
จับยกแก๊ง!สามีจ้างฆ่าเมียซี5
จับยกแก๊ง สามีจ้างฆ่าเมียสาวซี 5 กรมการปกครอง อ้างอารมณ์ร้าย ขู่อาฆาต ขัดขวางไม่ให้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 55 จากเหตุการณ์เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 15 ต.ค. ที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ษน 7551 กรุงเทพฯ เป็นเหตุให้ น.ส.สุรีย์ ยุวดำรงชัย คนขับเสียชีวิต เหตุเกิดบริเวณเชิงสะพานคลอง 10 ต.บึงทองหลาง อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พื้นที่รับผิดชอบ สภ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ท.นเรศ นันทโชติ ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัชต์ รอง ผบช.ภ.1 , พล.ต.ต.สมิทธิ มุกดาสนิท ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี , พ.ต.อ.อำนาจ จันทร์เจริญ รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี นำโดย พ.ต.อ.วรพจน์ ชูเชิด ผกก.กก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.สมยศ รามกุล ผกก.สภ.ลำลูกกา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส. ภ.จว.ปทุมธานี , สภ.ลำลูกกา จว.ปทุมธานี และสภ.โพรงมะเดื่อ จ.นครปฐม ได้ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมผู้ต้องหา คือ 1. นายดนัย หรือตูน มาตะราช อายุ 29 ปี คนขับรถจักรยานยนต์คันก่อเหตุ 2. นายภาวินทร์ หรือตุ้ย ก๋งเหม็ง อายุ 26 ปี คนใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย 3. นายธรรมนูญ หรือหนุ่ม บุญไว อายุ 36 ปี เจ้าของซุ้มมือปืนโพรงมะเดื่อ 4. นายสมควร แก้วเขียว อายุ 47 ปี ผู้จ้างวานและชี้เป้า พร้อมด้วยของกลาง อาวุธปืนพกแบบรีวอลเวอร์ ขนาด.38 ยี่ห้อโคลต์ ที่ใช้ก่อเหตุ , กระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 6 นัด , โทรศัพท์เคลื่อนที่ยี่ห้อ MASTER สีขาว ของนายภาวินทร์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ยี่ห้อ NOKIA รุ่น N70 สีดำ ของนายดนัย , โทรศัพท์เคลื่อนที่ยี่ห้อ NOKIA สีขาว ของนายดนัย , หมวกกันน็อค สีดำ ยี่ห้อ INDEX จำนวน 2 ใบ ที่ผู้ต้องหาทั้งสองสวมใส่ขณะก่อเหตุ , เสื้อและกางเกงตัวที่ผู้ต้องหาสวมใส่ขณะก่อเหตุ , รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นโซนิค ไม่ติดแผนป้ายทะเบียน สภาพเดิมสีน้ำเงินและถูกพ่นสีเขียวทับเพื่ออำพราง ล้อสีทอง ซึ่งผู้ต้องหาใช้เป็นยานพาหนะขณะก่อเหตุ และยังมีผู้ต้องหาอีกคน คือนายกฤษ พลสระคู อายุ 41 ปี ผู้รับงาน ซึ่งยังคงหลบหนีอยู่
ทั้งนี้นายสมควร สามีของผู้ตาย ให้การรับสารภาพว่า โกรธแค้นผู้ตาย ซึ่งเป็นภรรยาคนที่ 2 ที่เป็นคนอารมณ์ร้อน เอาแต่ใจ ชอบดุด่า ขู่อาฆาต มีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันเป็นประจำ ผู้ตายชอบโทรศัพท์ไปรบกวนภรรยาและบุตรที่ถูกต้องตามกฎหมาย ที่อยู่ จ.พระนครศรีอยุธยา และถูกผู้ตายขัดขวางไม่ให้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่ราชการ โดยสอบเป็นปลัดอำเภอได้ แต่ผู้ตายไม่ยินยอมให้ไปดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอที่ต่างจังหวัด โดยกล่าวคำขู่อาฆาตว่าจะทำให้บุคคลที่รักได้รับความเดือดร้อนทุกคนหากแยกทางไป จึงได้ไปว่าจ้างนายกฤษ ให้จัดหามือปืนมายิงผู้ตาย และได้จ่ายเงินค่าจ้างไปในราคา 600,000 บาท ก่อนลงมือยิงได้ให้เงินไปเงินล่วงหน้า 200,000 บาท หลังจากก่อเหตุเรียบร้อยแล้ว จ่ายเงินไปอีก 400,000 บาท แต่ก็มาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมไว้ได้
