'นักเตะ'ศัตรูพรีเมียร์ลีกหมายเลข1 | คมชัดลึก

                         เรามักจะติดแบ่งกลุ่ม และช่วยเหลือเกื้อกูลกลุ่มเดียวกัน เราตัดแล้วตัดเล่า แบ่งแล้วแบ่งเล่า แยกกันไปมาจนกระทั่งเกิดความบาดหมาง และลืมย้อนคิดกลับไปว่า..."เรา" ทั้งหมดนี้อาจจะมีที่มาเดียวกัน และถือเป็น "หนึ่งเดียว" แต่แรกเริ่ม และแน่นอนว่าโลกของฟุตบอลก็เข้าไปข้องเกี่ยวด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของการต่อสู้จาก 2 ฝั่งเป็นอย่างน้อย จนบางครั้งบางคนเผอเรอจนทำให้อารมณ์อยากจะเอาชนะตามประสาของคนที่มี "ของ" ในตัวอย่างเหลือเฟือ บวกกับอุปนิสัยของคนที่ไม่เคยยอมรับคำพ่ายแพ้เป็นคำตอบจากใคร...นั่นคือที่มาของคำว่า "ศัตรูมวลชนหมายเลข 1" แต่ใครจะเป็นคนนั้น "อาส์ก ยูเค" หนึ่งในองค์กรสำรวจประชามติของ สหราชอาณาจักร ได้ออกแบบสอบถามจากแฟนบอลทั้ง 20 สนามฟุตบอลของทีมใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และนี่คือ 5 อันดับแรกที่แฟนบอลยกให้เขาเป็น...ศัตรูพรีเมียร์ลีก หมายเลข 1...ในศตวรรษ 21 แม้บางคนจะจากไปแล้วก็ตาม

 

 

1. คริสเตียโน โรนัลโด้  48 เปอร์เซ็นต์

 

 

                         หลังจบสิ้น ฟุตบอลโลก 2006 รอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่ง คริสเตียโน โรนัลโด้ ได้ขยิบตาส่งสัญญาณให้เพื่อนร่วม ทีมชาติโปรตุเกส ว่าร่วมกันเรียกใบแดงจาก เวย์น รูนีย์ กองหน้าทีมชาติอังกฤษ สำเร็จ แฟนบอลอังกฤษ ที่ไม่ใช่ยูไนเต็ด รับเหตุการณ์นั้นไม่ได้ เนื่องจากทั้ง "รูน" กับ "รอน" เป็นเพื่อนร่วมทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยกัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวเท่ากับว่าโรนัลโด้ ไม่ได้ผูกพันใดๆ กับอังกฤษ แม้แต่น้อย กอปรกับเขามีท่าทีว่าจะย้ายไปอยู่ รีล มาดริด ใน สแปนิช ลาลีกา อยู่ตลอดเวลา กระแสโห่ใส่โรนัลโด้ ในอังกฤษ ยาวนานจนถึงปี 2008 ซึ่งไม่น่าจะมีใครล้มสถิติดังกล่าวลงได้แล้ว

 

 

2. เอล ฮัดจิ ดิยุฟ  34 เปอร์เซ็นต์

 

 

                         ไม่มีเหตุผลอื่นใด ด้วยความเป็น เอล ฮัดจิ ดิยุฟ ไม่ว่าเขาจะเคยใส่เสื้อทีมใดใน พรีเมียร์ลีก เขาเป็นคนที่แฟนบอลฝั่งตรงข้ามโห่ใส่มากที่สุด บุคลิกดื้อรั้น เล่นละคร ยั่วยุ สบถ แฟนบอลหลายคนกล่าวว่าเกลียดเข้ากระดูกดำ ไม่ใช่เพราะผลการแข่งขันแต่เป็นเพราะแบบฉบับที่เขาสร้างมันขึ้นมา โดยเฉพาะการที่เขาถ่มเสมหะใส่แฟนบอล เซลติก ในศึกสโมสรยุโรป ถ้วย ยูฟ่า คัพ เมื่อปี 2003 แม้แต่เหล่า "เดอะ ค็อป" ยังไม่ให้อภัย เพราะในความเป็นจริงแล้ว ลิเวอร์พูล กับเซลติก เป็นเหมือนทีมพี่น้องกัน ใช้เพลง "ยู วิลล์ เนเวอร์ วอล์ก อโลน" เป็นเพลงประจำทีมเหมือนกัน ส่งผลให้ เชราร์ อุลลิเยร์ ผู้จัดการทีม "หงส์แดง" ขณะนั้น ต้องออกมากล่าวโทษดิยุฟ และบริจาคเงินพร้อมอุทิศตนช่วยเหลือการกุศลให้ "ม้าลายเขียวขาว" เป็นการขอโทษ ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็อยู่ในถิ่น แอนฟิลด์ อีกไม่ถึงปีก็ต้องย้ายทีม

