
'เสรีพิศุทธ์'ชูนโยบายอิสระ-ปลอดการเมือง
'เสรีพิศุทธ์'ชูนโยบาย อิสระ-ปลอดการเมือง สู้ศึกเลือกตั้ง'ผู้ว่าฯ กทม.' พร้อมเปิดตัว'เสรี-ประพันธ์'ทีมรองผู้ว่าฯ
19 ม.ค.56 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวเปิดตัวการลงสมัครรับเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ พร้อมเปิดตัวทีมงาน ที่ศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง ว่า ตนยอมรับการลงสมัครในนามอิสระ เป็นเรื่องยากที่จะชนะการเลือกตั้ง แต่ตนตัดสินใจที่จะลงแข่งขัน เพราะต้องการเป็นทางเลือกและอนาคตใหม่ให้คน กทม. นอกจากนั้นเหตุผลที่ตนลงสมัครในนามอิสระ เพราะมองว่าการสังกัดพรรคการเมืองจะขาดความเป็นอิสระในการทำงาน เพราะถูกครอบงำจากนโยบายและมติของพรรค และที่สำคัญที่ผ่านมาการเมืองระดับชาติจะใช้การปกครองท้องถิ่นเป็นฐานเสียงทางการเมือง จึงพบการใช้เงินซื้อเสียงมหาศาล และพฤติกรรมการทุจริตงบประมาณ ผ่านโครงการต่างๆ มากถึง 30-40 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาพื้นฐานให้กับประชาชนได้
"ถึงเวลาที่คน กทม. ต้องร่วมหยุดการเมืองที่โกงชาติ ยุติการจับประเทศ และกทม. เป็นตัวประกัน เพราะการบริหารกทม. เป็นงานของบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่องการเมือง อำนาจผลประโยชน์ ผมจึงขออาสาแก้ปัญหาให้คน กทม. โดยไม่ได้มีความทะเยอทะยาน หรือ ใฝ่สูงทางการเมือง" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวต่อว่า ตนมีทีมงานที่มีประสบการณ์และพร้อมที่จะทำงาน สำหรับนโยบายบริการ กทม. ของตน คือ พูดจริง ทำจริง ตรวจสอบ และวัดผลได้ ทำงานเพื่อเป้าหมายสูงสุด คือ พัฒนาคุณภาพชีวิตของคนกรุงเทพฯ และผู้มาเยือนให้ดีทุกๆ ด้าน รวมถึงสร้างกรุงเทพให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ น่าท่องเที่ยว เป็นศูนย์กลางประชาคมอาเซียน รวมถึงทำให้ประชาชนมีความสุขและปลอดภัย โดยตนขอให้คำมั่นว่าจะทำกทม. เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นภายใน 1 ปี และเรียบร้อยภายใน 4 ปี สำหรับบุคคลที่จะมาร่วมงาน และทำหน้าที่รองผู้ว่าฯ กทม. คือ นายประพันธ์ คูณมี อดีต สนช. และ นายเสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวถึงโครงการที่จะใช้หาเสียงกับประชาชนเบื้องต้น ว่า จะแก้ปัญหาให้กับข้าราชการ และลูกจ้าง กทม. ในส่วนของการไม่ได้รับความเป็นธรรม และการจ่ายเงินตกเบิก โดยหากตนเข้าไปทำหน้าที่ ภายใน 1 เดือน จะทำเรื่องดังกล่าวให้เรียบร้อย, หากเข้าไปทำหน้าที่ผู้บริหาร กทม. จะแก้ไขกฎหมายเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ไม่ให้ผู้สมัครที่สังกัดพรรคการเมืองลงแข่งขัน เพื่อป้องกันการครอบงำ และการใช้ฐานปกครองท้องถิ่นเป็นฐานเสียงทางการเมือง, นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม จะทำโครงการสวนไปถึงบ้าน, นโยบายการศึกษา จะสร้างสนามกีฬาในโรงเรียน กทม. และ ให้ทุกโรงเรียน สังกัด กทม. มีระบบการสอน 2 ภาษา, ด้านการสาธารณสุข จะมีแพทย์ประจำครอบครัว, ด้านการแก้ปัญหาจราจร จะจัดบริการรถเมล์แอร์ฟรี, ด้านสังคม จะตั้งโรงทานทุกวัดใน กทม. เป็นต้น
"ส่วนการทำงานในอนาคต เชื่อว่าจะสามารถเข้ากับทุกฝ่ายได้ เพราะสมัยที่ผมรับราชการเคยทำงานร่วมกับคนของพรรคเพื่อไทย และประชาธิปัตย์มาแล้ว" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว
ด้านนายประพันธ์ กล่าวถึงทีมที่ปรึกษา กลุ่มพลังงานกรุงเทพ ว่า ที่ได้รับการยืนยันจะร่วมทีม อาทิ นายอมรวิทย์ นาครทรรพ, นายเกียรติวรรณ อมาตยกุล เป็นทีมที่ปรึกษาด้านการศึกษา, นายปราโมช รัฐวินิจ อดีตอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์, นพ.กุศล ประวิทย์ไพบูลย์ หัวหน้ากลุ่มพยาบาลเพื่อมวลชน หนึ่งในกลุ่มอาสาแพทย์สนามของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย, นายประกอบ วิโรจนกูฏ อธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, นายสุทธิเดช สุทธิสมณ์ อดีตผู้ช่วยผู้ว่าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค, นายอำนาจ หมายยอดกลาง ประธานกลุ่มส่งเสริมกสิกรรมไร้สารพิษ วังน้ำเขียว
นายประพันธ์ กล่าวยืนยันว่า ประเด็นการเมืองในอดีตจะไม่เป็นปัญหาต่อการทำงานของกลุ่มในอนาคต เพราะตามกฎหมายรัฐบาลและ กทม. ต้องทำงานเกื้อหนุนกัน เพราะการทำงานส่วนใหญ่เป็นเรื่องบริการสาธารณะ เพื่อคนที่อยู่ใน กทม.