ข่าว

ขึ้นค่าทางด่วน...ป่วนกระเป๋าตังค์มั้ย!

ขึ้นค่าทางด่วน...ป่วนกระเป๋าตังค์มั้ย!

19 ม.ค. 2556

"ที่บอกว่าต้องขึ้นตามสัญญาที่ระบุ จำเป็นหรือไม่ เมื่อสัญญานั้นเป็นข้อผูกมัดที่ประชาชนต้องแบกรับภาระ...."

                           เมื่อรถติดหนึบบนถนนปกติ... "ทางด่วน" จึงเป็นทางเลือกของคนกรุงที่จะช่วยประหยัดเวลาและลดปัญหาความเครียดในการเดินทาง และไม่ใช่แค่รถยนต์ส่วนตัวเท่านั้นที่มุ่งใช้บริการทางนี้ ยังมีรถขนส่งสาธารณะ อีกทั้งยวดยานสารพัดมาขอมีเอี่ยว ล่าสุด! เรื่องราวของทางด่วนที่ไม่ค่อยด่วนดังใจ ยังกลายเป็นประเด็นสั่นสะเทือนผู้ใช้บริการให้เริ่มกังวลเข้าไปอีก กับการจ่อ "ปรับขึ้นค่าทางด่วน 5-15 บาท" ตามกำหนดสัมปทานระหว่าง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กับบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ "บีอีซีเอล" ที่เงื่อนไขต้องปรับราคาขึ้นทุกๆ 5 ปีสำหรับทางพิเศษมหานคร (ทางด่วนขั้นที่ 1) และ ทางพิเศษศรีรัช (ทางด่วนขั้นที่ 2) โดยรถยนต์ 4 ล้อ จาก 45 บาท ปรับขึ้นเป็น 50 บาท รถยนต์ 6-10 ล้อ จาก 70 บาท ปรับขึ้นเป็น 80 บาท และ รถยนต์ 10 ล้อขึ้นไป จาก 100 บาท ปรับขึ้นเป็น 115 บาท ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ข่าวว่าตั้งแต่ 1 กันยายนนี้ เตรียมควักกระเป๋าเพิ่มกันได้เลย...!!

                           ในยุคที่ขึ้นทางด่วนแล้ว (อาจ) ต้องจ่ายแพงขึ้น หัวอกคนใช้บริการอย่าง "เอแคร์" มัลลิกา ชาญอนุเดช เจ้าของร้านอาหาร "แอนนา บางนา บาย ชาลี ซานฟราน" ย่านบางนา ซึ่งมีโอกาสใช้บริการทางด่วนกรุงเทพจากบางนาเข้าใจกลางเมืองบอกว่า ทราบข่าวจะมีการขึ้นค่าผ่านทางอีก 5-15 บาทก็รู้สึกไม่ค่อยดี เพราะยามเศรษฐกิจฝืดเคืองแบบนี้ไม่ว่าอะไรก็ตามที่จ่อขึ้นราคาย่อมมีผลกระทบไม่มากก็น้อย ขณะเดียวกันก็พอจะทราบรายละเอียดเกี่ยวกับที่มาที่ไปของเรื่องดังกล่าว

                           "ส่วนตัวพอที่จะมีกำลังจ่าย ไม่เดือดร้อนมาก แต่ใช้ถ้าใช้บ่อยๆ กระทบเงินในกระเป๋าแน่นอน ยังไงเขาต้องปรับเพราะเป็นไปตามสัญญาก็ต้องทำใจ หันมาควบคุมการใช้จ่ายของเราดีกว่า และคาดหวังว่าขึ้นไปแล้ว แพงแค่ไหนก็ไม่อยากให้รถติด เพราะที่ผ่านมาบางเวลาไม่ด่วนจริงอย่างที่คิดแล้วรถก็เยอะ คนไทยซื้อรถเยอะเกินไป บางบ้านมี 4-5 คัน ก็เป็นปัญหาจราจรไปอีก" คุณแม่วัยสาว กล่าว

