
มติ!เลื่อนโหวตซุปเปอร์บอร์ด'กสทช.'
วุฒิสภา มีมติ 68 ต่อ 51 เสียง ตัดสินเลื่อนโหวต ซุปเปอร์บอร์ด กสทช. หวั่นมีปัญหาทางกฎหมาย
7 ม.ค. 56 ที่ประชุมวุฒิสภา มีมติ 68 ต่อ 51 เสียง ให้เลื่อนการลงคะแนนเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) หรือ ซุปเปอร์บอร์ด กสทช. ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กสทช.กำหนด ออกไปจนกว่าที่ศาลปกครองจะมีคำวินิจฉัยในคดีที่ นายวุฒิพร เดี่ยวพานิช ผู้สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็นซุปเปอร์บอร์ด กสทช.ด้านคุ้มครองผู้บริโภค ยื่นฟ้อง หลังถูกตัดชื่อออกจากการเข้ารับการคัดเลือกรอบแรก เพราะมีลักษณะที่ขัดต่อคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นกรรมการติดตามและประเมินผลงาน กสทช.
ทั้งนี้ก่อนการลงมติดังกล่าว ส.ว.ได้มีการอภิปรายแสดงความเห็นอย่างหลากหลาย อาทิ นายอนุรักษ์ นิยมเวช ส.ว.สรรหา หารือขอให้เลื่อนการลงคะแนนเลือกบุคคลดังกล่าวออกไป เนื่องจากรายชื่อของผู้ที่ต้องลงคะแนนเลือกรอบสุดท้ายไม่ครบตามที่ พ.ร.บ.กสทช. มาตรา 70 วรรคสองกำหนด ทั้งนี้มาตราดังกล่าว ระบุชัดเจนว่า การคัดเลือกกรรมการติดตามและประเมินงาน กสทช. ในรอบสุดท้าย ต้องมีผู้สมัครครบทั้ง 5 ด้าน แต่ขณะนี้มีการเสนอรายชื่อให้เลือก เพียง 4 ด้านเท่านั้น ส่วนด้านคุ้มครองผู้บริโภคนั้นยังไม่ได้มีการเสนอชื่อ เพราะศาลปกครองได้มีคำสั่งทุเลาการบังคับตามกฎหมายหรือคำสั่งทางปกครองตามที่นายวุฒิพร ยื่นฟ้อง
"ผมมองว่าหากวุฒิสภามีการเดินหน้าเลือกบุคคลดังกล่าวในวันนี้จะเกิดปัญหาตามมา อาทิ การนำไปสู่การตีความตามกฎหมาย กสทช.มาตรา 70 , การเข้าสู่ตำแหน่งและการดำรงวาระในตำแหน่งของกรรมการติดตามและประเมินผลงาน กสทช. , การจ่ายค่าตอบแทน รวมไปถึงการเริ่มปฏิบัติหน้าที่ เพราะตามกฎหมายกำหนดว่าให้เริ่มปฏิบัติหน้าที่เมื่อมีกรรมการครบจำนวน 5 คน หรือครบทุกด้าน"
ขณะที่ พ.ต.ท.จิตต์ ศีโยหะ มุกดาธนพงศ์ ส.ว.มุกดาหาร อภิปรายขอให้เดินหน้าลงคะแนนเลือกตามที่ระเบียบวาระกำหนด เนื่องจากมีระเบียบวุฒิสภา ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการคัดเลือกบุคคลผู้สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการติดตามและประเมินผลงาน กสทช. กำหนดไว้ในข้อ 16 ระบุว่า ให้วุฒิสภาลงคะแนนเลือก ภายใน 30 วัน หลังจากที่ประธานวุฒิสภาได้รับรายชื่อผู้สมควรได้รับเลือกฯ ที่ผ่านการคัดเลือกในรอบแรก และในวันที่ 10 ม.ค. นี้จะครบกำหนดตามระเบียบแล้ว
ทั้งนี้ในระหว่างการการอภิปรายแสดงความเห็น นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ในฐานะอดีตกรรมการเพื่อทำหน้าที่จัดทำบัญชีรายชื่อและตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครเป็นกรรมการติดตามและประเมินผลงาน กสทช. อภิปรายต่อที่ประชุมว่า ตนเชื่อว่าวุฒิสภาจะเป็นผู้ชนะคดีดังกล่าวแน่นอน เพราะการตรวจสอบของกรรมการ พบเอกสารและบัญชีการเคลื่อนไหวทางการเงิน รวมถึงการทำธุระกิจของบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งนายวุฒิพร มีตำแหน่งเป็นกรรมการบริษัท ซึ่งประเด็นการทำธุรกิจดังกล่าว ถือว่าเข้าข่ายขัดคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นกรรมการติดตามและประเมินผลงาน กสทช.