ข่าว

คลี่ปมปริศนา'รอยเท้า'สืบจับ'มือปืน'

คลี่ปมปริศนา'รอยเท้า'สืบจับ'มือปืน'

06 ม.ค. 2556

คลี่ปมปริศนา CSI THAILAND : 'รอยเท้า' สืบจับ 'มือปืน' ปิดคดีสังหาร 'ผู้ใหญ่บ้าน' : โดย...ทีมข่าวรายงานพิเศษ

                          ปัง! เสียงกัมปนาทจากปากกระบอกปืนลูกซองดังกึกก้อง พร้อมกับร่างโชกเลือด ของ นายบุญมี กลิ่นงาม ผู้ใหญ่บ้าน บ้านสามขุม หมู่ 10 ต.ชัยเกษม อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ล้มตึงลงกองกับพื้นหน้าร้านขายของชำเลขที่ 237 ก่อนจะสิ้นใจไปทันที สร้างความตะลึงพรึงเพริดให้แก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง

                          คดีอาชญากรรมสะเทือนขวัญครั้งนี้เกิดเมื่อเวลาประมาณ 21.20 น. วันที่ 8 ธันวาคม 2555 หลังเกิดเหตุ พ.ต.อ.ไพรัตน์ ไพพรรณรัตน์ ผกก.สภ.ธงชัย ประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐาน นำโดย พ.ต.อ.วิรัช ทองไทย นวท. (สบ 4) ผู้เชี่ยวชาญประจำ พฐ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อเก็บหลักฐาน แกะรอยหาตัวคนร้าย โดยมี พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วยผบ.ตร. คอยให้คำแนะนำการเก็บพิสูจน์หลักฐานต่างๆ อย่างใกล้ชิด

                          สภาพศพ นายบุญมี สวมเสื้อลายสกอตสีน้ำเงิน-ขาว กางเกงยีน ที่หน้าผาก โหนกแก้ม ไหล่สองข้าง หน้าท้อง และต้นขา ถูกยิงด้วยปืนลูกซอง นอนหงายเสียชีวิต อยู่ใกล้กับรถจักรยานยนต์ ซูซูกิ รุ่นสเต็ป สีเทาดำ ทะเบียน กวล 225 ประจวบคีรีขันธ์

                          ห่างออกไปเล็กน้อยที่บานประตูเหล็กยืดหน้าร้านค้ามีรอยกระสุนปืนทะลุ 2 รอย และพบลูกตะกั่วกระสุนปรายของลูกซองเบอร์ 12 (ขนาด 9 เม็ด/เอสจี) ติดอยู่บนผนังหน้าร้าน ขณะที่ภายในสวนปาล์มฝั่งตรงข้ามร้านพบรอยใบปาล์มน้ำมันมีรอยทะลุเป็นรูเหมือนถูกกระสุนลูกซอง ซึ่งเชื่อว่าจุดดังกล่าวน่าจะเป็นจุดซุ่มยิง เนื่องจากพบแว่นกระดาษปิดหัวกระสุนตกอยู่ในแนววิถีกระสุนตรงไปยังผู้ตาย

                          แต่เนื่องด้วยขณะนั้นเป็นเวลากลางดึกทำให้ค่อนข้างมืดเก็บหลักฐานได้ยากลำบาก ตำรวจพิสูจน์หลักฐานเกรงร่องรอยต่างๆ จะถูกทำลายจึงได้กันบริเวณไว้ และเข้าตรวจสอบซ้ำในช่วงสายของวันรุ่งขึ้น พบหมอนรองกระสุนลูกปืนเบอร์ 12 จำนวน 2 ชิ้น และพบรอยรองเท้า 2 ข้างไม่เหมือนกัน ที่จุดซุ่มยิง รวมถึงในสวนยางห่างจากสวนปาล์มซึ่งเป็นจุดซุ่มยิงไปประมาณ 80 เมตร ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจึงหล่อรอยรองเท้าไว้ พร้อมกับเก็บตัวอย่างดินบริเวณที่พบรอยรองเท้าและใกล้เคียงไว้เพื่อใช้ตรวจเทียบ กรณีที่สามารถติดตามพบรองเท้าคู่ดังกล่าว 

                          ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ได้ร่วมกับตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.ธงชัย ภายใต้การนำของ พ.ต.อ.ไพรัตน์ เดินแกะรอยตามรอยรองเท้าดังกล่าวไปสิ้นสุดที่บ้านของนายธำรง บัวนิ่ม ตรวจพบรองเท้าบู๊ท 2 คู่ จึงยึดไว้ตรวจสอบ แต่ไม่พบหลักฐานอื่น จึงเดินเลยไปยังบ้านหลังที่สองซึ่งถัดออกไปเล็กน้อย เป็นบ้านของนายสมยศ บัวนิ่ม ญาติของนายธำรง

                          ตรวจค้นภายในบ้านหลังนี้พบปืนลูกซองยาวขนาด เบอร์ 12 จำนวน 1 กระบอก, ปืนลูกกรด (ขนาด.22) จำนวน 1 กระบอก, ลูกกระสุนปืนลูกซอง เบอร์ 12 ที่ยังไม่ได้ยิน และปลอกกระสุนลูกซองที่ยิงแล้ว 7 กระบอก ภายในบ้าน

