เที่ยวด่านช้างชมมรดกวัฒนธรรม | คมชัดลึก

               มรดกทางวัฒนธรรมที่เป็นประเพณีวิถีการดำรงชีวิตของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เช่น กะเหรี่ยง ละว้า ลาวครั่ง เป็นต้น เป็นมรดกวัฒนธรรมประเภทหลักฐานทางโบราณคดี จากการสำรวจของนักโบราณคดีและปราชญ์ท้องถิ่นทำให้ทราบว่า พื้นที่ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี ได้มีมนุษย์เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยตั้งแต่สมัยยุคหินใหม่ เมื่อประมาณ 4,000 ปีมาแล้ว ซึ่งได้พบหลักฐานของคนสมัยนั้นหนาแน่นในเขตบ้านพุน้ำร้อน บ้านโป่งคอม และพื้นที่ใกล้เคียง ใน ต.ด่านช้าง อ.ด่านช้าง ปัจจุบัน

               "ไพฑูรย์ รักษ์ประเทศ" นายอำเภอด่านช้าง เล่าว่า ที่บ้านพุน้ำร้อน หมู่ 4 ต.ด่านช้าง อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี เป็นบริเวณพื้นที่ที่พบมรดกทางวัฒนธรรมเป็นจำนวนมากและมีความหลากหลาย มีทั้งมรดกทางวัฒนธรรมที่เป็นประเพณีวิถีการดำรงชีวิตของกลุ่มคนชาติพันธุ์ต่างๆ เช่น กะเหรี่ยง ละว้า ลาวครั่ง เป็นต้น และมรดกทางวัฒนธรรมประเภทหลักฐานทางโบราณคดี ซึ่งจากการสำรวจของนักโบราณคดีและปราชญ์ท้องถิ่นทำให้ทราบว่า พื้นที่อำเภอด่านช้างมีมนุษย์เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยตั้งแต่สมัยยุคหินใหม่ ซึ่งพบหลักฐานของคนสมัยนี้หนาแน่นในเขตบ้านพุน้ำร้อน บ้านโป่งคอมและพื้นที่ใกล้เคียง ส่วนระยะหลังสมัยอยุธยาพื้นที่นี้ยังมีความสำคัญในฐานะเป็นแหล่งแร่ธาตุเหล็กและตะกั่วที่สำคัญของสมัยนั้นและอาจรวมไปถึงบรรดาของป่าต่างๆ ด้วย

               และที่ อ.ด่านช้าง แห่งนี้สำรวจพบร่องรอยกิจกรรมถลุงเหล็กและตะกั่วหลายแห่งกระจายอยู่ในหลายตำบล ซึ่งข้อมูลและเรื่องราวทางโบราณคดีเหล่านี้นับเป็นข้อมูลใหม่ที่สำคัญ ทั้งยังมีโบราณวัตถุและข้าวของเครื่องใช้สมัยโบราณซึ่งมีที่มาจากพื้นที่ อ.ด่านช้าง เป็นหลักฐานรองรับเรื่องราวจำนวนมาก เก็บรักษาไว้ที่วัดพุน้ำร้อน ต.ด่านช้าง โดยมีพระครูวิสิฐสุวรรณคุณ (พระอาจารย์เสน่ห์) เจ้าอาวาสวัดเป็นผู้ดูแลรักษา เมื่อตนเข้ามาดำรงตำแหน่ง จึงได้บูรณาการร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลด่านช้างวัดพุน้ำร้อน กองทุนพัฒนาพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าอำเภอด่านช้างกรมศิลปากรและผู้นำท้องถิ่นร่วมกันดำเนินการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ ชุมชนพุน้ำร้อนให้เป็น แหล่งเรียนรู้ทางด้านวัฒนธรรม โดยจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ชุมชนที่จัดแสดงโบราณวัตถุที่พบในพื้นที่และบอกเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของชาวด่านช้างตั้งแต่ในอดีตยุคหินใหม่จนถึงยุคปัจจุบัน

               นายอำเภอด่านช้าง เล่าต่อว่า นอกจากนี้ยังมีป่าชุมชนบ้านห้วยหินดำเป็นชุมชนชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงโปว์ ที่มีการตั้งถิ่นมานานกว่า 200 ปีศึกษาวิธีการดำรงชีวิตของชุมชนกับป่า การใช้ประโยชน์จากป่า การมีส่วนร่วมของชุมชนในกระบวนการจัดการป่า และจิบชา ซิ มื้อ หน่อง ฟังผู้เฒ่าเล่าความหลัง เรื่องราวของชุมชนกะเหรี่ยง วัฒนธรรม ประเพณีย่องสาว รับฟังบทเพลงที่เล่าเรื่องราววิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง การแสดงรำตง เดินชมธรรมชาติของขุนเขา ดูแปลงข้าวไร่สีเหลืองทองทั่วทั้งภูเขา มีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขา อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 700 เมตร มีอาณาเขตติดต่อกับ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี และ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี มีพื้นที่รวมทั้งหมด 109,182 ไร่ สภาพพื้นที่ เหมาะสมกับการทำการเกษตร ส่วนใหญ่จะเป็นพืชผัก พืชไร่และไม้ผล

               ซึ่งจากสภาพพื้นที่ที่สวยงามและอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ชมการผลิตผักปลอดภัยจากสารพิษการใช้สมุนไพรในการป้องกันและกำจัดแมลงศัตรูพืช นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้วิธีการปลูกผักและเก็บผักเพื่อนำไปปรุงอาหาร ซึ่งจะได้รสชาติที่สุดแสนอร่อยของผักสดๆ ปลอดภัยจากสารพิษจริงๆ บริเวณป่าชุมชน บ้านห้วยหินดำ จะมีต้นไม้อายุกว่า 500 ปี จากความอุดมสมบูรณ์ของป่า ปัจจุบันจะมีสัตว์ป่า เช่น เสือโคร่ง สมเสร็จ วัวแดง ชะนี นก หมีควาย เก้ง กวาง เลียง ผา ฯลฯ สามารถเดินป่าส่องสัตว์ในเชิงอนุรักษ์ได้อีกด้วย 

..............................
(เที่ยวด่านช้างชมมรดกวัฒนธรรม ศึกษาการดำรงชีวิตชุมชนกับป่า : โดย...วัฒนพล มัจฉา )