
ย้อนรอย'วีระ-ราตรี'โดนเขมรจับกุม
คดี'วีระ-ราตรี'ในช่วงสองปีเศษที่ผ่านมานั้น เชื่อว่า คนไทยส่วนใหญ่ยังคงจำได้
คดี"วีระ สมความคิด-ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์"ในช่วงสองปีเศษที่ผ่านมานั้น เชื่อว่า คนไทยส่วนใหญ่ยังคงจำได้ เพราะปรากฏเป็นข่าวตามสื่อต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยความคืบหน้าของเรื่องนี้นั้นส่งผลกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศคือ ไทย-กัมพูชาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เเละยังมีผลกับการเมืองในไทยอีกด้วย เวลาสำคัญๆของข่าวนี้นั้น เรียบเรียงได้ดังนี้
นายวีระ สมความคิด แกนนำภาคีเครือข่ายประชาชนไทยหัวใจรักชาติ ได้ถูกทหารของกัมพูชาจับตัวไป ทั้งนี้ยังมีคนไทยโดนจับกุมไปพร้อมกับนายวีระนั้นมีรายชื่อดังนี้ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ นายตายแน่ มุ่งมาจน นายกิจพลธรณ์ ชุสนะเสวี ร.ต.เเซมดิน เลิศบุศย์ นางนฤมล จิตรวะรัตนา เเละน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ โดยคนไทยเหล่านี้โดนจับขณะเดินทางไปในพื้นที่หมู่บ้านหนองจัน ต.โนนหมากมุ่น อ.โนนสูง จ.สระแก้ว เพื่อเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่ดังกล่าวที่เป็นพื้นที่ทับซ้อน ในช่วงบ่ายวันที่ 21 ส.ค.2553 ได้รับการประสานการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนไทย เพื่อขอให้ปล่อยตัว นายวีระ เชื่อว่า การถูกจับตัวไปนี้เกิดจากปัญหา เนื่องมาจากการทำสัญญา MOU ปี 2543 ระหว่างไทยและกัมพูชา ทำให้ทั้งสองประเทศตกลงกันไม่ได้ว่าในพื้นที่ทับซ้อน จำนวน 4.6 ตารางกิโลเมตร
อย่าลืมว่าในช่วงนั้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย-กัมพูชาไม่ค่อยดีนัก หลังจากที่รัฐบาลเเละพรรคประชาธิปัตย์ในช่วงนั้นระบุว่า กัมพูชาให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เข้าประเทศเเละไม่ส่งตัวให้ไทยในฐานะผู้ร้ายข้ามเเดน เเละก่อนหน้านี้่กลุ่มพันธมิตรฯโจมตีกัมพูชาหลายประเด็น เเม้ต่อมารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พยายามประสานขอตัวคนไทยเหล่านี้กลับเเต่ไม่ได้รับการพิจารณาจากกัมพูชา ต่อมาคนอื่นๆ หลังโดนศาลกัมพูชาตัดสินเเล้วเเละรับโทษระยะหนึ่งก็ได้รับการปล่อยตัวกลับไทย เว้นเเต่นายวีระ เเละนางราตรี
1 ก.พ.2554 เวลา 19.00 น.ศาลกัมพูชาตัดสินคดี นายวีระ สมความคิด แกนนำเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ ให้มีความผิด 3 ข้อหา คือ รุกล้ำชายแดน เข้าไปในเขตทหาร และโจรกรรมข้อมูลทางทหาร โดยศาลตัดสินจำคุก นายวีระ สมความคิด 8 ปี ปรับ 1 ล้าน 8 แสนเรียล และตัดสินจำคุก น.ส.ราตรี 6 ปีปรับ 1 ล้าน 2 แสนเรียล ไม่รอลงอาญา โดยเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวทั้ง 2 คนกลับเข้าเรียนจำเปรยซอว์ทันที ศาลให้ยึดโทรศัพท์ กล้องวีดีโอ เทปบันทึกเสียง และสมุดบันทึกของนายวีระทั้ง 2 เล่ม ตกเป็นของรัฐ โดยนายวีระ และน.ส.ราตรี มีเวลา 1 เดือน ในการยื่นอุทธรณ์สู้คดีต่อ ขณะที่โฆษกกัมพูชาระบุ หาก นายวีระ-น.ส.ราตรี ให้การรับสารภาพยอมรับผิด รัฐบาลกัมพูชาจะหาช่องทางช่วยเหลือด้วยการขอพระราชทานอภัยโทษ
สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แถลงที่ทำเนียบรัฐบาลในกรุงพนมเปญว่า จะไม่มีการขอพระราชอภัยโทษให้แก่ นายวีระ สมความคิด แน่นอน เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งต้องได้รับโทษจำคุกอย่างน้อย 2 ใน 3 ก่อน จึงจะสามารถพิจารณาการขอพระราชอภัยโทษได้ อีกทั้งไม่ต้องพยายามขอพระราชอภัยโทษจากกษัตริย์นโรดม สีหมุณี เพราะไม่มีทางเป็นไปได้
ด้านนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ ในขณะนั้น เปิดเผยว่า เตรียมระงับการยื่นอุทธรณ์ในการต่อสู้คดีของ นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ และจะส่งเรื่องให้รัฐบาลขอพระราชทานอภัยโทษต่อไป ในขณะที่สถานเอกอัครราชทูตไทย ในกรุงพนมเปญ กำลังตรวจสอบว่า จะสามารถยื่นขอพระราชทานอภัยโทษได้ทันทีหรือไม่ เพราะตามกฎหมายของกัมพูชากำหนดว่า ผู้ต้องโทษจะต้องถูกจำคุกรับโทษ 2 ใน 3 ของระยะเวลาที่ถูกพิพากษาจำคุก แต่ในเวลานี้ทั้ง 2 คนยังรับโทษจำคุกไม่ถึงตามที่กำหนด ต่อมาทั้ง 2 คนไม่ยื่นอุทธรณ์คดีเเละขอพระราชทานอภัยโทษ
เเละในช่วงนั้นนายวีระมีอาการป่วยเเละต้องการออกมารักษานอกเรือนจำ เเต่ก็ไม่ได้รับการอนุญาต
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับผู้ที่มาเข้าร่วมฟังการปราศรัยในครั้งนี้ว่า สำหรับปัญหาเรื่องชายแดนไทย - กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นั้น ในช่วงเวลาที่ตนได้เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ได้เสนอแนวทางการแก้ปัญหาในพื้นที่ ว่า ให้ทั้ง 2 ประเทศ พัฒนาพื้นที่ร่วมกัน แล้วค่อยช่วยกันแก้ไขปัญหากันไปเรื่อยๆ จุดไหนที่ไม่มีปัญหา เราก็ดำเนินการกันไป แม้กระทั่งกรณีของนายวีระ หากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ ก็จะไปขอนำตัว นายวีระ และ น.ส.ราตรี กลับประเทศไทยให้ได้
ต่อมาพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ความพยายามในการขอตัว 2 คนไทยกลับบ้านเกิดก็ยังไม่คืบหน้านัก มีเพียงข่าวจากฝ่ายการเมืองว่า กำลังดำเนินการเเละมีเเนวโน้มไปในทางที่ดี จนกระทั่งวันนี้ที่ทั้ง 2 คนได้กลับมาตุภูมิกับความทรงจำที่ยากจะลืมในการใช้ชีวิตที่เรือนจำเพรยซอว์



