
คดี'หมอสุพัฒน์'ผู้บริสุทธิ์หรือฆาตกร
คดี'หมอสุพัฒน์'ผู้บริสุทธิ์หรือฆาตกร : 10ข่าวเด่นปี2555
นับเป็นคดีดังแห่งปี เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าไม้รวก จ.เพชรบุรี จับกุม พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ เลาหะวัฒนะ อายุ 57 ปี อดีตแพทย์อายุรกรรม โรงพยาบาลตำรวจ ที่ไปหลบซ่อนในรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่หาดปึกเตียน เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2555 เนื่องจากมีส่วนพัวพันกับการหายตัวไปของสองสามีภรรยาชาวเพชรบุรี คือ นายสามารถ นุ่มจุ้ย และน.ส.อรษา เกิดทรัพย์ ทั้งคู่วัย 30 ปี ถูกอุ้มหายไปตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2552
โดยเหตุที่ทำให้หมอสุพัฒน์ต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัย เมื่อ นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ พี่ชายแท้ๆ ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ไปให้ข้อมูลแก่ นายสว่าง นุ่มจุ้ย บิดาของนายสามารถ ว่า รถกระบะของลูกสะใภ้ที่หายไปกว่า 3 ปี พร้อมสองผัวเมีย ไปจอดซุกในบ้านร้าง เลขที่ 125/52-53 ชุมชนศิริโชติ ซ.กรุงเทพ-นนท์ 1 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นของหมอสุพัฒน์เคยอยู่อาศัย จนเป็นที่มาของการไปร้องรื้อคดีการหายตัว และตามจับกุมตัวหมอเพื่อดำเนินคดี ในข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยวและรับของโจร พร้อมกับการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควานหาหลักฐานและพยาน เพื่อแจ้งข้อหาฆ่าสองผัวเมียคู่นี้ โดยพ่อของเหยื่อผู้สูญหายเชื่อว่ามาจากความขัดแย้งที่บุตรชายและสะใภ้มีที่ดินติดกับไร่ของหมอ
คดีนี้เป็นที่สนใจของสังคม เพราะผู้ต้องหาเป็นถึงนายแพทย์ เป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ แต่ความคืบหน้าของการค้นหาหลักฐานพยานในเชิงคดีก็ยังไม่อาจแจ้งข้อหาฆาตกรรมสองผัวเมียได้ เพราะจากการขุดค้นไร่ของหมอสุพัฒน์ที่ จ.เพชรบุรี กว่า 14 ครั้ง พบโครงกระดูก 3 ศพ แต่เมื่อส่งไปพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล หรือ ดีเอ็นเอ กลับไม่มีศพใดเลยที่เป็นของนายสามารถ หรือ น.ส.อรษา แม้จะมี "นายกะลา" คนงานในไร่ของหมอสุพัฒน์ ออกมาอ้างว่า หมอมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของสองสามีภรรยา อีกทั้งยังอ้างด้วยว่าเสียชีวิตแล้ว โดยศพถูกฝังที่ใดที่หนึ่งในไร่
นอกจากนี้ยังอ้างถึงพฤติการณ์ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ว่า ชอบล่าสัตว์ นิสัยก้าวร้าว แม้แต่ตัวนายกะลายังถูกทำทารุณจนมือขาดถึงข้อศอก และขาพิการ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ค้นพบคลังปืนภายในบ้านที่ไร่ จ.เพชรบุรี และที่คลินิกย่านเพชรเกษม จำนวนกว่า 40 กระบอก ทำให้การสนับสนุนข้ออ้างของนายกะลามีน้ำหนัก
