
สัมผัส2หมู่บ้านท่องเที่ยวใหม่เมืองช้าง
สัมผัส2หมู่บ้านท่องเที่ยวใหม่เมืองช้าง เรียนรู้การผลิตผ้าไหมไทยสู่โกอินเตอร์ : คอลัมน์ท่องโลกเกษตาร : โดย...ดลมนัส กาเจ
จังหวัดสุรินทร์ไม่เพียงแต่จะขึ้นชื่อในด้านข้าวหอมมะลิระดับแนวหน้าของประเทศไทย หากแต่ในช่วงเวลาว่างจากการทำนา เกษตรกรใช้เวลาว่างมาปลูกหม่อนเลี้ยงใหม่ และนำเส้นไหมไปแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์ผ้าไหมมาตั้งแต่บรรพบุรุษ จนได้รับการยอมรับมายาวนานว่าผ้าไหมแห่งเมืองช้างเป็นผ้าไหมที่มีคุณภาพ กระทั่งได้รับการคัดสรรให้เป็นสุดยอดสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือโอท็อประดับ 5 ดาว ทำให้ผลิตภัณฑ์ผ้าไหมเมืองสุรินทร์สร้างมูลค่าทางการค้าปีละเกือบ 1,000 ล้านบาททีเดียว จนปัจจุบันผลิตภัณฑ์ผ้าไหมจากเมืองสุรินทร์มีชื่อเสียงทั้งในประเทศและทั่วโลก
จากความหลากหลายของผ้าไหมของ จ.สุรินทร์ จึงทำให้หลายหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตผ้าไหมไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านประทุน ต.แตล อ.ศีขรภูมิ หมูบ้านหม่อนไหมพัฒนา ต.แจนแวน อ.ศรีณรงค์ และหมู่บ้านอื่นใน จ.สุรินทร์ จะมีผู้คนหลั่งไหลเข้าดูงานด้านการผลิตผ้าไหม และเลือกซื้อผ้าไหมไม่ขาดสาย จังหวัดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเนรมิตหมู่บ้านที่ผลิตผ้าไหมที่มีชื่อเสียงมาพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เพื่อจะได้สัมผัสชีวิตเกษตรกรที่ผลิตผ้าไหมหลังการทำนา โดยจะเริ่มดูงานตั้งแต่เริ่มจากการปลูกต้นหม่อนเพื่อเลี้ยงไหมจนถึงกระบวนสุดท้ายของการผลิตผ้าไหมนั่นเอง
ล่าสุดราวกลางเดือนที่แล้ว (ก.ย.2555 ) จ.สุรินทร์ ได้ยกฐานะหมู่บ้านที่ผลิตผ้าไหมเป็นแหล่งท่องเที่ยว 2 หมู่บ้าน คือ บ้านประทุน ต.แตล อ.ศีขรภูมิ และบ้านหม่อนไหมพัฒนา ต.แจนแวน อ.ศรีณรงค์ เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวผ้าไหม และในโอกาสวันเปิดทั้ง 2 หม่บ้านที่ว่านี้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ทีมงานท่องโลกเกษตร "คม ชัด ลึก" ได้รับเชิญไปร่วมงานและทำข่าวในวันเปิดหมู่บ้านท่องเที่ยวผ้าไหมทั้ง 2 แห่งนี้ด้วย
การเดินไปทำข่าวในครั้งนี้ เราเริ่มต้นที่สนามบินนานาชาติอุดรธานี จ.อุดรธานี ในช่วงคล้อยบ่ายของวันที่มีสภาพของอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน บางจังหวะก็มีฝนโปรยลงมา ขณะที่เรามุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านประทุน ต.แตล อ.ศีขรภูมิ เพื่อให้ทันพิธีเปิดงานในช่วงพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าในเวลา 18.00 น.
หมู่บ้านประทุน จะมีชื่อเสียงในด้านการผลิตผ้าไหมที่ได้รับรางวัลเป็นเป็นผ้าโสร่งหางกระรอก ส่วนหมู่บ้านหม่อนไหมพัฒนา จะมีชื่อเสียงในด้านย้อมสีมะเกลือที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวกูย หรือส่วย และแล้วคณะของเราไปถึงก่อนเวลาพอสมควร
กระทั่งได้ฤกษ์งามยามดี พิภพ ดำทองสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ก็มาเป็นประธานในพิธีเปิดหมู่บ้านผลิตผ้าไหมเพื่อการท่องเที่ยว ในรูปแบบของโฮมสเตย์ ณ บ้านประทุน และวันรุ่งขึ้นก็ไปร่วมพิธีเปิดที่หมูบ้านหม่อนไหมพัฒนา ต.แจนแวน อ.ศรีณรงค์
พิภพ บอกว่า ผ้าไหม จ.สุรินทร์ สามารถสร้างมูลค่าทางการค้าปีละเกือบ 1,000 ล้านบาท ดังนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดจึงมีนโยบายในการพัฒนาผ้าไหม โดยได้จัดสรรงบประมาณพัฒนาจังหวัดเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนตั้งแต่กระบวนการผลิต เริ่มตั้งแต่การปลูกหม่อนเลี้ยงไหม แบบวิถีธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี เพื่อให้เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และแตกต่างจากผ้าไหมทั่วๆ ไป ไม่เป็นพิษเป็นภัย หรือมีผลข้างเคียงกับผู้บริโภค ภายใต้คำขวัญว่า "วิถีสุรินทร์ วิถีธรรมชาติ" รวมทั้งสนับสนุนการเปิดหมู่บ้านผลิตผ้าไหม เพื่อการท่องเที่ยวในรูปแบบโฮมสเตย์ เพื่อเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ภูมิปัญญาไทย และส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่ชาวบ้านมีการสืบสานภูมิปัญญาของบรรพบุรุษมาเป็นอาชีพเสริมเลี้ยงครอบครัว