                           ด้านสาวหน้าใส "สายขิม" กวีธิดา เทศแก้ว นิสิตคณะศิลปกรรมศาสตร์ ภาควิชานาฏยศิลป์ สาขานาฏยศิลป์ไทย ชั้นปีที่ 2 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยอมรับว่า ปกติใช้รถยนต์ส่วนตัวในการเดินทางเป็นประจำ แต่ไม่ทราบเรื่องการขึ้นค่าทางด่วน เพราะไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้บริการ ส่วนตัวเห็นว่าทางด่วนนั้นเป็นทางเลือกในการประหยัดเวลาและการหลีกเลี่ยงเส้นทางรถติด ถ้าบ้านอยู่ไกลจากมหาวิทยาลัยจำเป็นต้องใช้ก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้

                           "การปรับขึ้นอีก 5 บาทสำหรับรถยนต์ 4 ล้อ คงไม่มีผลกระทบอะไรมาก เพราะถึงแม้เราจะมีรถขับแต่ก็ใช้ตามความจำเป็น และบางครั้งก็เลือกใช้บริการรถโดยสารประจำทางหรือไม่ก็มอเตอร์ไซค์รับจ้างอยู่บ่อยๆ ทั้งสะดวกและประหยัด อีกทั้งรู้สึกว่าบนทางด่วนค่อนข้างอันตราย เพราะมีอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยส่วนมากเกิดจากความประมาท ขับรถเร็ว ที่เห็นบ่อยก็อย่างทางด่วนเชียงรากมุ่งหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ถามว่า คาดหวังว่าการบริการจะดีขึ้นไหมเมื่อมีการปรับราคา ไม่เคยรู้สึกว่าจะได้รับความสะดวกเพิ่มขึ้นเลย เพราะถึงจะเป็นทางด่วน ก็ยังคงเห็นรถติดอยู่ดี" สาวศิลปกรรม จุฬาฯ ให้ความเห็น

                           ใช้บริการทางด่วนบ่อยครั้ง "ศร" ศรชัย นิชลานนท์ พนักงานฝ่ายขาย บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง มองว่า การปรับขึ้นค่าทางด่วนแน่นอนว่ามีผลกระทบกับตัวเองอย่างมาก เพราะต้องใช้ทางด่วนเดินทางในการเดินทางไปกลับที่ทำงานเป็นประจำ แต่ละวันประมาณ 4 ครั้ง เฉลี่ยเป็นเงินตกวันละเกือบ 200 บาท ทำงาน 20 วันต่อเดือนคิดไปคิดมาเครียดแน่ๆ

                           "ถ้ามีการปรับราคาขึ้นผมคงต้องออกค่าส่วนต่างจากที่บริษัทออกให้เดือนละ 2,000 บาท จริงอยู่ที่เพิ่มขึ้นมา 5 บาท กรณีคนที่มีกำลังจ่ายสามารถแบกรับเรื่องนี้ได้ไม่ยาก แต่ในส่วนของคนที่มีรายได้น้อย ถือว่าต้องควักเพิ่มเยอะมากหากเฉลี่ยการใช้ทางด่วนบ่อยๆ และไม่คาดหวังว่าการปรับขึ้นราคาจะช่วยให้เดินทางสะดวกขึ้นหรือดีขึ้น เพราะทุกวันนี้รถเยอะมาก ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนมาไหนก็ไม่ค่อยสะดวก ซึ่งไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร ประชาชนคงต้องทำใจเหมือนเดิม" แฟนพันธุ์แท้ทางด่วน เปรย

                           ขณะที่นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง "หมู" พล อภิธนาคุณ ให้ความเห็นว่า ทุกวันนี้ข้าวของแพงขึ้น ทุกอย่างก็ต้องปรับราคาตามไปด้วย ซึ่งก็สมเหตุสมผลและเป็นเรื่องที่รับได้ แต่ถ้าปรับราคาเนื่องจากค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มก็ไม่น่าจะใช่เหตุผลที่ควรจะเป็น เพราะการที่สินค้าขึ้นราคา ก็ควรมีอะไรที่ดีคืนให้แก่ลูกค้า โดยส่วนตัวไม่มีผลกระทบตรงนี้เท่าไรนัก แต่เชื่อว่าคนที่ต้องใช้ทางด่วนทุกวันคงได้รับผลกระทบแน่ๆ เพราะปัจจุบันราคาน้ำมันก็แพงขึ้นด้วย ค่าทางด่วนขึ้นราคาอีกคงจะแย่ไปตามๆ กัน

