
แหกคุกมหาชัยสู่'เขาบิน'ผู้คุมเสียง!
แหกคุกมหาชัยสู่'เขาบิน' ชีวิตบนเส้นด้ายของผู้คุม : สำราญ สมพงษ์รายงาน
เหตุการณ์ นักโทษในเรือนจำความมั่นคงสูงเรือนจำกลางเขาบิน ต.หินกอง อ.เมือง จ.ราชบุรี 3 คน ก่อเหตุปล้นรถแบ็กโฮ ขณะกำลังก่อสร้างแดน 6 หวังขับพังประตูหวังหนี แต่แผนแตกหันจับผู้คุมเป็นตัวประกัน
ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรีพร้อมด้วยคณะจำต้องสั่งระดมกำลังนับร้อยชิงตัวคืน ควบคู่เจรจาต่อรองร่วม 3 ชม.แต่เหลว สุดท้ายยอมมอบตัว 1 ถูกวิสามัญฆาตกรรม 2 ศพ หลังใช้มีดกรีดข้อมือ เชือดคอตัวประกันดับอนาถ เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 30 ธันวาคมช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ สร้างความเศร้าสลดเสียใจของเพื่อนข้าราชการและญาติพี่น้อง
สำหรับผู้คุมเรือนจำที่ตกเป็นตัวประกันและเสียชีวิตในครั้งนี้คือ นายสุเทพ จ้อยศรีเกตุ และมีการเคลื่อนศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดหนองหนางแพรว ต.น้ำพุ อ.เมือง จ.ราชบุรี
ทั้งนี้นางเกสร จ้อยศรีเกตุ อายุ 46 ปี ภรรยาของนายสุเทพ กล่าวว่า ต้องขาดหัวหน้าครอบครัวซึ่งเป็นเสาหลักและลูกชายที่กำลังเรียนอยู่ชั้น ป.5 ต้องมากำพร้าพ่อตั้งแต่ยังเล็ก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้มีการพูดคุยกัน และเตรียมที่จะฉลองในวันขึ้นปีใหม่ วันที่ 31 ธันวาคม 2555 แต่ทุกอย่างก็พังลงในพริบตา
"นายสุเทพหรือป๋าเทพ ที่บรรดาผู้คุมและนักโทษในเรือนจำเรียกกันนั้นเป็นผู้คุมที่ใจดี นักโทษและผู้คุมด้วยกันทุกคนเองก็รู้ เพราะย้ายมาจากเรือนที่นนทบุรีมาทำงานที่เรือนจำเขาบินได้เกือบ 10 ปีแล้ว เป็นคนรักครอบครัวมาก เมื่อขาดหัวหน้าครอบครัวไปแล้ว ตนกับลูกก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีเพราะตอนนี้ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น" นางเกสรกล่าว
นางเมือง จ้อยศรีเกตุ อายุ 75 ปี ผู้เป็นแม่ เดินทางไปรับศพลูกชายที่โรงพยาบาลราชบุรี กล่าวว่า ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้ายถึงขั้นลูกถูกทำร้ายจนเสียชีวิต
ทั้งนี้นายสมศักดิ์ รังษิโยภาสน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ จะกล่าวว่า กรมราชทัณฑ์จะดูแลครอบครัวของผู้คุมเรือนจำทั้งช่วยเหลือบุตรด้านการศึกษา ซึ่งไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ปกติได้เตรียมพร้อม โดยเฉพาะช่วงวันหยุดราชการหลายวัน ช่วงวินาทีที่นักโทษ 3 คนก่อเหตุถือเป็นเหตุสุดวิสัย เราพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อจะรักษาชีวิตของผู้คุม แต่ก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น
พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวยอมรับว่า เหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง ยอมรับว่าส่วนหนึ่งมาจากข้อจำกัดด้านบุคคลากรที่ไม่เพียงพอ
ใช่เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้วความรู้สึกของฝ่ายที่สูญเสียและผู้รับผิดชอบก็ออกมาในลักษณ์เช่นนี้เหมือนเดิมๆๆ และคงจำกันได้กับเหตุการณ์ลักษณ์เดียวกันนี้เมื่อปี 2543 ที่นักโทษเรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อชาวพม่าจำนวนได้จับเจ้าหน้าที่และผู้บริหารเรือนจำจำนวน 7 คนเป็นตัวประกันและหลบหนี หลังจากก่อเหตุกลางวงสัมมนาธรรมกลางเรือนจำสมุทรสาคร เวลาประมาณ 0.05 น. วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543 โดยที่นักโทษคนหนึ่งควงปืนยิงขู่ขึ้นฟ้า 1 นัด และเกิดความโกลาหลเสียงปืนดังขึ้นอีกหลายนัด ในจังหวะที่ผู้คุมและนักโทษมะรุมมะตุ้มเข้าแย่งปืนจากนักโทษชายชาวพม่า
เมื่อสิ้นเสียงปืน ร่างของนายดม ชิดทองปาน อนุศาสนาจารย์ กรมราชทัณฑ์ ครูสอนธรรมของนักโทษในเรือนจำล้มลงเลือดอาบร่างและเสียชีวิตในที่สุด
หลังจากนั้นปฏิบัติการไล่ล่านักโทษชาวพม่าที่จับตัวเจ้าหน้าที่และผู้บริหารเรือนจำจำนวน 7 คนเป็นตัวประกันแลัวหลบหนีก็เริ่มขึ้น ด้วยการต่อเพื่อขอปล่อยตัวประกันได้ทีละคน
จนกระทั้งนักโทษชาวพม่าเดินทางด้วยรถยนต์ไปถึงแยกทับศิลา ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เสียงอาวุธปืนสงครามรัวหลายชุดดังก้องไปทั่ว นักโทษชายชาวพม่า 9 นายก็แน่นิ่ง ร่างไร้วิญญาณกองทับในรถปิคอัพสีน้ำเงิน เป็นการจบภารกิจปฏิบัติการช่วยเหลือตัวประกันที่ยาวนานกว่า 21 ชั่วโมง
แม้นจะเป็นความสำเร็จในการปฏิบัติการครั้งนั้นและมีผู้เสียชีวิตเพียงคนเดียวคือนายดม ชิดทองปาน ซึ่งเป็นอดีตพระจบปริญญาตรีพุทธศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงการณราชวิทยาลัย (มจร) ครูสอนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ มจร วัดมหาธาตุ ซึ่งลูกศิษย์หลายรุ่นคงจะจำได้ดี
และยังมีรุ่นน้องของนายดม ชิดทองปาน อีกหลายคนที่ปฏิบัติหน้าที่ในลักษณะเดียวกันในเรือนจำ ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์เช่นที่เรือนจำกลางเขาบิน อดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เรือนจำจังหวัดสมุทรสาคร ก็ได้แต่หวังจะไม่เกิดความสูญเสียขึ้นอีก เพราะนั้นคือชีวิตบนเส้นด้ายจริงๆๆ
.........................
(หมายเหตุ : แหกคุกมหาชัยสู่'เขาบิน' ชีวิตบนเส้นด้ายของผู้คุม : สำราญ สมพงษ์รายงาน)