 

 

3. โจอี บาร์ตัน  29 เปอร์เซ็นต์

 

 

                         โจอี บาร์ตัน เคยถูกเรียกจากเพื่อนร่วมอาชีพว่า เป็นต้นตอแห่งความขัดแย้ง เขาปะทุอารมณ์ได้กับทั้งเพื่อนร่วมทีมและคู่ต่อสู้ หรือแม้แต่แฟนบอล และเหตุการณ์ที่ผู้คนมักไม่ให้อภัยเขา เพราะดูเหมือนเขาจะเป็นคนสร้างปัญหาขึ้นมาเอง อาทิ เมื่อปี 2004 ในคริสต์มาส ปาร์ตี้ ของ แมนฯ ซิตี ต้นสังกัดขณะนั้น เขาเอาซิการ์จุดไฟแล้วไปจ่อที่ตาของ เจมี แทนดี ผู้เล่นเยาวชนของทีม นั่นเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เขาเป็นผู้ก่อ ซึ่งถ้าหากจะเขียนรายงานหนึ่งหน้ากระดาษขนาด เอ 4 อาจยังไม่พอ

 

 

4. แอชลีย์ โคล  24 เปอร์เซ็นต์

 

 

                         แอชลีย์ โคล แม้ครั้งหนึ่งจะเคยถูกกล่าวขานว่าเป็นแบ็กซ้ายที่ดีที่สุดคนหนึ่งในโลกฟุตบอลสมัยใหม่ ทว่าเหตุการณ์ย้ายข้ามฟากจาก อาร์เซนอลไปเชลซี คู่ต่อสู้ร่วมกรุงลอนดอน เมื่อปี 2006 ด้วยการรับค่าจ้างเป็น 2 เท่า ในช่วงเวลาเดียวกับกับที่เขานอกใจ เชอรีล ทวีดี ภรรยาขณะนั้นถึง 2 ครั้ง นั่นทำให้กองเชียร์ฝั่งตรงข้าม "สิงโตน้ำเงินคราม" ต่างเรียกขานเขาด้วยถ้อยคำว่า "จูดาส" แทนความหมายคนทรยศอยู่นานกว่า 2 ปี และยังไม่หมดเท่านั้น เมื่อเขาดันไปเขียนในหนังสืออัตชีวประวัติส่วนตัวว่า เขาเรียกร้องเงินค่าจ้างเพิ่มซึ่งอาร์เซนอล ต้องจ่ายเท่านั้น สื่อในอังกฤษจึงพากันเรียกขานเขาว่า "แคชลีย์ โคล" หรือโคลหน้าเงิน นับแต่วันนั้น

 

 

5. เครก เบลลามี  22 เปอร์เซ็นต์

 

 

                         ด้วยการมีอารมณ์ร่วมต่อเกมมากชนิดเต็มถัง ไม่ว่าเขาจะเล่นให้ทีมใด เขาจะเป็นคนที่โดนจงเกลียดจงชังจากฝ่ายตรงข้ามเสมอมา และการที่เขาย้ายทีม 7 ครั้ง ในรอบ 8 ปี นั่นทำให้เขาไม่มีแฟนพันธุ์แท้มากนัก เขาเคยลอกคราบเป็น "แบดบอย" อยู่บ้างเมื่อสมัยที่ แกรม ซูเนสส์ เป็น ผู้จัดการทีมนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เมื่อปี 2004 และปฏิเสธให้เขาลงเล่น หรือถ้าจะลงก็ลงในตำแหน่งที่เขาไม่อยากเล่น แต่เหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนของเขาคือเมื่อปี 2007 "เบลเลอร์ส" ใช้ไม้กอล์ฟ หวด ยอร์น อาร์เน รีเซ เพื่อนร่วมทีมลิเวอร์พูล ขณะนั้น เนื่องจากเมาและไม่พอใจที่รีเซ ปฏิเสธจะร้องเพลง เขาจึงต้องออกจากถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อจบฤดูกาลแข่งขัน หลังจากเหตุการณ์นั้น เบลลามี ก็กลายเป็นคนดีขึ้นตามลำดับ และได้กลับมาอยู่กับ "หงส์แดง" ใหม่อีกครั้งในช่วงสั้นๆ

 

 

 

--------------------

(ศัตรูพรีเมียร์ลีก หมายเลข 1 : โดย...พันโชค ธัญญเจริญ <[email protected]>)