                           "ผมเห็นด้วยนะถ้าเงินที่ขึ้นราคานี้นำไปลงทุนในการปรับปรุงทางด่วนก็คิดว่าสมเหตุสมผล อย่างการขยายเส้นทางให้ไกลกว่า หรือการปรับปรุงพื้นผิวจราจรให้เรียบขึ้น เพราะมันจะมีผลต่อความปลอดภัย แต่ที่ผมอยากให้ปรับปรุงที่สุดคือช่องทางอีซี่พาส เพราะหลายๆ จุดยังไม่สามารถเชื่อมถึงกันได้ ทำให้ไม่สะดวกเท่าที่ควร คือขึ้นชื่อว่าทางด่วนมันต้องสะดวกตั้งแต่ทางขึ้นเลย อีกอย่างช่องทางอีซี่พาสผมว่ามันควรจะเป็นช่องทางขวาซึ่งเป็นช่องสำหรับรถวิ่งเร็ว รถวิ่งขวามาพอถึงที่จ่ายเงินช่องอีซี่พาสกลับอยู่ตรงกลาง ตรงนี้ผมว่ามันแปลกๆ จะทำให้รถต้องชะลอความเร็วลงเพื่อเปลี่ยนเลนส์อีก มีผลทำให้รถติดบริเวณหน้าด่านเก็บเงินอีกด้วย" นักธุรกิจหนุ่ม ให้ความเห็น

                           สมเหตุสมผลหรือไม่กับการจ่อขึ้นค่าบริการทางด่วนท่ามกลางความเห็นหลากหลาย ดร.สิชา สังห์สมบุญ ประธานบริษัท เอเอซี กรีน ซิตี้ ลาว จำกัด บริษัทร่วมทุนไทย-เกาหลีใต้ มองว่าช่วงนี้ไม่ว่าอะไรล้วนมีแววปรับราคาขึ้น หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานสถานภาพของประเทศไทยคงไม่ต่างจากประเทศกรีซที่มีปัญหาเงินเฟ้อ ข้าวของแพง และเท่าที่รู้ผู้ใช้ทางด่วนร้อยละ 20 เป็นคนทำงาน อีกร้อยละ 80 คือผู้ประกอบการ  ที่ (อาจ) ต้องแบกรับภาระอีก 5-15 บาท เป็นเรื่องการขนส่งที่ต้องคิดให้รอบด้าน

                           "ต้องถามว่าใช้เกณฑ์อะไรเป็นมาตรฐานในการปรับราคา ต้นทุนอยู่ตรงไหน ใครคิด ใครรับผิดชอบ  มีรายละเอียดอะไรบ้าง ต้องนำมาคุยกันถึงเหตุผล จะว่าไปแล้วเราควรต้องช่วยกันตรวจสอบ ถ้าไม่สมเหตุสมผล สามารถชะลอได้หรือไม่เพื่อลดแรงกดดันทางเศรษฐกิจ สังคม เรื่องนี้คณะกรรมการทบทวนได้ไหมแม้จะมีข้อผูกมัดตามสัญญา ซึ่งจริงๆ แล้วเส้นทางด่วนที่จะมีการปรับราคาเป็นเส้นเศรษฐกิจนะ วันหนึ่งๆ มีคนใช้เยอะ การเข้าออกมากแบบนี้น่าจะมีกำไรเหลือเฟือด้วยซ้ำ และที่บอกว่าต้องขึ้นตามสัญญาที่ระบุ จำเป็นหรือไม่ เมื่อสัญญานั้นเป็นข้อผูกมัดที่ประชาชนต้องแบกรับภาระ พอมาคำนวณแล้วคุ้มไหมกับการให้ควักเพิ่ม 5 บาท 10 บาท รายรับตรงนี้ไปอยู่กระเป๋าใคร ส่วนตัวไม่ขึ้นทางด่วนมาสักพักแล้ว เพราะไม่ด่วนสมชื่อ เสียทั้งเงินและเวลา ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องต้องทบทวนให้ดีถ้าอยากให้ประชาชนประหยัด เงิน 5 บาทอาจคิดว่าน้อย แต่หากจ่ายบ่อย จ่ายทุกวัน นั่นคือต้นทุนการใช้ชีวิตที่สาหัส" ผู้ประกอบการแสดงความเป็นห่วง

                           หลากมุมมองสะท้อนความเป็นไปของปัญหา คงต้องเฝ้าติดตามกันต่อว่า ทางออกที่น่าพอใจสำหรับทุกฝ่ายเป็นอย่างไร... อีกไม่นานเกินรอ!!