ข่าว

ฟันธง!ศาลโลกตัดสินคดี'พระวิหาร'ได้

ฟันธง!ศาลโลกตัดสินคดี'พระวิหาร'ได้

03 ก.พ. 2556

วงสัมมนา มธ. ฟันธงศาลโลกมีอำนาจตัดสินคดีพระวิหาร แต่จำกัดสิทธิ์ตีความเฉพาะคำพิพากษา ปี 2505 เชื่อไม่ก้าวล่วงถึงเรื่องเขตแดน

              3ก.พ. 2556 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาควิชากฎหมายระหว่างประเทศ  จัดสัมมนาทางวิชาการ “50 ปีคดีปราสาทเขาพระวิหาร- ไขปริศนาคดีตีความ”  เพื่อให้ประชาชนเข้าใจข้อเท็จจริงสถานการณ์ปราสาทเขาพระวิหาร    โดยมีวิทยากรคือนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก  หัวหน้าคณะต่อสู้คดีปราสาทเขาพระวิหาร นายจตุรนต์  ถิระวัฒน์ หัวหน้าภาคกฎหมายระหว่างประเทศ  นายประสิทธิ์  ปิวาวัฒนพานิช  คณะนิติศาสตร์ อ.คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์  

              นายวีรชัย กล่าวว่า การไขปริศนาของกฎหมายระหว่างประเทศในคดีเขาพระวิหาร  โดยต้องการจะพูดเรื่องของอำนาจศาลโลกในการพิจารณาคดีดังกล่าว และขอยืนยันว่าไม่ได้ผูกพันพื้นที่ภูมิศาสตร์เพียงอย่างเดียว ยกตัวอย่าง ศาลในประเทศไทยมีอำนาจไปพิจารณาคดีคนไทยที่ทำผิดอาญาระหว่างประเทศด้วย แสดงให้เห็นว่าอำนาจของศาลไทยออกไปนอกดินแดนได้  เช่นเดียวกับอำนาจศาลโลกก็มีอำนาจพิจารณาคดีนี้ แต่ไม่ใช่ของเรื่องความยินยอมตามหลักกฎหมายทั่วไป

              แต่ของศาลโลก สามารถทำได้ เพราะตามคำแถลงในข้อ 36 ของธรรมนูญศาลโลก โดยไทยได้รับอำนาจของโลกไว้ถึงปี พ.ศ. 2502 แต่ไม่ได้ต่อสัญญา  ขณะที่ประเทศกัมพูชาได้ฟ้องคดีเขาพระวิหารก่อนหน้านั้น   ในครั้งที่ไทยยังอยู่ในสัญญากับศาลโลก ดังนั้นจึงสามารถตัดสินออกมาในปี พ.ศ.2505  แม้ภายหลังศาลโลกจะไม่ผูกพันกับไทยแล้วก็ตาม

              นายวีรชัย กล่าวว่า  กรณีที่กัมพูชาร้องต่อศาลโลกในปี 2554 จึงสามารถทำได้ประการเดียวคือตีความคำพิพากษาของศาลโลกในปี 2505 โดยเฉพาะคำตัดสินเท่านั้น  อาทิ ปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในอธิปไตยกัมพูชา   ไทยต้องถอนทหารออกจากพื้นที่หรือไม่และไม่มีอายุความมากำหนด เป็นไปตามอำนาจธรรมนูญของศาลโลกข้อ60 และความเห็นดังกล่าวนี้ยังไม่มีนักกฎหมายคนใดเห็นค้าน

              หัวหน้าคณะต่อสู้คดีประสาทเขาพระวิหาร กล่าวต่อว่า  ส่วนเรื่อง MOU ปี 2543 ที่ไทยทำไว้กับกัมพูชา ได้ยอมรับเอาไว้ว่าเรื่องเขตแดนไทยกัมพูชายังไม่มีข้อสิ้นสุด และขอยืนยันว่าคดีดังกล่าวนี้ไม่เกี่ยวข้องกับMOU ปี 2543เพราะการตีความของศาลโลกนี้เป็นคดีเก่าในปี 2505  จึงไม่สามารถเอาเรื่องใหม่ที่ไม่เกี่ยวกับคำพิพากษามาตัดสินได้
              
