
วิถีทางรับราชการทหารกับความก้าวหน้าในยศ
วิถีทางรับราชการทหารกับความก้าวหน้าในยศ : มองมุมยุทธศาสตร์ โดยเรือรบเมืองมั่น Facebook : ruarob.muangman
หลังคำสั่งแต่งตั้งยศนายพลออกมา แต่ละเหล่าทัพก็จะออกคำสั่งแต่งตั้งยศระดับรองลงมา ซึ่งมักจะเป็นสองฉบับสำคัญคือพันเอกพิเศษในระดับรองผู้อำนวยการสำนักหรือเทียบเท่า หรือที่เรียกกันเล่นๆ ว่าตำแหน่งรองนายพล เพราะเป็นพันเอกพิเศษที่มีอำนาจเหนือพันเอกพิเศษอื่น กับฉบับที่ให้พันเอกและพันเอกพิเศษรับราชการในตำแหน่งต่างๆ อันหลังนี้รวมทั้งพันโทที่ได้เลื่อนยศขึ้นมาด้วย แน่นอนว่าคนที่มีชื่อในคำสั่งสองฉบับนี้ส่วนใหญ่ย่อมยินดี หรืออย่างน้อยก็รู้สึกเป็นกลางๆ เมื่อแค่สลับตำแหน่งไปมาแต่ชั้นเท่าเดิม ส่วนคนที่ไม่มีชื่อก็ต้องรอโอกาสหน้า คนที่ลุ้นมาหลายปีแล้วก็อาจไม่สบายใจหน่อย แต่นี่คือวิถีของการรับราชการ
ว่ากันว่ายศที่ได้ยากลำบากที่สุดคือร้อยตรีกับพันเอก เพราะทหารชั้นประทวนนั้นก็หวังจะติดดาวกันทุกคน การเลื่อนชั้นจากสิบตรีขึ้นเป็นจ่าสิบเอกนั้นในปัจจุบันไม่ถึงกับรากเลือดเหมือนในอดีต กรมส่วนใหญ่เมื่อวาระถึงก็มักจะได้ตำแหน่ง เราจึงมีจ่าสิบเอกที่ช่วยอายุต่างกันแบบลุงกับหลานคือ 30 ต้นๆ กับ 50 ปลายๆ แต่การที่จะได้เป็นนายร้อยนั้นถ้าไม่ทำงานเข้าตาผู้บังคับบัญชาจริงๆ ก็ต้องสอบแข่งขันโดยมีอัตราคู่แข่งมากน้อยแล้วแต่หน่วย เรื่องวิธีพิเศษถึงจะมีบ้างก็ไม่มากนัก ยศนี้จึงนับว่าเป็นรั้วกั้นที่ยากต่อการก้าวข้าม
ระดับสัญญาบัตรนั้นในปัจจุบันการลุถึงพันโทมีความเป็นไปได้สูง ถ้าเป็นคนมีปัญญาและประพฤติไม่เสียหาย แม้ว่าระดับนี้เป็นถึงผู้บังคับกองพันซึ่งจำกัดอัตรา แต่ก็ยังมีตำแหน่งเทียบเท่าอื่นๆ เช่น หัวหน้าแผนกหรือประจำกอง แต่ตำแหน่งที่จะขึ้นต่อจากนี้ก็ยากลำบากมากโดยเฉพาะกับผู้ที่ไม่ผ่านหลักสูตรการศึกษาทางทหารระดับสูงเช่นเสนาธิการหรือฝ่ายอำนวยการ เพราะตำแหน่งพันเอกของกองทัพไทยมักล็อกด้วยหน้าที่เฉพาะ ยิ่งในต่างจังหวัดยิ่งมีน้อยมาก การที่พันโทอายุ 30 กลางๆ กับ 50 ปลายๆ จะทำงานในระนาบเดียวกันจึงเป็นเรื่องปกติ
จากพันเอกเป็นนายพลก็เป็นเรื่องยาก เพราะพันเอกของไทยในทางพฤตินัยมีถึง 7 ระดับไล่ไป คือพันเอกไม่มีเงินตำแหน่ง พันเอกระดับผู้ช่วย ระดับรอง พันเอกพิเศษไม่มีเงินตำแหน่ง แบบนายทหารปฏิบัติการที่มีเงินตำแหน่ง ระดับผู้อำนวยการกองหรือเทียบเท่า และรองนายพล ซึ่งก็ต้องฝ่าฟันกันรากเลือดกว่าจะได้รับการพิจารณาให้เป็นพลตรี ซึ่งก็คงต้องสู้กันต่อไปไม่ว่าจะเป็นผู้อายุ 40 ต้นๆ หรือใกล้เกษียณ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นการอธิบายสภาพโอกาสของชีวิตการรับราชการของทหารแต่ละคน ยินดีกับผู้ได้เลื่อนยศและเสียใจกับผู้พลาดหวัง ลาภที่พ่วงกับตำแหน่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับครอบครัวและตัวเราก็จริง แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายอันดับหนึ่งของการเลือกรับใช้ชาติโดยทำอาชีพนี้ ความภูมิใจในการใส่เครื่องแบบนั้นจะต้องยังมีอยู่เต็มเปี่ยมเสมอแม้ไม่สมหวังในบางสิ่ง เพราะเกียรติภูมิที่แท้จริงของทหารคือการอุทิศชีวิตเพื่อผู้อื่นมากกว่าเพื่อตัวเอง