                          ขณะที่ในป่าหญ้าข้างบ้านพบปลอกกระสุนลูกซองเบอร์ 12 ตกอยู่ 1 ปลอก มีลักษณะยิงมาใหม่ๆ เพิ่งสลัดปลอกกระสุนทิ้งไว้ สอบถามนายสมยศ อ้างว่า ปลอกกระสุนดังกล่าวเพิ่งยิงจากปืนลูกซองที่ตำรวจพบภายในบ้าน โดยนายสมยศเป็นผู้ยิงเองเพื่อไล่คนร้าย และอ้างด้วยว่าขณะยิงนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของนายยุทธนา แจ่มใส เพื่อนบ้าน แต่เมื่อตำรวจไปสอบถามนายยุทธนากลับได้คำตอบในทางตรงข้ามว่า ไม่ได้รู้เห็นกับเหตุการณ์ที่นายสมยศอ้างถึง

                          พร้อมกันนี้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานได้นำรองเท้าบู๊ทที่ยึดได้จากบ้านญาตินายสมยศไปตรวจสอบตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ พบว่า รองเท้าบู๊ทดังกล่าวมีพื้นรองเท้าตรงกับรอยรองเท้าที่พบในจุดซุ่มยิง รวมถึงเศษดินที่พบในร่องพื้นรองเท้าบู๊ทตรวจสอบสภาพดินแล้วตรงกันกับดินที่จุดซุ่มยิง

                          ผลการตรวจสอบปลอกกระสุนก็พบว่ายิงมาจากปืนลูกซองที่พบในบ้านของนายสมยศ เช่นเดียวกับผลตรวจค่าสารประกอบทางเคมี ของตะกั่วลูกปรายที่เก็บได้จากที่เกิดเหตุ กับลูกปรายจากกระสุนที่ยึดได้จากบ้านของนายสมยศ พบว่ามีคุณสมบัติของสารประกอบธาตุสอดคล้องกัน ขณะที่หมอนรองกระสุน และแว่นกระดาษปิดกระสุน เมื่อผ่านการตรวจวิเคราะห์ทางเคมีแล้วก็พบว่ามีคุณสมบัติเหมือนกัน

                          หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ดังกล่าวชี้ว่า นายสมยศ น่าจะมีส่วนรู้เห็นกับการลอบสังหารผู้ใหญ่บุญมีอย่างแน่นอน ส่งผลให้ พ.ต.อ.ไพรัตน์ ใช้ข้อมูลที่ได้ผสมกับการใช้หลักจิตวิทยาเข้าพูดคุยกับนายสมยศ โดยได้หยิบยกหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ที่ตรวจพบภายใต้การทำงานของตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ อีกทั้งขณะที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เดินทางไปเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยเฉพาะขั้นตอนการหล่อรอยรองเท้า การหาวิถีกระสุน ร่องรอยจากจุดซุ่มยิง นายสมยศ ได้เฝ้าติดตามสังเกตการณ์การทำงานอยู่ทุกระยะ

                          ในที่สุดนายสมยศ ก็เกิดความเกรงกลัวในหลักฐานที่ตำรวจตรวจพบ และสำนึกผิด ตัดสินใจให้ทนายพาเข้ามอบตัวต่อ พ.ต.อ.ไพรัตน์ ในวันที่ 11 ธันวาคม 2555 หลังจากเกิดเหตุเพียง 3 วัน โดยนายสมยศรับสารภาพว่า ลงมือยิงผู้ใหญ่บุญมี ด้วยตัวเอง เนื่องจากโกรธแค้นที่แพ้การเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านครั้งที่ผ่านมา

                          "ผู้ต้องหาอ้างว่าโกรธแค้นที่ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านแล้วแพ้นายบุญมี เพราะผู้ตายมีพ่อของผู้ต้องหาให้การสนับสนุน จึงโกรธแค้นและวางแผนสังหารมาโดยตลอด กระทั่งวันเกิดเหตุสบโอกาสได้นั่งร่วมวงสุรากัน ช่วงใกล้เลิกผู้ต้องหาได้ขอแยกตัวกลับบ้านแล้วไปนำปืนลูกซองมาซุ่มยิง ขณะที่ผู้ตายกำลังจะขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน โดยหลังก่อเหตุได้นำรองเท้าบู๊ทที่สวมสลับข้างไปแขวนไว้ที่บ้านญาติ แล้วสลัดกระสุนปืนทิ้งไว้ข้างบ้านก่อนจะนำปืนไปเก็บไว้ในบ้าน" แหล่งข่าวในชุดคลี่คลายคดีให้ข้อมูล

                          อย่างไรก็ตาม คดีที่เกิดขึ้นแม้ผู้ต้องหาจะรับสารภาพเพราะจำนนต่อหลักฐาน แต่ พล.ต.ท.จรัมพร มีความเป็นห่วงว่า ผู้ต้องหาอาจปฏิเสธในภายหลัง จึงแนะนำให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบคุณสมบัติทั้งทางเคมีและทางกายภาพวัตถุพยานอื่นๆ อย่างละเอียด เพื่อใช้เป็นหลักฐานแวดล้อมมัดอีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้สำนวนคดีมีความรัดกุมยิ่งขึ้น

 

 

--------------------

(คลี่ปมปริศนา CSI THAILAND : 'รอยเท้า' สืบจับ 'มือปืน' ปิดคดีสังหาร 'ผู้ใหญ่บ้าน' : โดย...ทีมข่าวรายงานพิเศษ)