสกลฯ
เสียงสะท้อน SME : ข้าวฮางงอกหอมทองสกลฯ หวังแรงหนุนจากรัฐสร้างโอกาสเติบโต : โดย...จิติมา จันพรม
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตข้าวฮางงอกหอมทองสกลทวาปี บ้านโนนกุง ต.เชียงสือ อ.โพนนาแก้ว จ.สกลนคร ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2550 เป็นการต่อยอดวิถีชีวิตของชนเผ่าภูไทที่ถือว่าเป็นต้นกำเนิดผู้ผลิตข้าวฮางงอก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับว่า มีคุณสมบัติพิเศษ มีคุณค่าทางอาหารสูง แตกต่างจากข้าวขาวทั่วไป ทั้งยังมีแนวโน้มที่จะเป็นสินค้าที่ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ เพราะได้รับการวิจัยแล้วว่าข้าวฮางงอกมีคุณค่าทางอาหารที่สำคัญต่อร่างกายสูงมาก
แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีการส่งเสริมในด้านการผลิต แต่การเติบโตก็ยังเป็นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากเกษตรกรคุ้นเคยกับวิถีเดิมๆ ที่เป็นการผลิตเพื่อบริโภคภายใน หรือถ้าจะขายก็แค่เพียงเล็กน้อย ไม่มีการทำเพื่อการค้าหรือทำตลาดอย่างจริงจัง อย่างไรก็ตาม การก่อตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตข้าวฮางงอกหอมทองสกลทวาปี นับว่าเป็นการปูพื้นถึงการสร้างโอกาสให้เกิดขึ้น เพราะด้วยเงินลงทุนเริ่มแรกจำนวน 5 แสนบาท ซึ่งได้มาจากการระดมทุนของสมาชิก ทุนเหล่านี้ถูกนำไปซื้ออุปกรณ์รวมถึงเครื่องสีข้าว และปีแรกสามารถขายข้าวฮางงอกได้ 4 ตัน ถือเป็นการเริ่มต้นให้สมาชิกในกลุ่มเห็นว่ามีตลาดทั้งในและต่างประเทศ
กระทั่งต่อมากลุ่มสามารถขายข้าวฮางงอกได้เพิ่มขึ้นทุกปี และมีตลาดสำคัญที่ฮ่องกงมีคำสั่งซื้อปีละ 20 ตัน และสามารถขยายตลาดไปที่หนานหนิง ประเทศจีนอีก 5,000 ตัน ปัจจุบันกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตข้าวฮางงอกหอมทองสกลทวาปี มีผลิตภัณฑ์ข้าวฮางงอกบรรจุถุงจากข้าว 7 ชนิด คือข้าวหอมมะลิแดง ข้าวมะลิ 105 ข้าวหอมนิล ข้าวเหนียวดำ ข้าวเหนียว กข6 ข้าวสิงห์เหล็กและล่าข้าวเหนียวหอมสกล ซึ่งเป็นพันธุ์ข้าวที่ได้รับการวิจัยและปรับปรุงโดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตสกลนคร
นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์แปรรูปข้าวฮางงอกบด ที่มีส่วนผสมของจมูกข้าว เพื่อเป็นอาหารพร้อมดื่มใช้ชง ทำโจ๊กหรือส่วนประกอบอาหารได้หลากหลาย ซึ่งเป็นสินค้าที่กำลังได้รับความนิยม แม้ว่าตลาดกำลังไปได้ดี มีการปรับปรุงพันธุ์ข้าวได้เหมาะสมทันตลาดแล้วก็ตาม แต่ปัญหาของข้างฮางงอกฯ ก็ยังมีอุปสรรคอีกมากที่จะต้องได้รับการแก้ไข โดยเฉพาะการเข้าถึงผู้บริโภคที่เป็นคนไทย ที่ยังรู้ถึงคุณค่าคุณสมบัติของข้าวฮางงอกน้อยมาก ทำให้สินค้าที่ออกมายังเป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม ทั้งที่ในตัวสินค้าแล้วนี่คือข้าวที่ดี มีคุณค่าทางอาหารสูง และปลอดภัย
