
ผู้ชนะ:ทางข่าว
ผู้ชนะ : ทางข่าว โดยศรายุทธ สายคำมี [email protected]
ก่อนหน้านี้เรารับรู้กันว่า "ผู้ชนะคือผู้ที่เขียนประวัติศาสตร์" ในวันนี้ดูเหมือนว่า เรากำลังทดสอบประโยคที่ว่านั้น
รัฐบาลและพรรคเพื่อไทย พรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดในสภาผู้แทนราษฎรกำลังถกข้อเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งยังไม่มีข้อยุติว่าจะแก้แบบไหน อย่างไร เพราะที่ว่าจะได้ข้อยุติ กลับเป็นว่าได้ข้อเสนอใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก
อาจถึงกับต้องไปเริ่มนับหนึ่งใหม่ด้วยการมอบหมายให้นักวิชาการในไทยหรือไม่ก็จากต่างประเทศศึกษากันเลยทีเดียว
เพราะหลายคนเริ่มมองเห็นแล้วว่า ที่จะแก้รัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับนั้นยิ่งเดินมันยิ่งตัน
ประโยคอมตะข้างต้นที่ว่า ก็เลยไม่แน่ใจว่าจะใช้กับกรณีนี้ได้หรือเปล่า
อุตส่าห์ชนะเลือกตั้งมาถล่มทลาย แต่กลับไม่อาจรื้อกฎหมายสูงสุดของประเทศให้เป็นอย่างใจหวัง
ไม่ว่าจะเป็นมาตรา 309 ที่คนเขาจับจ้องกันอยู่ว่าหากลบมาตรานี้ทิ้งก็จะเป็นสิ่งที่จะปูทางให้ไปสู่การออกกฎหมายฉบับอื่นตามมา และคนที่น่าจะได้ประโยชน์ก็คือบรรดาผู้กระทำผิดทั้งหลายภายหลังการยึดอำนาจเมื่อ 19 กันยายน 2549
ก็แน่นอนย่อมต้องรวม ทักษิณ ชินวัตร ไปด้วย
แต่ที่เปิดเผยกันล่อนจ้อนกันเลยที่จ้องจะแก้รัฐธรรมนูญให้ยกเลิกศาลปกครอง เลิกศาลรัฐธรรมนูญ เลิกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เลิกผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่วน กกต.-ป.ป.ช.ก็ให้สภาเป็นฝ่ายคัดเลือก นั่นแหละ
อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ !
ทำเป็นอ้างว่ายึดโยงกับประชาชน ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่า นิติบัญญัติกับบริหารนั้นเป็นเนื้อเดียวกัน
ก็เข้าใจว่าคงจะอยากได้องค์กรอิสระที่ทำหน้าที่เหมือนเมื่อครั้งยุค "3 หนา" ที่วันนี้หาก เสนาะ เทียนทอง ยังไม่เป็นโรคความจำเสื่อมก็คงจะจำได้ว่า เคยเปิดโปงสิ่งที่ ทักษิณ เคยพูดกับ "พี่เหนาะ" เกี่ยวกับ กรรมการ กกต.ไว้อย่างไรบ้าง
แต่ในวันที่ชูถ้วยชัยขึ้นเหนือหัว ใจก็ฮึกเหิม จนลืมหันไปดูชะตากรรมของ "3 หนา" ว่าในวันนี้เป็นอย่างไร
ที่หนักไปกว่านั้น องค์กรอิสระอย่าง กกต.ไม่อาจอยู่ในสภาพที่ใช้ดุลพินิจที่พูดกันจนติดปากว่า "มีเหตุอันเชื่อได้ว่า..." ได้อีกต่อไป ทั้งที่รู้ดีว่า การทุจริตเลือกตั้งนั้นยากที่จะหาใบเสร็จ จะมีก็แต่ดูมูลเหตุจูงใจในการกระทำ ของการใช้ดุลพินิจที่เป็นธรรมโปร่งใสของ กกต.เท่านั้นถึงจะ "เอาอยู่"
แต่ผู้ชนะกำลังจ้องจะรื้อองค์กรอิสระที่คิดไปเองว่าเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลทั้งหมด แล้วจะอยู่กันอย่างไรบ้านนี้เมืองนี้ ในเมื่อความจริงแล้วที่ยืนๆ กันอยู่นี่ไม่ได้มีแต่ "ผู้ชนะ"