ข่าว

สังคม'จับแพะ ชนแกะ'

สังคม'จับแพะ ชนแกะ'

11 ม.ค. 2556

สังคม'จับแพะ ชนแกะ' : ต่อปากต่อคำ โดยดร.อมร วาณิชวิวัฒน์ [email protected]/ twitter@DoctorAmorn

            วันนี้กระบวนการ "ปั่นกระแส (spinning)" ถูกนำมาใช้กับเรื่องราวทางการเมือง นอกเหนือจากการที่เทคนิคที่ว่านี้มักถูกนำไปใช้อย่างได้ผลในเรื่องของการโฆษณาชวนเชื่อมาช้านาน

            อย่างเรื่องแรก ซึ่งเคยบ่นให้ได้อ่านกันไปตั้งแต่สัปดาห์ก่อน คือ เรื่องของ "รถคันแรก" ที่มาวันนี้ผมมีข้อมูลเพิ่มเติมจากนายตำรวจซึ่งต้องคลุกคลีกับปัญหาอาชญากรรมและเรื่องราวอุบัติภัยบนท้องถนน ท่านได้มาปรารภให้ฟังในที่ประชุมเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ทางบริษัทประกันภัยเริ่มโอดครวญกับปัญหา "รถคันแรก" ไม่เกี่ยวกับเรื่องของ "คู่แข่ง" ที่เข้ามาตามกระแส เออีซี (AEC)" แต่เพียงอย่างเดียว แต่เดือดร้อนด้วยปัญหาจำนวนรถที่มากขึ้น การขับรถของคน "มือใหม่หัดขับ" ซึ่งมีทั้งเพิ่งได้ใบขับขี่ และเมื่อรถมีราคาผ่อนส่งผ่อนดาวน์ถูกลง คนเข้ามาซื้อรถกันมากขึ้น อุบัติเหตุจึงเกิดมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ทำให้อัตราการเคลมประกันเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ดังนั้นสิ่งที่เขาเรียกร้องคือ วันนี้จำเป็นต้องปรับพรีเมียม หรือค่าเบี้ยประกันต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ไม่ต้องอธิบายก็คงเข้าใจตรงกันว่า ภาระทั้งหมดย่อมโอนย้ายถ่ายเทไปยัง "ผู้บริโภค" ตามกระแสนิยมอย่างไม่ต้องสงสัย

            เรื่องราวเกี่ยวกับรถยนต์ที่ยังต้องขอบ่นต่อไป คือ การบริหารจัดการของฝ่ายนโยบายป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่หันมาทำ "กระแส" กับเขาบ้างเหมือนกัน เมื่อได้ยินเสียงบ่นโอดครวญของประชาชนกับการ "ตั้งด่าน (เถื่อน)" ทางผู้เกี่ยวข้องกลับแก้ปัญหาด้วยการไม่ตั้งด่าน ซึ่งเหมือนจะสนองนโยบายอย่างทันควันแต่ขาด "ความรอบคอบ" ในการแก้ไขปัญหา

            เพราะการตั้งด่านแก้นั้น ผมมองว่าเป็นการ "ป้องปรามแก้ไขปัญหาอาชญากรรมอย่างได้ผล" และเป็นประโยชน์กับคนส่วนใหญ่ โดยเสียงบ่น "ส่วนมากมาจากคนมีเส้นสายที่ชอบทำผิดกฎหมาย" เช่น ขนของผิดกฎหมาย มีสิ่งของไม่ถูกกฎหมาย เช่น ยาเสพติด อาวุธปืนเถื่อนไว้ในครอบครอง "แต่คนสุจริตส่วนมากไม่มีปัญหากับการทำงานอย่างตรงไปตรงมาของเจ้าหน้าที่" เมื่อบริหารจัดการตามกระแสเช่นนี้คนบริสุทธิ์จะกลายเป็น "เหยื่ออาชญากรรม" อย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งเดี๋ยวนี้ปัญหาติดฟิมล์กรองแสงทึบขนาดสปอตไลท์ส่องแสงไม่เห็น ถือว่ามีเจตนามากกว่า "กันความร้อน" และยังเป็นบ่อเกิดของอันตรายเนื่องด้วยมีผลต่อทัศนียภาพของคนขับ และผู้ขับขี่ที่ตามหลังถ้าจะทำกระแสกันจริงๆ วันนี้ "ทั่วโลกตื่นตัว" กับปัญหาโลกร้อน และรถราติดขัด ทำให้เขาจำกัดจำนวนรถ และใช้ "มาตรการเข้มข้น" ในการกำหนดวิธีการแกมบังคับให้คนต้องหันมาใช้การขนส่งสาธารณะ อย่างเช่น การเก็บเงินค่าผ่านใจกลางเมืองในเวลาเร่งด่วน กระทั่งค่าฝากรถก็ต้องคิดราคาแพง หากมีเงินขับรถ แต่ไม่รู้จะนำรถไปไว้ไหน

            ผมอยากเรียกร้องให้วันนี้ใกล้วันเด็กอีกเพียงข้ามคืน เรื่องของ "วินัย" ซึ่งนายกรัฐมนตรีกำหนดให้เป็นส่วนหนึ่งของ "คำขวัญวันเด็กปีนี้" ผมอยากเห็นพวกเราฝึกหัดการมีวินัยให้เป็นตัวอย่าง จะได้ไม่อายเด็กๆ ที่กำลังโตตามๆ กันมา และถ้าผู้ใหญ่จะขออะไรแทนเด็กได้ ก็อยากเห็นคนไทยไม่หลงกระแสอะไรแบบไร้แก่นสาร อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ โดยไม่คิดตรึกตรองดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ในเรื่อง "กาลามสูตร" เพราะอีกไม่กี่วันข้างหน้า คนกรุงเทพจะได้พบกับ "การปั่นกระแส" ครั้งใหญ่ในศึกการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพราะเรื่องนี้มี "เดิมพันทางการเมือง" ค่อนข้างสูงยิ่ง ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมลดราวาศอกให้แก่กันอย่างแน่นอน เราคนมีสิทธิเลือกตั้ง ต้องเป็นตัวของตัวเอง อย่าให้ใครมาใช้คารมคมคายกล่อมให้หลงเชื่ออะไรกันผิดๆ เพราะสี่ปีก็นานพอจะทำให้สังคมเราดีขึ้นได้ทันตาเห็น ถ้าเราเลือกคนดีคนมากความรู้ความสามารถมาทำงาน จะเป็นใครเราท่านเป็นคนเลือก