ข่าว

อยากให้เมืองไทยมีถนนอย่างนี้บ้าง

อยากให้เมืองไทยมีถนนอย่างนี้บ้าง

03 พ.ย. 2555

เวิลด์วาไรตี้ : อยากให้เมืองไทยมีถนนอย่างนี้บ้าง

                         ทุกๆ วันที่เราๆ ท่านๆ สัญจรไปตามถนนเส้นต่างๆ ในเมืองไทย น่าจะมีความรู้สึกเช่นเดียวกันกับคนไทยอีกหลายล้านคนว่า “เมื่อไหร่จะซ่อมถนนเส้นนี้ให้ดีสักที” เพราะกว่าจะขับรถไปถึงจุดหมายได้ ต้องเสี่ยงภัยนานัปการ ทั้งหลุมบ่อที่อยู่ดีๆ ก็โผล่มาอยู่ตรงหน้ารถจนหักพวงมาลัยหลบไม่ทัน หรืออยู่ดีๆ ก็มีผู้ใช้ถนนที่นิสัยไม่ค่อยดีขี่มอเตอร์ไซค์สวนเลนมา ถนนบางสายก็ยังมืดตื๋อราวกับดินแดนลับแล ลึกลับจนไม่มีเสาไฟส่องทางและสายไฟฟ้าเข้าถึง ทำให้การสัญจรในเวลากลางคืนบนถนนเส้นนั้นให้ความรู้สึกราวกับกำลังเข้าบ้านผีสิงในสวนสนุก เพราะต้องลุ้นอยู่ตลอดเวลาว่าข้างหน้าจะมีอะไรโผล่มาให้ตกใจกันบ้าง

                         การใช้ชีวิตบนท้องถนนในเมืองไทยคงจะเป็นไปได้อย่างสบายใจมากขึ้น หากกรมทางหลวงบ้านเราเลือกใช้บริการการออกแบบเส้นทางถนน “อัจฉริยะ” ของทีมงานสตูดิโอ รูสการ์ด แห่งเนเธอร์แลนด์ ที่ออกแบบถนนฉลาดๆ ที่เพียบพร้อมทั้งความปลอดภัย ให้ข้อมูลผู้ขับขี่อย่างเพียบพร้อม แถมยัง “ชาร์จพลัง” ให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่แล่นไปบนเลนพิเศษที่จัดไว้ให้ด้วย

                         ถนนในฝัน (ของคนไทย) กำลังจะกลายเป็นถนนให้ใช้งานกันได้จริงในอนาคตอันใกล้ โดยรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ประกาศเดินหน้าโครงการถนนอัจฉริยะที่จะเริ่มก่อสร้างในช่วงกลางปี 2556 ซึ่งถือเป็นโครงการนำร่องก่อนที่จะขยายเส้นทางถนนอัจฉริยะชนิดนี้ไปทั่วยุโรป แทนที่ถนนสีดำที่เราๆ ท่านๆ คุ้นตากันไปทั้งหมด

                         ถนนที่ว่านี้จะมีระบบแสดงผลติดตั้งไว้บนพื้นถนนทุกตารางนิ้ว สามารถแสดงสภาพของพื้นผิวถนนตามเวลาจริง เช่น ในช่วงนั้นมีอากาศหนาวจัดและมีน้ำแข็งเกาะบนพื้นผิว ถนนก็จะแสดงสัญลักษณ์เป็นรูปเกล็ดหิมะให้ผู้ขับรถได้เห็น และเตือนว่าต้องเพิ่มความระมัดระวัง เนื่องจากผิวถนนที่เป็นน้ำแข็งจะลื่นมากเป็นพิเศษ แถมน้ำแข็งที่เกาะตัวเป็นชั้นบางๆ จะมองเห็นได้ยาก เนื่องจากมีความใส
 หลายท่านคงจะเห็นวิดีโอในเว็บไซต์ยูทูบที่มีรถยนต์วิ่งไปบนถนนดำแต่ไม่สามารถควบคุมทิศทางได้ ต้องปล่อยให้รถแล่น (ลื่น) ไปบนถนนตามยถากรรม นั่นแหละคือพื้นผิวถนนถูกน้ำแข็งเกาะตัวเป็นชั้นบางๆ ที่ฝรั่งเรียกกันว่า “แบล็ก ไอซ์” หรือ น้ำแข็งสีดำ ซึ่งเป็นภาวะที่คนในเมืองหนาวต่างหวาดกลัวกันอย่างที่สุด

                         นอกจากนั้นถนนตามแนวความคิดของสตูดิโอ รูสการ์ด ที่กำลังจะเกิดขึ้นจริงในยุโรป ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก เพราะเป็นถนนที่ใช้พลังงานน้อย แถมยังปลอดภัย เพราะไม่มีเสาไฟส่องทางเรียงรายไปตามข้างทาง โดยถนนจะเปิดไฟส่องทางจากด้านข้างของถนน โดยอาศัยเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวกระแสลมที่เกิดจากการเคลื่อนที่ของรถยนต์เป็นตัวกระตุ้นให้ไฟส่องทางที่ได้พลังงานจากแสงอาทิตย์ในช่วงกลางวัน เปิดขึ้นเป็นระยะๆ ในช่วงด้านหน้าของรถที่กำลังแล่น และจะปิดไฟเพื่อประหยัดพลังงานเมื่อรถคันนั้นผ่านไป

                         ทั้งยังมีออปชั่นพิเศษที่เรียกว่าถูกใจชาวยุโรปที่มีแนวคิดการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมกันอย่างสุดขั้ว และหันมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ากันมากขึ้น โดยได้รับการส่งเสริมจากรัฐบาลด้วยการลดภาษีซื้อรถยนต์ไฟฟ้าอย่างหนำใจ ทำให้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ไม่มีการปล่อยมลภาวะออกสู่สิ่งแวดล้อมวิ่งกันขวักไขว่ในยุโรป โดยถนนเส้นนี้สามารถ “ชาร์จ” พลังงานไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่ของรถไฟฟ้า ระหว่างที่แล่นไปบนเลนพิเศษที่จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะ

                         เลนพิเศษนี้จะใช้หลักการเดียวกันกับอัลเตอร์เนเตอร์ หรือเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ที่ใช้การเคลื่อนที่ของสนามแม่เหล็กในการก่อให้เกิดกระแสอิเล็กตรอนที่เราเรียกกันว่า “ไฟฟ้า” โดยบนถนนจะเป็นแม่เหล็กขั้วหนึ่ง ส่วนรถยนต์ก็จะติดตั้งอุปกรณ์พิเศษที่จะก่อสนามแม่เหล็กขึ้นมา เมื่อสนามแม่เหล็กทั้งสองเคลื่อนผ่านกันก็จะเกิดพลังงานไฟฟ้าป้อนเข้าสู่แบตเตอรี่รถยนต์ในที่สุด

                         ดูเหมือนว่าโครงการถนนเช่นนี้จะมีราคาแพง แต่สตูดิโอ รูสการ์ด ยืนยันว่า ถนนที่พวกเขาออกแบบมีอายุการใช้งานนานถึง 30 ปี ซึ่งมองในแง่ไหนๆ ก็ถือว่า “คุ้มค่า” ต่อการลงทุนเพื่อสิ่งแวดล้อมและการใช้ประโยชน์ในชีวิตของชาวยุโรปอย่างแท้จริง