ปัจจุบัน จ.สุรินทร์ ได้ดำเนินการเปิดหมู่บ้านผลิตผ้าไหมเพื่อการท่องเที่ยวในรูปแบบโฮมสเตย์ มีทั้งหมด 4 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่บ้านท่าสว่าง หมู่บ้านนาตรัง ล่าสุดหมู่บ้านประทุน และหมู่บ้านหม่อนไหมพัฒนา ต่อไปจะเร่งดำเนินการส่งเสริมหมู่บ้านอื่นๆ ที่มีการผลิตผ้าไหมให้เป็นหมู่บ้านผลิตผ้าไหมเพื่อการท่องเที่ยวในรูปแบบของโฮมสเตย์จนครบทั่วทั้งจังหวัดในเวลาระยะอันใกล้นี้ จึงขอเชิญชวนมาเที่ยวหมู่บ้านผลิตผ้าไหมเพื่อการท่องเที่ยวที่สามารถเดินทางมาเช้าไปเย็นกลับ หรือพักค้างคืนแบบโฮมสเตย์ก็ได้และท่านจะประทับใจ ทั้งเรื่องคุณภาพสินค้า และความปลอดภัยอย่างแน่นอน
ด้านประจวบ จำปาทอง ประธานกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรบ้านประทุน วัย 44 ปี บอกว่า ชาวตำบลแตล อ.ศีขรภูมิ กว่า 80% มีการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม่หลังการทำนามาตั้งแต่บรรพบุรุษแล้ว เดิมทีจะเน้นในการทอผ้าไหมเพื่อใช้เอง ช่วงหลังผ้าไหม จ.สุรินทร์ มีชื่อเสียงมาก และได้รับรางโอท็อป ระดับ 5 ดาว และได้รับรางวัลอื่นอีกมากมาย ทำให้คนสนใจผ้าไหมใน จ.สุรินทร์ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีคนเดินทางไปดูการผลิตและซื้อสินค้าไม่ขาดสาย จนจังหวัดมาสนับสนุนเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเพื่อให้นักท่องเที่ยวมาดูขั้นการผลิตอย่างน้อย 5 ฐาน คือเริ่มจากการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม การย้อมสี การกรอเส้นไหม การทอ และการจำหน่าย หากนักท่องเที่ยวไม่นอนค้างคืนจะคิดฐานละ 200 บาทต่อ 1 กลุ่ม หากค้างคิดค่าบ้านพักคนละ 100 บาท ค่าอาหารอีกคนละ 50 บาท ตอนนี้มีโฮมสเตย์ที่รองรับนักท่องเที่ยวอยู่ราว 12 หลัง สามารถนอนได้หลังละ 5-10 คน
ขณะที่ กสิณ นวลโคกสูง พัฒนาการจังหวัดสุรินทร์ บอกว่า การส่งเสริมหมู่บ้านประทุน และหมู่บ้านหม่อนไหมพัฒนา เพื่อเปิดให้เป็นหมู่บ้านผลิตผ้าไหมเพื่อการท่องเที่ยว เพราะมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นในการทอผ้าไหม เป็นภูมิปัญญาที่สืบต่อกันมาจากบรรพบุรุษและมีวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวพื้นเมือง มีการรักษาเอกลักษณ์งดงามไว้อย่างดี และสภาพภูมิอากาศรอบหมู่บ้านน่าอยู่ อากาศดี หากนักท่องเที่ยวมาพักผ่อนลักษณะโฮมสเตย์ จะได้เยี่ยมชมกระบวนการผลิตผ้าไหม เรียนรู้วัฒนธรรมพื้นเมืองควบคู่กันไป
"ผ้าไหม จ.สุรินทร์ มีชื่อเสียงและคุณภาพมาก มีกระบวนการผลิตผ้าไหมซับซ้อน ผลงานออกมาเป็นชิ้นงานที่ประณีตสวยงาม แต่ราคายุติธรรม อย่างที่หมู่บ้านหม่อนไหมพัฒนา มีชาวบ้าน 2-3 ชาติพันธุ์ อาทิ กุย หรือส่วย จะผลิตผ้าไหมย้อมมะเกลือ และมีกระบวนการผลิตซับซ้อน 1 ผืนใช้เวลาย้อมเป็นเดือน เป็นผ้าที่ใช้ไหมอ่อนเส้นเล็ก เมื่อนำไปทอเนื้อผ้าไหมไม่หนา นุ่ม เย็นสบาย ตรงนี้แหละคาดว่าจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชม นอกจากนี้มีการส่งเสริมหมู่บ้านให้มีความน่าอยู่ จะมีการสอนภาษาให้แก่มัคคุเทศก์น้อย เพื่อเตรียมการต้อนรับนักท่องเที่ยว และรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี ในปี 2558 นี้ด้วย" กสิน กล่าว
ก็นับเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกรูปแบบหนึ่งที่ท่านผู้สนใจในการผลิตผ้าไหมสามารถเดินทางไปชมได้ เพราะผ้าไหมสุรินทร์เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ขนาดโรงจำนำหลายแห่งยินดีรับจำนำผ้าไหมสุรินทร์อีกด้วย
...............................................
( สัมผัส2หมู่บ้านท่องเที่ยวใหม่เมืองช้าง เรียนรู้การผลิตผ้าไหมไทยสู่โกอินเตอร์ : คอลัมน์ท่องโลกเกษตาร : โดย...ดลมนัส กาเจ)