              นายประสิทธิ์ กล่าวว่า  เรื่องปราสาทเขาพระวิหาร อยู่ในเขตอำนาจศาลโลกตามข้อ 60 ของธรรมนูญศาลโลก นั้นเป็นเขตอำนาจของข้อพิพาทคดีดังเดิม ซึ่งเป็นเขตอำนาจพิเศษ ไม่ต้องอาศัยความยินยอมจากฝ่ายไทย แม้จะผ่านไปแล้ว 50 ปีแล้วก็ตาม  จึงเป็นอำนาจของประเทศกัมพูชาจะขอให้ศาลตีความคำพิพากษาดังกล่าว  ส่วนศาลโลกจะพิจารณาหรือไม่เป็นอีกประเด็น เพราะอำนาจศาลโลกตีความได้เฉพาะบทปฏิบัติการ และจำกัดอยู่ในคดีดั้งเดิมที่มีการพิพากษาไปแล้วเท่านั้น  

              ส่วนท่าทีเรื่องประเทศกัมพูชาที่ให้พิจารณาเรื่องเขตแดนและแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนตารางกิโลเมตร ตนมองในแง่ดีว่าศาลโลกน่าจะไม่รับคำขอ  เพราะตนเคยศึกษาความเห็นส่วนตนของผู้พิพากษาในช่วงที่ออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวในประเด็นที่กัมพูชาขอให้ทหารไทยออกจากพื้นที่ปราสาทเขาพระวิหาร   ยกตัวอย่างความเห็นส่วนตนของผู้พิพากษาชาวอเมริกันระบุชัดเจน ว่า การตีความไม่ใช่เรื่องเขตแดน และเอาประเด็นดังกล่าวออกไป รวมทั้งความเห็นส่วนตนของประธานศาลโลก ที่ระบุว่าศาลโลกไม่สามารถมีอำนาจไปรุกล้ำอธิปไตยของ 2 ประเทศ  และจำกัดเฉพาะเรื่องตัวปราสาทเขาพระวิหาร ขณะที่รองประธานศาลโลกชาวจีน ก็เห็นสอดคล้องกับประธานศาลโลก

              นายจตุรนต์ กล่าวว่า  มีคำถามข้องใจ  ความยุติธรรมจากศาลโลกที่ไทยจะได้รับ  หากมองในมุมของเราแต่ต้น ไทยเสียเปรียบอยู่แล้ว เพราเป็นเรื่องของเจ้าอาณานิคมเป็นผู้กำหนด และแผนที่ทำขึ้นก็ไม่ตรงตามสนธิสัญญาและเป็นโทษกับคนไทย อยู่ในสภาพการที่เสียเปรียบและคำพิพากษาออกมาเมื่อปี 2505 ออกมาไม่ได้เป็นคุณกับเราอีก และสิ่งที่เป็นห่วงตามคือการตีความของศาลโลกในปลายปี 2556 จะเพิ่มความเป็นคุณมากขึ้นหรือไม่ เป็นสิ่งที่คนไทยเป็นห่วง

              “เรามักจะพูดในเรื่องเจ๊งกับเจ๊าแต่มุมวิชาการ  เราไม่ต้องการให้คาดการณ์ทางลบเกินไปเพราะผมเชื่อว่าศาลโลกมีความกังวลเพราะหากตัดสินไม่ดีก็กระทบต่อศรัทธาต่อตัวเอง และเชื่อว่าศาลโลกคำนึงถึงสภาพการในภูมิภาค โดยเฉพาะศักดิ์ศรีของประเทศ ที่กำลังจะเข้าร่วมมา AEC แต่หากศาลโลกกำลังทำให้แผลเป็นสมัยอาณานิคมให้ติดหล่มอยู่ก็คงจะตระหนักในส่วนนี้ เพราะสิ่งสำคัญสุดคือเรื่องสันติภาพ ”นายจตุรนต์ ระบุ

              ผู้สื่อข่าวถามว่า หากศาลโลกไม่รับคำฟ้องของกัมพูชา  พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรจะเป็นของใคร  นายวีรชัย กล่าวว่า พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เป็นของใหม่เกิดตอน พ.ศ.2550 จนทำให้เกิดเป็นข้อพิพาท 6 ปีมานี้ไม่ใช่ 50 ปี และหากศาลไม่รับปัญหานี้ก็ยังมีอยู่  2 ประเทศจะต้องเจรจาตามกฎหมายระหว่างประเทศ ที่มีอยู่

 

................

 

(หมายเหตุ : ภาพจากแฟ้มข่าว)