ข่าว

ศาลปรับ'หมอวิชัย'6ล.รับซื้อรถเถื่อน

ศาลปรับ'หมอวิชัย'6ล.รับซื้อรถเถื่อน

30 ต.ค. 2555

ศาลอุทธรณ์ยืน รอลงอาญา 1 ปี ปรับ 2 พัน "หมอวิชัย" อดีต ส.ส.บ้านเลขที่ 111 ใช้ป้ายทะเบียนแดงปลอม และปรับกว่า 6 ล. รับซื้อรถนำเข้าเถื่อนเลี่ยงภาษี

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 30 ต.ค. 55  ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อ.3595/2549 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นพ.วิชัย ชัยจิตวณิชกุล อดีต ส.ส.อุดรธานี พรรคไทยรักไทย และอดีตสมาชิกบ้านเลขที่ 111 เป็นจำเลย ในความผิดฐานซื้อหรือรับไว้ด้วยประการใดฯ โดยหลีกเลี่ยงอากรและใช้เอกสารราชการปลอม ตามความผิด พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2496 มาตรา 27 ทวิ , พ.ร.บ.ศุลกากร (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2499 มาตรา 4 , ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33,91,268 , พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา ฉบับที่ 66 (พ.ศ.2526)มาตรา 4 และพ.ร.บ.ให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด พ.ศ.2489 มาตรา 4,5,6,7,8,9 

          คดีนี้โจทก์ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 4 ต.ค.49 ระบุความผิดจำเลยสรุปว่า เมื่อเดือน ธ.ค.40 - 20 มี.ค.41 จำเลยได้ซื้อหรือรับ รถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร ทะเบียนป้ายแดง ก -7999 กทม. ไว้ 1 คันราคา 904,1111.62 บาท เมื่อรวมอากรขาเข้าอีก 723,289 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 1,627,400.62 บาท ที่มีผู้ลักลอบนำรถยนต์คันดังกล่าวจากต่างประเทศเข้ามาโดยหลีกเลี่ยงอากร และจำเลยยังได้ใช้แผ่นทะเบียนป้ายแดง ก-7999 ที่ติดไว้กับรถดังกล่าว อันเป็นเอกสารราชการที่มีผู้ทำปลอมขึ้น โดยจำเลยรู้ว่าแผ่นป้ายทะเบียนที่มีผู้ทำปลอมขึ้นที่จะก่อให้เกิดความเสียหายกับกรมการขนส่งทางบก ซึ่งต่อมาวันที่ 20 มี.ค.41 เวลากลางวัน เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ ยึดรถยนต์คันดังกล่าว พร้อมแผ่นป้ายทะเบียนแดงปลอม จำนวน 2 แผ่น แผ่นป้ายกรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสพภัยจากรถ จำนวน 1 แผ่นไว้เป็นของกลาง จากบ้านของจำเลยเลขที่ 329/42 ซ.วิลล่า ต.หนองบัว อ.เมือง จ.อุดรธานี ในชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธ

          คดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 มี.ค.53 ให้ปรับจำเลยเป็นเงิน 6,509,602.25บาท ฐานรับไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นของที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงอากร และให้จำคุก 1 ปีพร้อมทั้งปรับ 2,000 บาท ฐานใช้เอกสารราชการปลอม แต่เนื่องจากจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสโดยรอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 1 ปี หากจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนค่าปรับไม่เกิน 1 ปี และให้จ่ายรางวัลแก่เจ้าพนักงานผู้จับกุมร้อยละ 20 ของเงินค่าปรับที่ได้ชำระต่อศาล รวมทั้งให้คืนรถยนต์ของกลางแก่เจ้าของ ส่วนของกลางอื่นให้ริบ ต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์

          ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า ได้กระทำผิดตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษาหรือไม่ ซึ่งจำเลยอ้างว่า หัวคะแนนของจำเลยเป็นผู้นำรถมาเสนอขายให้เพราะต้องการนำเงินไปรักษาโรคไต แต่เมื่อจำเลยขอดูเอกสารเกี่ยวกับการเสียภาษีแล้วไม่มีจึงยังไม่ได้รับซื้อ โดยหัวคะแนนนำสติ๊กเกอร์ชื่อจำเลยไปติดไว้ที่กระจกรถด้านหน้าแสดงการสนับสนุน และขอนำรถมาจอดทิ้งไว้ที่บ้านในวันที่ 19 ม.ค.41 ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าตรวจค้นบ้านจำเลยวันที่ 20 ม.ค.41 จำเลยเชื่อว่าเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองนั้น 

          ศาลเห็นว่าโจทก์ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าตรวจค้นบ้านของจำเลยใน จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 20 ม.ค.41 เบิกความซึ่งข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า การตรวจค้นพบรถมิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่ ป้ายแดง ก-7999 กทม. แต่ที่ด้านกระจกหน้าและด้านหลังรถไม่ติดแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษี ส่วนแผ่นป้ายกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ลงหมายเลขทะเบียนรถคนละคัน โดยกระจกด้านหน้ายังมีสติ๊กเกอร์ติดชื่อ นพ.วิชัย ชัยจิตวณิชกุล ส.ส.อุดรธานี ชื่อของจำเลยด้วย และเมื่อเจ้าหน้าที่เตรียมจะยึด ได้โทรศัพท์แจ้งจำเลยก่อนเนื่องจากขณะตรวจค้นจำเลยไม่ได้อยู่ที่บ้าน ขณะที่จำเลยร้องขอว่า อย่าเพิ่งยึดรถขอกลางไปแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอม จำเลยก็ได้ขอให้ลอกสติ๊กเกอร์ชื่อจำเลยที่กระจกด้านหน้ารถออก และในการส่งรถของกลางตรวจพิสูจน์ที่ กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่ามีการลบตัวเลขถังและครัชซี ซึ่งรถคันดังกล่าวมีผู้แจ้งหายไว้ที่ประเทศมาเลเซีย 

          นอกจากนี้โจทก์ยังมีคนเฝ้าบ้านของจำเลย เบิกความว่า จำเลยซื้อรถดังกล่าวมาได้ประมาณ 3-4 เดือน และวันที่ 16 ม.ค.41 จำเลยยังให้คนขับรถดังกล่าวไปส่งที่สนามบินอุดรธานีด้วย ซึ่งสอดคล้องกับ อดีตกำนัน ต.เพ็ญ จ.อุดรธานี พยานอีกปากที่เบิกความว่า ระหว่างที่อยู่ในพื้นที่เห็นจำเลยใช้รถดังกล่าว อีกทั้งทางนำสืบยังพบว่า จำเลย เคยตอบผู้ดำเนินรายการคุยข่าวทางโทรทัศน์ด้วยว่า นำรถมาใช้ตั้งแต่ปลายเดือน ธ.ค.40 - 20 มี.ค.41 รวมเวลาประมาณ 3 เดือน ขณะที่โจทก์ยังมีเจ้าหน้าที่จากบริษัท MMC สิทธิผล จำกัด ผู้จัดจำหน่ายและนำเข้ารถยนต์มิตซูบิชิ เบิกความด้วยว่า รถมิตซูบิชิ รุ่นปาเจโร่ ที่นำเข้าเมื่อบวกกับภาษีราคาประมาณ 3 ล้านบาท จึงรับฟังได้ว่า จำเลยซึ่งเคยเป็น รมช.พาณิชย์ ย่อมจะรู้ดีอยู่แล้วว่า เมื่อซื้อรถนำเข้าจะต้องมีการชำระภาษี และรถยนต์มิตซูบิชิ จะมีบจก. MMC สิทธิผล เป็นผู้จัดจำหน่าย แต่จำเลยกลับซื้อรถที่ราคาต่ำกว่าครึ่งหนึ่ง และไม่ทราบชื่อ-ที่อยู่เจ้าของรถที่ขาย 

          แต่ที่คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้รางวัลนำจับเจ้าหน้าที่ตำรวจร้อยละ 20 จากมูลค่าปรับ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยได้เข้ามอบตัว ไม่ใช่เป็นการนำจับ จึงเห็นควรแก้เป็นให้งดการจ่ายรางวัลนำจับ ส่วนโทษของจำเลย ให้เป็นไปตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษา