ข่าว

เรื่องกล้วยๆ

เรื่องกล้วยๆ

14 พ.ย. 2555

เรื่องกล้วยๆ : วันเว้นวันจันทร์ พุธ ศุกร์กับ ประภัสสร เสวิกุล

              คำว่า “สาธารณรัฐกล้วย” (Banana Republic) เป็นคำที่ใช้เรียกประเทศใดประเทศหนึ่ง ซึ่งขาดเสถียรภาพในทางการเมือง และเศรษฐกิจของประเทศขึ้นอยู่กับการส่งออกทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งโดยมากมักจะเป็นผลไม้หรือแร่ธาตุบางชนิด มักมีปัญหาทางชนชั้น และความขัดแย้งระหว่างนักธุรกิจ นักการเมือง และภายในกองทัพ ผู้ที่ใช้คำนี้เป็นคนแรกคือ โอ.เฮนรี่ นักประพันธ์อเมริกันที่มีชื่อเสียง ซึ่งเคยใช้ชีวิตอยู่ในฮอนดูรัสเป็นเวลาหลายปี จึงทำให้เป็นที่เข้าใจว่าคำว่าสาธารณรัฐกล้วยหมายถึงประเทศฮอนดูรัส ทั้งที่ตามความเป็นจริงคำคำนี้ใช้เรียกประเทศต่างๆ ทั้งในทวีปอเมริกาและทวีปอื่น ที่มีลักษณะดังกล่าว
 
              กล้วยได้กลายเป็นปัญหาระดับโลก เมื่อบรรดาประเทศผู้ปลูกและส่งออกกล้วยในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ อันได้แก่ บราซิล โคลอมเบีย คอสตาริกา เอกวาดอร์ กัวเตมาลา ฮอนดูรัส เม็กซิโก นิการากัว ปานามา เวเนซูเอลา และเปรู ได้ประท้วงภาษีศุลกากรที่สหภาพยุโรปเรียกเก็บจากประเทศเหล่านั้นในอัตราที่สูง ซึ่งเป็นเรื่องที่ยืดเยื้อมานานกว่า 20 ปี
 
              ในแต่ละปีประเทศลาตินอมริกาส่งกล้วยไปยังยุโรป ในปริมาณ 4.5 ล้านตัน และคนยุโรปบริโภคกล้วย เฉลี่ยคนละ 10 กก.ต่อปี แต่กล้วยทั้งหมดดำเนินการโดยบริษัทธุรกิจชั้นนำของสหรัฐ เช่น ชิกิตา โดล และไฟฟ์ โดยมีบริษัทของเบลเยียม 3 บริษัท รับช่วงในการขนส่งจากท่าเรือแอนต์เวิร์ป ของเบลเยียม ไปยังที่ต่างๆ ในยุโรป ซึ่งทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเป็นการทำธุรกิจแบบผูกขาดหรือเปล่า
 
              ปัญหาอีกประการหนึ่งคือการที่สหภาพยุโรปอำนวยประโยชน์แก่อดีตอาณานิคมของตนในลาตินอเมริกาและแอฟริกา เช่นให้สิทธิแก่กลุ่มแอฟริกา แคริบเบียน และแปซิฟิก (เอซีพี) มากกว่ากลุ่มประเทศลาตินอเมริกาซึ่งมีบริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกาอยู่เบื้องหลัง ดังจะเห็นได้ว่า บริษัทยักษ์ใหญ่จ้างคนงานทำงานในสวนกล้วย ที่โคลอมเบีย คอสตาริกา ฮอนดูรัส และปานามา เป็นจำนวนกว่า 5 หมื่นคน และครองตลาดยุโรป 50 เปอร์เซ็นต์ กับครองตลาดโลกถึง 66 เปอร์เซ็นต์
 
              ขณะที่สหภาพยุโรปให้การสนับสนุนประเทศในแอฟริกา แคริบเบียน และแปซิฟิก ซึ่งได้แก่ประเทศเซนต์ลูเซีย เกรนาดา และโดมินิกัน โดยอ้างว่าเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรรายย่อย ซึ่งมีต้นทุนการผลิตสูง ประชาชนมีอาชีพหลักในการปลูกกล้วยเพื่อส่งออก และมีส่วนแบ่งในตลาดยุโรปเพียง 8 เปอร์เซ็นต์ กับตลาดโลกเพียง 3 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น ผิดกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ เพราะทำเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ มีการจ้างแรงงานในราคาถูก
 
              ประเทศลาตินอเมริกาและสหรัฐ ได้พยายามเรียกร้องให้สหภาพยุโรปยกเลิกการเรียกเก็บภาษีศุลกากรกล้วย ในอัตราตันละ 176 ยูโร แต่สหภาพยุโรปอ้างว่าได้เคยเสนอที่จะใช้ระบบโควตาแต่ก็ได้รับการคัดค้านจากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกกล้วยในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ จึงทำให้เรื่องยืดเยื้อมาเป็นเวลานาน และมีการยื่นคำร้องต่อองค์การการค้าโลกด้วย
 
              อย่างไรก็ตาม เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งสองฝ่ายก็สามารถเจรจาตกลงกันได้ โดยสหภาพยุโรปยินยอมลดอัตราภาษีศุลกากรแก่กล้วยที่ส่งมาจากประเทศลาตินอเมริกาอย่างต่อเนื่อง จนเหลือ 114 ยูโรต่อตัน ภายในเวลา 8 ปี
 
              ครับ ปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหภาพยุโรปกับสาธารณรัฐกล้วยก็ลงเอยด้วยดีในระดับหนึ่ง แต่ก็คงจะเห็นแล้วว่าเรื่องกล้วยที่ไม่กล้วย ก็เพราะมีผลประโยชน์ของสหรัฐเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น ใครที่คิดจะหาทางให้สหรัฐกลับมามีบทบาทในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็ควรจะต้องคิดให้หนัก ๆ หน่อยนะครับ