พล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัชต์ รอง ผบช.ภ.1 กล่าวเปิดเผยว่า จากการสืบสวนติดตามจับกุมคนร้าย หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.ภ.จว.ปทุมธานี และ สภ.ลำลูกกา ได้ร่วมกันสืบสวนจนทราบว่า ในวันเกิดเหตุมีคนร้ายจำนวน 2 คน ใช้รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นโซนิค สีน้ำเงิน ล้อสีทองเป็นยานพาหนะ มาดักรอผู้ตายบริเวณทางเข้าแฟลตกรมการปกครอง จากนั้นได้ขับรถตามผู้ตายไปถึงสะพานคลอง10 และใช้อาวุธปืนยิงจนเสียชีวิตและหลบหนีไป จากพยานหลักฐานที่พบเชื่อว่าสาเหตุของคดีเกิดจากความขัดแย้งเรื่องทรัพย์สินของผู้ตาย เนื่องจากผู้ตายขณะทำงานอยู่ที่กรมการปกครองเป็นคนมีฐานะ มีทรัพย์สินและเงินสดสะสมอยู่จำนวนมาก นอกจากนี้ผู้ตายมีความสัมพันธ์กับนายสมควร แก้วเขียว อดีตเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง ซึ่งพักอาศัยอยู่แฟลตของกรมการปกครองเช่นเดียวกัน ทำให้นายสมควร ทราบดีว่าผู้ตายมีทรัพย์สินจำนวนมากและเก็บรักษาไว้ที่ตัวผู้ตายเอง ต่อมาผู้ตายได้พูดว่าจะแบ่งทรัพย์สินที่มีอยู่ให้กับญาติพี่น้อง เชื่อว่าทำให้นายสมควร เสียผลประโยชน์ เนื่องจากเคยได้รับแบ่งทรัพย์สินจากผู้ตายเป็นประจำ จึงวางแผนฆ่าผู้ตายเพื่อหวังในทรัพย์สินดังกล่าว จากการสืบสวนทราบว่านายสมควร ได้ติดต่อหามือปืนผ่านนายกฤษ จากนั้นนายกฤษ ได้ติดต่อหามือปืนจากซุ้มโพรงมะเดื่อ จ.นครปฐม ซึ่งมีนายธรรมนูญ หรือหนุ่ม บุญไว เป็นหัวหน้าซุ้ม จำนวน 2 คน มาทำงานนี้ คือ นายภาวินทร์ หรือตุ้ย ก๋งเหม็ง คนยิง และนายดนัย หรือตูน มาตะราช คนขับรถจักรยานยนต์
ในวันเกิดเหตุ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมา ผู้ต้องหามีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างเป็นขั้นตอนคือ นายสมควร ทำหน้าที่โทรศัพท์ติดต่อกับผู้ตายเพื่อรายงานความเคลื่อนไหวให้กับนายกฤษ เมื่อผู้ตายกำลังเดินทางออกจากแฟลตเพื่อไปทำงาน นายสมควร จึงโทรชี้เป้าให้นายกฤษ ทราบ จากนั้นนายกฤษ จึงโทรแจ้งชุดก่อเหตุคือ นายภาวินทร์ และนายดนัย ซึ่งขับรถจักรยานยนต์ดักรออยู่แล้วทราบอีกต่อหนึ่ง จากเหตุการณ์ดังกล่าว หลังจากก่อเหตุได้หลบหนีไปอยู่ที่ ต.โพรงมะเดื่อ จ.นครปฐม ส่วน นายกฤษ ผู้รับงาน ยังคงหลบหนีไปได้
จากนั้นจึงนำตัวส่งดำเนินคดีในข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน , มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่มีเหตุอันสมควร" และ "ร่วมกันเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นไปกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน"