
ศูนย์อนุรักษ์ฯได้สมาชิกใหม่"ช้างพังเพศเมีย"พังกำไรดีขึ้น
ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย เผย"พังสิงขร"ตกลูกเพศเมียร่างกายสมบูรณ์ นับเป็นเชือกที่ 3 ขณะที่ลูกช้างสมาชิกใหม่ ดูดนมแม่ตลอดเวลา ขณะที่พังกำไรอาการดีขึ้น
เมื่อวันที่ 31 พ.ค. ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยจังหวัดลำปาง องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ได้ช้างสมาชิกใหม่ ที่พึ่งตกลูกออกมาในช่วงเช้าของวันนี้ ซึ่งแม่ช้างที่พึ่งตกลูกออกมา ได้แก่ ช้างพังสิงขร เพศเมีย อายุ 29 ปี โดยเป็นช้างแสดงของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2550 ทางคณะสัตว์แพทย์ได้ทำการตรวจร่างกายช้างพังสิงขร พบว่าร่างกายมีความพร้อมที่จะผสมพันธุ์ ดังนั้น จึงได้นำช้างพลายพระเหม เพศผู้ อายุ 47 ปี ซึ่งเป็นช้างนั่งชมธรรมชาติของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย มาผสมพันธุ์ตามธรรมชาติ
กระทั่งช้างพังสิงขร ตั้งท้องลูกช้างนาน 21 เดือน 7 วัน จนตกลูกช้างออกมาในวันนี้ เป็นช้างพัง เพศเมีย ซึ่งมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์อย่างมาก และคอยกินนมแม่อยู่ตลอดเวลา โดยทางคณะสัตว์แพทย์โรงพยาบาลช้างของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ก็ได้ปล่อยให้ช้างแม่ลูกอยู่ในป่าห้วยแม่วัง ซึ่งเป็นป่าสงวนเขตศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยจังหวัดลำปาง โดยเป็นบริเวณที่ช้างพังสิงขรตกลูกช้างออกมา
ด้านนายสัตว์แพทย์ศรันย์ จันทร์สิทธิเวช นายสัตว์แพทย์ประจำโรงพยาบาลช้าง กล่าวว่า แม่ช้างเชือกนี้ถือว่ามีร่างกายที่แข็งสมบูรณ์อย่างมาก และเคยตกลูกช้างมาแล้ว 2 เชือก ได้แก่ ช้างพลายลูกแก้ว เพศผู้ ขณะนี้ อายุ 9 ปี และช้างพังเนื้ออุ่น เพศเมีย อายุ 5 ปี ซึ่งช้างทั้ง 2 เชือก ก็ได้เข้าโรงเรียนช้าง และยังเป็นช้างแสดงของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยจังหวัดลำปาง
สำหรับช้างพังสิงขรนั้น ทางคณะสัตว์แพทย์คาดว่าต่อไปอาจจะให้ผสมพันธุ์อีก เพื่อให้ตกลูกช้างอีกประมาณ 3 เชือก เนื่องจากชังพังสิงขรยังมีอายุน้อย และเป็นแม่ช้างพันธุ์ที่ดีอย่างมาก ที่ทางศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยจะเพิ่มสถิติช้างให้มีมากขึ้น ทั้งนี้ ปกติแล้วช้างจะมีลูกได้ถึง 5 - 6 เชือก โดยช้างพังสิงขรที่มีร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ก็จะมีความพร้อมที่จะตกลูกช้างตามจำนวนนั้นเหมือนกัน
ลูกช้างที่พึ่งตกลูกช้างออกมาไม่ยอมออกห่างแม่ช้าง และดูดนมแม่ช้างอยู่ตลอดเวลา ส่วนนมเหลืองที่ช้างน้อยทุกเชือกจะต้องกิน ช้างน้อยเชือกนี้ก็กินแล้ว นับว่าการตกลูกช้างครั้งนี้ ไม่มีปัญหาอะไร เป็นไปตามธรรมชาติ จนได้ลูกช้างออกมาอย่างมบูรณ์ ตลอดจนแม่ช้างก็ถือว่ายอมรับลูก และค่อยดูแลลูกช้างอยู่ตลอดเวลา ตลอดจนหวงลูกช้างอย่างมาก และไม่ให้ใครเข้าใกล้ พร้อมแสดงอาการจะปกป้องลูกช้างของตนเองด้วย ดังนั้น ผู้ที่เข้าใกล้ได้ คือ ควาญช้างเท่านั้น ที่จะค่อยดูแลแม่ช้าง และลูกช้าง แต่หากทางคณะสัตว์แพทย์จะตรวจร่างกาย ก็จะให้ควาญช้างแยกแม่ช้าง และลูกช้างออกจากกันในลักษณะที่เห็นกันอยู่ จึงจะสามารถเข้าไปดูแลได้
ขณะที่พังกำไรอาการดีขึ้น
อาการของช้างพังกำไร ซึ่งประสพอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ ได้รับบาดเจ็บที่ขาหน้าทั้ง 2 ข้าง ซึ่งถูกนำตัวมารักษาที่สถาบันวิจัยและบริการสุขภาพช้างแห่งชาติ หรือ โรงพยาบาลช้าง จ.สุรินทร์ ขณะนี้อาการทั่วไปช้างมีแรงมากขึ้น หลังได้รับน้ำเกลือ และเมื่อวานนี้ทางทีมสัตว์แพทย์ ได้ใช้เครนยกตัวขึ้น เพื่อตรวจบาดแผลที่ถูกกดทับ พร้อมทั้งทำความสะอาดบาดแผลที่ขาหน้าด้านซ้าย และทำการเอกซเรย์ขาหน้าซ้าย ซึ่งจะต้องทำอย่างเร่งด่วน เนื่องจากปล่อยให้ช้างยืนนานไม่ได้จะเจ็บปวด จากนั้นจึงได้ให้นอนลงเหมือนเดิม โดยมีฟางรองพื้น เพื่อป้องกันแผลกดทับ
การเอกซเรย์ขาซ้ายหน้าเมื่อวันที่ 30 พ.ค. เครื่องเอกซเรย์มีกำลังต่ำ จึงทำให้แผ่นเอกซเรย์ไม่ชัดเจน ต้องใช้เครื่องเอกซเรย์ตัวใหม่ ซึ่งจะเดินทางมาพร้อมกับคณะสัตวแพทย์จากจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย และคณะสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น คาดว่าจะเดินทางมาถึงช่วงบ่ายวันที่ 31 พ.ค. เมื่อมาถึงจะทำการประชุมและวางแผนการรักษาในทันที และในช่วงบ่ายทีมแพทย์จะทำการยกตัวพังกำไรอีกครั้ง เพื่อทำการเอกซเรย์และตรวจร่างกาย
นางสาวภัทร เชื้อพลายเวช ผู้อำนวยการสถาบันสถาบันวิจัยและบริการสุขภาพช้างแห่งชาติ หรือ โรงพยาบาลช้าง จ.สุรินทร์ บอกว่า ตอนนี้พังกำไรมีแรงมากขึ้น หลังได้รับการรักษาและให้น้ำเกลือ ขณะนี้รอเพียงทีมหมอผู้เชี่ยวชาญ ที่ได้รับการประสานงานเดินทางมาถึง ก็จะวางแผนการรักษาทันที สิ่งที่น่าเป็นห่วงขณะนี้คือเครื่องมือในการพยุงตัวช้าง ซึ่งจะต้องพร้อมมากกว่านี้