ข่าว

ก้าวแรกของ'เพรียวพันธ์'สู่ทางการเมือง

ก้าวแรกของ'เพรียวพันธ์'สู่ทางการเมือง

15 ต.ค. 2555

ก้าวแรกของ'เพรียวพันธ์'สายตรง'ชินวัตร'คนล่าสุดที่สู่เส้นทางการเมือง

               พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ เพิ่งเกษียณราชการในตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังจากได้ก้าวสู้ตำแหน่งสูงสุดของ สตช.เมื่อปีที่แล้ว หลังจากยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้มีศักดิ์เป็น "น้องสาวอดีตน้องเขย" ก้าวขึ้นเป็นนายกฯ

              เดือนหน้า เพรียวพันธ์ จะมีอายุครบ 61 ปี เขาเป็นบุตรชายคนที่ 2 ของ พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์ อดีตผู้ช่วยอธิบดีกรมตำรวจ กับ นางพจนีย์ ณ ป้อมเพชร มีพี่น้อง 3 คน คือ นายพงศ์เพชร ดามาพงศ์ อดีตผู้อำนวยการการเลือกตั้งพรรคไทยรักไทย จังหวัดเชียงราย, พล.ต.ท.นพ.พีระพงศ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ และคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และมีพี่ชายบุญธรรม 1 คนคือ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์

               เพรียวพันธ์ เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ นายแก้วสรร อติโพธิ อดีต ส.ว.กรุงเทพมหานคร และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทจากสหรัฐอเมริกา

               เพรียวพันธ์ เข้าสู่วงการตำรวจ โดยไม่ได้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ แต่ผ่านการอบรมหลักสูตร นายร้อยตำรวจอบรม รุ่นที่ 16 (นรอ.16) เริ่มรับราชการเมื่อปี พ.ศ. 2514 ตำแหน่งสำรองพิเศษ สังกัด กก.2ส. ต่อมาได้เป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตร ในปี พ.ศ. 2517 ในตำแหน่งรองสารวัตรแผนก 1 กก.สส.นครบาลเหนือ และเติบโตมาเรื่อยๆจนเป็น ผู้กำกับการตำรวจท่องเที่ยว ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง รองผู้บัญชาการกองปราบปราม ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และได้เป็น ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปส.) เมื่อปี 2543

               เพรียวพันธ์ มีผลงานโดดเด่นด้านการปราบปรามยาเสพติดตามนโยบายทำสงครามกับยาเสพติดในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และเติบโตก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ราชการอย่างมาก โดยได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทั้งที่เป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่มีอาวุโสเป็นอันดับ 5 ก้าวข้ามอาวุโสผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนอื่น ๆ ที่มีอาวุโสสูงกว่าในขณะนั้น 4 คน คือ พล.ต.ท.บุญเพ็ญ บำเพ็ญบุญ, พล.ต.ท.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส, พล.ต.ท.สุเทพ ธรรมรักษ์ และ พล.ต.ท.ณพัฒน์ ศรีหิรัญ และต่อมาได้ครองยศ พล.ต.อ. ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 ซึ่งทำให้ได้รับการวิจารณ์ว่าเป็นเพราะความเป็นเครือญาติกับทักษิณ

               ต่อมาหลังการ รัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ. 2549 เขาถูกโยกย้ายไปเป็น ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ ด้านความมั่นคง ในสังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี แต่ต่อมาหลังจากพรรคพลังประชาชนชนะการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ในช่วงรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช เขาได้กลับมาดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติอีกครั้ง

               แม้จะเพิ่งกลับมาดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2551 แต่ถือว่าเพรียวพันธ์ เป็น รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่มีอาวุโสสูงสุด ในขณะนั้น เนื่องจากมีคำสั่งศาลปกครองให้นับอาวุโสของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ต่อเนื่องตั้งแต่ได้ดำรงตำแหน่งครั้งแรก ทำให้เป็นผู้หนึ่งที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่จะได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ต่อจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่จะเกษียณอายุราชการในปี 2552 แต่ปรากฏว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้เลือกที่จะตั้ง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา สบ.10 ดำรงตำแหน่งรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และต่อมาก็ตั้งเป็น ผบ.ตร. ทำให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อขอความเป็นธรรม โดยยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง เนื่องจากตนเป็นรอง ผบ.ตร.ที่อาวุโสสูงสุด จึงควรจะได้รับตำแหน่งนี้มากกว่า

               ต่อมาใน กลางปี 2554 ในช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พล.ต.อ.วิเชียร ได้ขอลาพักผ่อนภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรี ได้มีมติแต่งตั้งนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกมองว่าเป็นการทำตำแหน่งให้ว่าง เพื่อรอรับโอนวิเชียร ไปดำรงตำแหน่งดังกล่าวเพื่อเปิดทางให้กับเพรียวพันธ์ ซึ่งในที่สุดก็เป็นอย่างนั้น คือ คณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ได้ตั้ง วิเชียร ไปเป็นเลขาธิการ สมช. และส่งผลให้เพรียวพันธ์ ได้รับแต่งตั้งเป็นรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และต่อมาก็ได้รับแต่งตั้งเป็น ผบ.ตร.