แต่คดีเพิ่มความซับซ้อน เมื่อโครงกระดูก 3 ศพ ที่พบ กลายเป็นว่าหนึ่งในศพเป็น "นายอีต้า" คนงานพม่าในไร่ของ พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ซึ่งมีพยานเป็นเพื่อนคนงานในไร่อีก 2 ราย ที่ตำรวจไปสืบหาตัวจนเจอ ให้การอ้างว่า หมอสุพัฒน์เป็นคนสั่งฆ่า เพราะไม่พอใจเกิดความหึงหวงที่นายอีต้าเข้าไปนอนดูโทรทัศน์ในห้องพักของ น.ส.วิลสา จันทรบัญชร ภรรยาคนที่ 3 ของหมอ และมีการนำตัวพยานไปชี้จุดฝังศพ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าแรงงานพม่าและค้ามนุษย์ต่อหมอสุพัฒน์อีก 2 ข้อหา
ขณะที่หมอสุพัฒน์ พร้อม 2 ลูกชาย คือ นายเอก และนายอัคร เลาหะวัฒนะ ได้ออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรม ยื่นหนังสือต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร โดยยืนยันว่าไม่ได้กระทำความผิดแต่อย่างใด ไม่มีส่วนรู้เห็นต่อการหายตัวไปของนายสามารถและน.ส.อรษา แต่กลับเป็นฝ่ายช่วยเหลือครอบครัวของนายสว่างด้วยซ้ำ เช่น การช่วยเหลือนำพี่สาวของนายสามารถเข้าทำงานที่โรงพยาบาลตำรวจ
พร้อมกันนี้ยังเปิดปมอีกประการ โดยพุ่งเป้าไปที่พี่ชาย คือ นายสุเทพ เลาหะวัฒนะ ว่ามีความขัดแย้งกับหมอสุพัฒน์ในเรื่องปัญหาครอบครัวที่ต่างฝ่ายต่างต้องการเป็นผู้ดูแลมารดาที่ป่วย จนมีคดีในชั้นศาล และต่างฝ่ายก็พยายามลดความน่าเชื่อถือของกัน ทั้งคู่ต่างก็นำคลิปออกมาโจมตี โดยเป็นเรื่องปัญหามรดกของตระกูล
โดยเฉพาะหมอสุพัฒน์ชี้ไปว่า เรื่องทั้งหมดมาจากพี่ชายที่ต้องการทำให้เขากลายเป็นผู้ต้องหา เพื่อหลุดจากการเป็นผู้ดูแลมารดา รวมทั้งการให้ข้อมูลว่า ปืนทั้งหมดสะสมไว้เพราะเป็นนักกีฬายิงปืน ไม่เพียงเท่านั้น ยังมอบหมายให้ทีมทนายความฟ้องกลับพยานหลายคนร่วมแจ้งความเท็จ
ทีมทนายของผู้ต้องหายังพยายามยื่นขอประกันตัวหมอสุพัฒน์และ น.ส.วิลสา ที่ถูกคุมขังในเรือนจำกลางเพชรบุรี แต่ศาลไม่อนุญาต จนเมื่อยื่นอุทธรณ์ขอประกันตัว น.ส.วิลสา ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์หรือรับของโจร ซึ่งอัยการส่งฟ้องเพียงคดีเดียว เนื่องจากมีวัตถุพยานและพยานบุคคลเพียงพอในการส่งฟ้อง โดยเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ศาลพิเคราะห์ว่าเป็นคดีที่มีอัตราโทษเล็กน้อย อีกทั้งประกอบกับเป็นผู้หญิงไม่สามารถไปยุ่งเกี่ยวกับพยานหลักฐานในคดีได้ จึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างดำเนินคดี
ดังนั้น พ.ต.อ.นพ.สุพัฒน์ ผู้ต้องหากักขังหน่วงเหนี่ยวและรับของโจร ในคดีการหายไปของสองสามีภรรยา และข้อหาร่วมกันฆ่าแรงงานพม่าและค้ามนุษย์ จากการพบศพคนงานพม่าในไร่ ซึ่งแนวโน้มของคดีอยู่ที่การต่อสู้ในเรื่องน้ำหนักของหลักฐานและพยานบุคคลในแต่ละฝ่าย แต่สำหรับการสูญหายของนายสามารถและน.ส.อรษา ที่มีการเชื่อกันว่า น่าจะเสียชีวิตแล้ว แม้แต่ครอบครัวของสองสามีภรรยาก็ยังปักใจเช่นนั้น
ทว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถแจ้งข้อหาเจตนาฆ่าได้ "ต้องมุ่งหาศพให้พบ" เพราะถือว่าเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เพื่อตรวจร่องรอยการฆาตกรรมใช้มัดตัวมือสังหาร จึงจะถือเป็นคำตอบสุดท้ายได้...ต้องติดตามคดีนี้ต่อไปว่า บทสรุปจะจบลงเช่นใด
..........................
(หมายเหตุ : คดี'หมอสุพัฒน์'ผู้บริสุทธิ์หรือฆาตกร : 10ข่าวเด่นปี2555)