
'น้องไปป์'ควง'แม่ปู'ชมบูธวันเด็ก
'น้องไปป์' ชมบูธต่างๆ ภายในตึกสันติไมตรีพร้อมนายกฯ เผยเตรียมโชว์มายากลที่ทำเนียบฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 11 ม.ค. 56 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลงมาจากตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อตรวจความเรียบร้อยในการจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ภายในทำเนียบฯ และในเวลาต่อมา ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือ น้องไปป์ บุตรชายของนายกฯได้เดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาล และได้เดินชมบูธต่างๆ ภายในตึกสันติไมตรีพร้อมนายกฯ
จากนั้นน้องไปป์ ให้สัมภาษณ์พร้อม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ปกติเมื่อมีเวลาอยู่ร่วมกันกับแม่ก็จะทานอาหารร่วมกัน และมีการดูหนังกันบ้าง วันเด็กปีนี้ไม่ได้ต้องการอะไรเป็นพิเศษจากแม่ เพียงต้องการให้แม่มีเวลาให้มากกว่านี้ แม้คุณแม่จะทำงานมาปีกว่า แต่ก็ยังมีเวลาให้กันเหมือนเดิม และไม่น้อยใจที่คุณแม่อาจมีเวลาให้น้อยลง
เมื่อถามว่ายังทำอาหารทานร่วมกันอยู่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หันไปมองหน้าน้องไปป์ ก่อนตอบแทนลูกชายว่า "ไม่ได้ทำเลยเนอะ แต่ดูหนัง ดูวิดีโอด้วยกัน"
เมื่อถามว่าวันเด็กปีนี้น้องไปป์จะมาโชว์อะไรเป็นพิเศษหรือไม่ น้องไปป์ ทำหน้าเขินก่อนตอบว่า "คุณแม่เขาจะให้เล่นมายากลนิดหนึ่ง" เมื่อถามอีกว่าจะโชว์อะไรบ้าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบแทนว่า ต้องรอมาดูน้องไปป์
น้องไปป์ กล่าวต่อว่า อยากให้เพื่อนๆ มาเที่ยวงานวันเด็กที่ทำเนียบรัฐบาล เพราะมีทั้งการแสดงและของเล่นเยอะมากมาย นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจด้วย เมื่อถามว่าสนใจอะไรเป็นพิเศษหรือไม่ น้องไปป์ ตอบว่า สนใจตรงเทคโนโลยีเป็นพิเศษ
ส่วนของขวัญวันเด็กที่น้องไปป์อยากได้ในปีนี้ น้องไปป์ ตอบว่า "อยากขอให้คุณแม่อยู่กับไปป์ให้มากขึ้นนิดหนึ่ง" เมื่อถามว่าอยากให้คุณแม่พาไปเที่ยวที่ไหน น.ส.ยิ่งลักษณ์ พูดแทนว่า "เขาชอบไปเที่ยวทะเลค่ะ" เมื่อถามว่าน้องไปป์มองคุณแม่เป็นคนยังไง น้องไปป์ กล่าวว่า เป็นคนใจดี
นอกจากนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงคำขวัญวันเด็กว่า สำหรับคำขวัญวันเด็กของแต่ละปี จริงๆ แล้วคุ้นกับคำขวัญส่วนใหญ่ที่ต้องการให้เด็กๆ เป็นเด็กดี มีความกตัญญู และตั้งใจเรียน ซึ่งแต่ละปีคำขวัญก็จะปรับเปลี่ยนกันไป แต่เนื้อหา คือ ให้เด็กรักษาวินัย ทั้งนี้คำขวัญของแต่ละปีหากมีสิ่งที่เราติดตามและต้องการให้เด็กไทยมีอะไรมากขึ้น ก็จะนำมาโยงกับคำขวัญ
นายกฯส่งสาสน์ 'วันเด็กแห่งชาติ'
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ส่งสาสน์เนื่องในโอกาส 'วันเด็กแห่งชาติ' ประจำปี 2556 วันที่ 12 มกราคม โดยมีใจความว่า เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2556 ดิฉันขอส่งความรัก ความปรารถนาดีมายังเด็กและเยาวชน ตลอดจนผู้ปกครองที่มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชนของประเทศทุกคน
วันเด็กแห่งชาติได้จัดขึ้นเพื่อให้เด็กและเยาวชนทั่วประเทศได้ตระหนักถึงความสำคัญของตน ทั้งในเรื่องของสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ความมีระเบียบวินัย ด้วยการตั้งใจศึกษาเล่าเรียนประพฤติตนเป็นคนดี เชื่อฟังบิดามารดา ผู้ปกครอง อยู่ในกฎระเบียบวินัย รู้จักการบำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวม รู้จักการแบ่งปัน รู้รักสามัคคี รู้จักคิด รักตนเอง รักครอบครัว และรักประเทศชาติ ตลอดจน ยึดมั่นเทิดทูนไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
ปี 2556 ดิฉันขอมอบคำขวัญวันเด็กแห่งชาติว่า "รักษาวินัย ใฝ่เรียนรู้ เพิ่มพูนปัญญา นำพาไทยสู่อาเซียน" เด็กและเยาวชนล้วนมีอิสระทางความคิด แต่การแสดงออกต้องเป็นไปอย่างถูกต้อง เหมาะสมและสร้างสรรค์ สิ่งเหล่านี้จะเป็นการรักษาวินัยของเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันในสังคม และการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี โดยเฉพาะปัจจุบันสังคมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ประกอบกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก่อให้เกิดความรู้ใหม่ๆ อย่างกว้างขวาง การแสวงหาความรู้จึงไม่มีขีดจำกัดอยู่เฉพาะภายในห้องเรียนเท่านั้น แต่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองหลายทาง เช่น การอ่านหนังสือ การเดินทาง การสืบค้นข้อมูลผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เด็กและเยาวชนจึงต้องรู้จักคิด เลือกรับข้อมูล ที่มีประโยชน์
โดยเฉพาะในปี 2558 เป็นปีที่ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียนอย่างสมบูรณ์ เด็กและเยาวชนไทยจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับระบบเศรษฐกิจ การเมือง ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมประเพณีและภาษาของประเทศเพื่อนบ้านให้มากขึ้น เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างกัน พร้อมกับการฝึกฝนทักษะด้านภาษาอังกฤษและภาษาต่างประเทศอื่นๆ เพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นการเตรียมความพร้อมที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อเด็ก เยาวชน และประเทศไทย ในการก้าวสู่อาเซียนได้อย่างมั่นใจ
ในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2556 นี้ ดิฉันขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากล โปรดดลบันดาลให้เด็กและเยาวชนไทย ตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและพัฒนาเด็กและเยาวชนทุกคน จงประสบแต่ความสุข ความเจริญ มีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง มีจิตใจที่เข้มแข็ง เพื่อเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติให้ก้าวหน้าสืบไป