อีกปัญหาที่ส่งผลต่อการเติบโตก็คือ คุณภาพของข้าวฮางงอกยังไม่สามารถควบคุมได้มาตรฐานเดียวกัน แม้ว่ากลุ่มผู้ผลิตรายนี้จะสร้างเครือข่ายเพื่อได้จำนวนข้าวที่เพียงพอ แต่ในขั้นตอนการผลิตอย่างเต็มรูปแบบ ปัญหาที่พบก็คือผลผลิตที่ส่งเข้ามา มีอยู่จำนวนหนึ่งที่การผลิตยังไม่ได้มาตรฐาน ทั้งนี้ การผลิตข้าวฮางงอกจะมีขั้นตอนการผลิตที่ค่อนข้างจะซับซ้อน ต้องใช้เวลา จะต้องให้ความใส่ใจอย่างต่อเนื่องตลอดกระบวนการผลิตแต่ละรอบ เพื่อให้ข้าวฮางงอกมีคุณภาพ ได้มาตรฐาน เริ่มตั้งแต่การคัดเลือกพันธุ์ข้าว การเก็บเกี่ยวข้าวที่อยู่ในช่วงเหมาะสม
คัดเลือกไม่ให้มีสิ่งปลอมปน มาพักไว้แล้วแช่ 48 ชั่วโมง ซึ่งในการแช่จะต้องทิ้งน้ำทุก 3 ชั่วโมง จนกว่าจะครบ จากนั้นนำไปนึ่ง 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมง เพื่อให้ตัวแป้งข้าวเป็นเจลาตินหรือสุก 100% แล้วนำมาบ่มเพื่อให้เกิดการงอก แล้วถึงกระบวนการกะเทาะหรือสี เพื่อบรรจุถุง ซึ่งทุกกระบวนการเป็นยังถือว่าเป็นการทำด้วยมือ ดังนั้น จะต้องควบคุมกระบวนการผลิตให้ได้มาตรฐานเดียวกัน
"เราได้ศึกษากระบวนการผลิตข้าวนึ่งจากหลายประเทศ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเปิดเผยกัน ทำให้เข้าถึงยากมาก ต้องการให้นักวิชาการมาศึกษารูปแบบโรงงานการผลิต เพื่อให้คุณภาพคงที่ที่สุด ตอนนี้ได้ร่างโครงการไว้คร่าวๆ คาดว่าคงต้องใช้งบประมาณ ประมาณ 100 ล้านบาท แม้ว่าจะดูสูงแต่ก็เชื่อว่าจะสร้างความยั่งยืนและโอกาสให้กับภาคการผลิตอย่างแท้จริง ที่สำคัญนี่คือโอกาสที่จะกระจายรายได้ให้กับเกษตรกร" อภิญญา กลมเกลียว รองประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตข้าวฮางงอกหอมทองสกลทวาปี ให้ความเห็นถึงโอกาสที่จะพัฒนาสินค้า
น่าสนใจว่าที่ผ่านมามีบริษัทในอุตสาหกรรมผลิตอาหาร เสนอที่จะลงทุนให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตข้าวฮางงอกหอมทองสกลทวาปี ภายใต้แนวทางที่ว่าสมาชิกของกลุ่มวิสากิจชุมชนฯ ต้องเป็นเครือข่าย แต่ได้รับการปฏิเสธจากสมาชิกส่วนใหญ่ เพราะเห็นว่านั่นคือการถูกกลืนไปในที่สุด เป็นการเปิดทางให้นายทุนผูกขาดตลาดไว้ได้ การที่จะเติบโตจะต้องมาจากความเข้มแข็งด้วยตัวเอง สมาชิกหรือผู้ปลูกในฐานะผู้ผลิตคือผู้กำหนดราคาไม่ใช่ให้ระบบการค้ามาเป็นผู้กำหนด
"จนถึงขณะนี้ เราอยากให้ภาครัฐมาส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวเพื่อผลิตเป็นข้างฮางงอก เพราะไม่ใช่แค่เพื่อเป็นอาหารประจำวันเท่านั้น แต่เป็นการถนอมอาหารเพื่ออนาคตด้วย เชื่อว่าจะเป็นการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้ยั่งยืนมากกว่า แม้แต่โครงการจำนำข้าวที่กำลังทำกันอยู่ตอนนี้ก็ไม่ได้ช่วยให้มีรายได้ที่ยั่งยืน การส่งเสริมอย่างเป็นรูปธรรมจากรัฐ ไม่จำเป็นต้องไปวิ่งตามหรือแข่งขันกับเวียดนาม อยากให้รัฐหันมาส่งเสริมผู้ผลิตในท้องถิ่นที่มีความพร้อมและมีศักยภาพที่จะได้รับการยกระดับ" อภิญญา กล่าว
เป็นความคาดหวังจากผู้ผลิตที่ต้องการแรงสนับสนุน
--------------------
(เสียงสะท้อน SME : ข้าวฮางงอกหอมทองสกลฯ หวังแรงหนุนจากรัฐสร้างโอกาสเติบโต : โดย...จิติมา จันพรม)